ช่าวชูเจิ้งฉีแสยะยิ้ม ใช้มือชักกระบี่ออกมา พลานุภาพอันดุดันของแสงกระบี่สีเขียวลอยออกมา ปกคลุมเซี่ยหย่งกับสวีเสว่เอาไว้
ขณะเดียวกัน สี่คนข้างหลังเขา ต่างก็พากันลงมือ
เซี่ยหย่งแผดเสียงอย่างโมโห ปรากฏปืนยาวในมือ พร้อมความสั่นสะเทือน พลังจิตแท้อันเย็นยะเยือกพลุ่งพล่าน ทำให้อุณหภูมิอากาศบริเวณรอบๆ ลดลงอย่างรวดเร็ว
ยังไงเซี่ยหย่งก็เป็นอัจฉริยะ ที่มีการประเมินขั้นเหลืองระดับสูงสุด จากองค์กรนักล่ายุทธ์ ผลการฝึกตนคือฝึกจิตขั้น4 เพียงพอที่จะประลองข้ามขั้นกับฝึกจิตขั้น5 แต่อีกฝ่ายกลับมี 5 คน สถานการณ์จึงไม่ได้ง่ายขนาดนั้น
แควก!
เสื้อบนตัวฉีกขาดเป็นทาง พร้อมรอยแผลสองสามรอย เซี่ยหย่งหนักใจ รีบดึงสวีเสว่ถอยหลังไปพร้อมกัน
“รังแกคนองค์กรนักล่ายุทธ์ของเรา ไร้ความสามารถใช่ไหม”
ขณะนั้น เสียงเย็นชาดังเข้ามา มีผู้ชายหนึ่งคนกับผู้หญิงคนหนึ่ง เดินมาทางนี้ บนตัวห้อยตรานักล่าอสูร
สองคนนี้ คือฉางเทียนโซว่กับหลี่น่า
ตอนที่หลัวซิวกำลังมาเมืองเทียนหวูก่อนหน้านี้ เซี่ยหย่งมาถึงนานแล้ว เคยเจอฉางเทียนโซว่กับหลี่น่า ต่อมาเมื่อหลัวซิวมาถึง เซี่ยหย่งก็ไปวิทยาลัยพระวงศ์แล้ว ทำให้ทั้งสองไม่ได้เจอกัน
การเป็นอัจฉริยะในสำนักงานใหญ่องค์กรนักล่ายุทธ์ แห่งประเทศเทียนหวู พละกำลังของฉางเทียนโซว่กับหลี่น่า แข็งแกร่งกว่าเซี่ยหย่งอยู่บ้าง
ดังนั้นเมื่อเห็นสองคนนี้ปรากฏตัว สีหน้าของช่าวชูเจิ้งฉีเปลี่ยนไป มีความหวาดกลัวเล็กน้อย
ถ้าห้ารุมสอง เขามั่นใจว่าจะกำจัดเซี่ยหย่งกับสวีเสว่ได้ แต่ถ้ามีฉางเทียนโซว่กับหลี่น่าเข้ามาเพิ่ม คนที่แพ้ต้องเป็นฝ่ายพวกเขาแน่นอน
“เซี่ยหย่ง ถ้าต้องการให้เราช่วย เอาแหวนเก็บของ ของนายกับผู้หญิงด้านหลัง มาเป็นค่าตอบแทน” ฉางเทียนโซว่พูดกับเซี่ยหย่ง
“อะไรนะ” เมื่อได้ยิน เซี่ยหย่งถึงกับหน้าเปลี่ยนสี เดิมทีเข้าใจว่าสองคนนี้จะมาช่วย คิดไม่ถึงว่าจะฉวยโอกาส
“เราล้วนเป็นคนขององค์กรนักล่ายุทธ์ นายฉวยโอกาสแบบนี้ เกินไปหน่อยหรือเปล่า” เซี่ยหย่งขมวดคิ้วพูด
“เกินไปเหรอ” ฉางเทียนโซว่แสยะยิ้มเย็นชา “คนบนโลก ล้วนเห็นแก่ผลประโยชน์ ถ้าไม่ได้ผลประโยชน์ ฉันจะช่วยนายไปทำไม”
ขณะที่พูด ฉางเทียนโซว่มองไปทางช่าวชูเจิ้งฉี “ถ้าฉันกับหลี่น่าไม่ช่วย นายสู้พวกเขาห้าคนไม่ได้หรอก”
เซี่ยหย่งสีหน้าหนักใจ เขารู้ดีว่าฉางเทียนโซว่พูดความจริง แต่สมบัติที่เขากับสวีเสว่ ต่อสู้แย่งชิงมาสุดชีวิต ถ้าต้องให้ไปทั้งหมดแบบนี้ ก็ไม่ใช่สิ่งที่เขาต้องการเหมือนกัน
“เหอะๆ พอสังคมเริ่มใหญ่ขึ้น คนเราก็มีทุกรูปแบบ”
ขณะนั้น เสียงหัวเราะดังขึ้นกลางอากาศ
เซี่ยหย่ง ฉางเทียนโซว่ ช่าวชูเจิ้งฉีและคนอื่นๆ หันไปมองตามเสียง เห็นกลางอากาศมีเงาคนสองคนยืนอยู่ คนหนึ่งเป็นหนุ่มชุดคลุมยาวดำ ส่วนอีกคนเป็นผู้หญิง สวมชุดกระโปรงยาวสีขาว
ตอนที่เห็นหนุ่มชุดคลุมยาวดำ ทั้งสามหรี่ตาลง “หลัวซิว!”
จากนั้น ฉางเทียนโซว่กับหลี่น่า สังเกตผู้หญิงข้างหลัวซิว ปี้เซียนเสว่ เป็นอัจฉริยะที่อยู่ในสำนักงานใหญ่องค์กรนักล่ายุทธ์ เหมือนกันกับพวกเขา
ไม่ว่าใครก็ฟังออก สิ่งที่หลัวซิวพูดเมื่อครู่ เป็นคำประชดฉางเทียนโซว่กับหลี่น่า ที่อยู่ในองค์กรนักล่ายุทธ์เหมือนกัน
“หลัวซิว เรื่องของเราไม่เกี่ยวกับนาย” ฉางเทียนโซว่ขมวดคิ้วพูด
“เรื่องของฉันก็ไม่เกี่ยวกับนายเหมือนกัน” หลัวซิวประชดอีก
หลัวซิวไม่ได้เล่นงานฉางเทียนโซว่ แม้ตอนนั้นที่หน้าประตูวิทยาลัยพระวงศ์ ฉางเทียนโซว่กับหลี่น่า ตีตัวออกห่างเขา เพื่อป้องกันตัวเอง หลัวซิวไม่ได้ใส่ใจสักนิด
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มหายุทธ์ สะท้านภพ
มึงๆ กูๆ เชี้ยไรเยอะแยะวะ นิยายจีนนะโว้ย อ่านเจอแล้วสดุดเสียรมตลอด...
แปลต่อทีค่า รออ่านอยู่นะคะ🥺🥺...
มีต่อไหมครับ...
รออยู่นะครับ...
เรื่องเก่าอัพเดตบ้าง ไม่ใช่ลงแต่เรื่องใหม่...
เมื่อไรจะลงซักที...
เค้ายังแปลอยู่ไหมครับ...
ไม่ลงให้อ่านซักที...
รออานยุ...
รอต่อไปครับ...