มหายุทธ์ สะท้านภพ นิยาย บท 256

ช่าวชูเจิ้งฉีแสยะยิ้ม ใช้มือชักกระบี่ออกมา พลานุภาพอันดุดันของแสงกระบี่สีเขียวลอยออกมา ปกคลุมเซี่ยหย่งกับสวีเสว่เอาไว้

ขณะเดียวกัน สี่คนข้างหลังเขา ต่างก็พากันลงมือ

เซี่ยหย่งแผดเสียงอย่างโมโห ปรากฏปืนยาวในมือ พร้อมความสั่นสะเทือน พลังจิตแท้อันเย็นยะเยือกพลุ่งพล่าน ทำให้อุณหภูมิอากาศบริเวณรอบๆ ลดลงอย่างรวดเร็ว

ยังไงเซี่ยหย่งก็เป็นอัจฉริยะ ที่มีการประเมินขั้นเหลืองระดับสูงสุด จากองค์กรนักล่ายุทธ์ ผลการฝึกตนคือฝึกจิตขั้น4 เพียงพอที่จะประลองข้ามขั้นกับฝึกจิตขั้น5 แต่อีกฝ่ายกลับมี 5 คน สถานการณ์จึงไม่ได้ง่ายขนาดนั้น

แควก!

เสื้อบนตัวฉีกขาดเป็นทาง พร้อมรอยแผลสองสามรอย เซี่ยหย่งหนักใจ รีบดึงสวีเสว่ถอยหลังไปพร้อมกัน

“รังแกคนองค์กรนักล่ายุทธ์ของเรา ไร้ความสามารถใช่ไหม”

ขณะนั้น เสียงเย็นชาดังเข้ามา มีผู้ชายหนึ่งคนกับผู้หญิงคนหนึ่ง เดินมาทางนี้ บนตัวห้อยตรานักล่าอสูร

สองคนนี้ คือฉางเทียนโซว่กับหลี่น่า

ตอนที่หลัวซิวกำลังมาเมืองเทียนหวูก่อนหน้านี้ เซี่ยหย่งมาถึงนานแล้ว เคยเจอฉางเทียนโซว่กับหลี่น่า ต่อมาเมื่อหลัวซิวมาถึง เซี่ยหย่งก็ไปวิทยาลัยพระวงศ์แล้ว ทำให้ทั้งสองไม่ได้เจอกัน

การเป็นอัจฉริยะในสำนักงานใหญ่องค์กรนักล่ายุทธ์ แห่งประเทศเทียนหวู พละกำลังของฉางเทียนโซว่กับหลี่น่า แข็งแกร่งกว่าเซี่ยหย่งอยู่บ้าง

ดังนั้นเมื่อเห็นสองคนนี้ปรากฏตัว สีหน้าของช่าวชูเจิ้งฉีเปลี่ยนไป มีความหวาดกลัวเล็กน้อย

ถ้าห้ารุมสอง เขามั่นใจว่าจะกำจัดเซี่ยหย่งกับสวีเสว่ได้ แต่ถ้ามีฉางเทียนโซว่กับหลี่น่าเข้ามาเพิ่ม คนที่แพ้ต้องเป็นฝ่ายพวกเขาแน่นอน

“เซี่ยหย่ง ถ้าต้องการให้เราช่วย เอาแหวนเก็บของ ของนายกับผู้หญิงด้านหลัง มาเป็นค่าตอบแทน” ฉางเทียนโซว่พูดกับเซี่ยหย่ง

“อะไรนะ” เมื่อได้ยิน เซี่ยหย่งถึงกับหน้าเปลี่ยนสี เดิมทีเข้าใจว่าสองคนนี้จะมาช่วย คิดไม่ถึงว่าจะฉวยโอกาส

“เราล้วนเป็นคนขององค์กรนักล่ายุทธ์ นายฉวยโอกาสแบบนี้ เกินไปหน่อยหรือเปล่า” เซี่ยหย่งขมวดคิ้วพูด

“เกินไปเหรอ” ฉางเทียนโซว่แสยะยิ้มเย็นชา “คนบนโลก ล้วนเห็นแก่ผลประโยชน์ ถ้าไม่ได้ผลประโยชน์ ฉันจะช่วยนายไปทำไม”

ขณะที่พูด ฉางเทียนโซว่มองไปทางช่าวชูเจิ้งฉี “ถ้าฉันกับหลี่น่าไม่ช่วย นายสู้พวกเขาห้าคนไม่ได้หรอก”

เซี่ยหย่งสีหน้าหนักใจ เขารู้ดีว่าฉางเทียนโซว่พูดความจริง แต่สมบัติที่เขากับสวีเสว่ ต่อสู้แย่งชิงมาสุดชีวิต ถ้าต้องให้ไปทั้งหมดแบบนี้ ก็ไม่ใช่สิ่งที่เขาต้องการเหมือนกัน

“เหอะๆ พอสังคมเริ่มใหญ่ขึ้น คนเราก็มีทุกรูปแบบ”

ขณะนั้น เสียงหัวเราะดังขึ้นกลางอากาศ

เซี่ยหย่ง ฉางเทียนโซว่ ช่าวชูเจิ้งฉีและคนอื่นๆ หันไปมองตามเสียง เห็นกลางอากาศมีเงาคนสองคนยืนอยู่ คนหนึ่งเป็นหนุ่มชุดคลุมยาวดำ ส่วนอีกคนเป็นผู้หญิง สวมชุดกระโปรงยาวสีขาว

ตอนที่เห็นหนุ่มชุดคลุมยาวดำ ทั้งสามหรี่ตาลง “หลัวซิว!”

จากนั้น ฉางเทียนโซว่กับหลี่น่า สังเกตผู้หญิงข้างหลัวซิว ปี้เซียนเสว่ เป็นอัจฉริยะที่อยู่ในสำนักงานใหญ่องค์กรนักล่ายุทธ์ เหมือนกันกับพวกเขา

ไม่ว่าใครก็ฟังออก สิ่งที่หลัวซิวพูดเมื่อครู่ เป็นคำประชดฉางเทียนโซว่กับหลี่น่า ที่อยู่ในองค์กรนักล่ายุทธ์เหมือนกัน

“หลัวซิว เรื่องของเราไม่เกี่ยวกับนาย” ฉางเทียนโซว่ขมวดคิ้วพูด

“เรื่องของฉันก็ไม่เกี่ยวกับนายเหมือนกัน” หลัวซิวประชดอีก

หลัวซิวไม่ได้เล่นงานฉางเทียนโซว่ แม้ตอนนั้นที่หน้าประตูวิทยาลัยพระวงศ์ ฉางเทียนโซว่กับหลี่น่า ตีตัวออกห่างเขา เพื่อป้องกันตัวเอง หลัวซิวไม่ได้ใส่ใจสักนิด

แต่สำหรับสิ่งที่สองคนนี้ ฉวยโอกาสกับคนที่อยู่ในองค์กรนักล่ายุทธ์เหมือนกัน เห็นคนจะตายต่อหน้า แต่ไม่ช่วยเหลือ นี่ทำให้หลัวซิวทนดูไม่ได้

ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีไอ้ช่าวชูเจิ้งฉี กล้าคิดอะไรกับเหยียนซีโรว่ ในเมื่อเจอกันแล้ว หลัวซิวก็ไม่อยากให้เขามีชีวิตรอดออกจากแดนปริศนา

เทพแห่งวัฏจักรชีวิตเคยพูดว่า เหยียนซีโรว่คือความหลงใหลของเขา ที่ไม่สามารถลบล้างได้หลังจากเกิดใหม่เป็นร้อยครั้ง แม้ชาตินี้ระหว่างเขากับเหยียนซีโรว่ ยังไม่ถึงขั้นสนิทสนมกัน แต่สัญชาตญาณจากส่วนลึกของจิตวิญญาณ ทำให้เขาเกิดความอาฆาต กับคนที่คิดไม่ดีกับเหยียนซีโรว่

เรื่องแบบนี้ ไม่มีใครผิดใครถูก อยู่ที่จิตใจเท่านั้น!

นักยุทธ์ฝึกร่างกายและจิตใจ

หลัวซิวมองช่าวชูเจิ้งฉี อยากพูดเหลือเกินว่า นายอยากตายยังไง

“นายจะทำอะไร” ช่าวชูเจิ้งฉีสัมผัสได้ถึงความอาฆาตจากตัวหลัวซิว สีหน้าฉายแววหวาดระแวง

ในใจของเขาเกลียดหลัวซิวมาก เหยียนซีโรว่เป็นผู้หญิงที่เขาชอบ แต่ในการต่อสู้แย่งโควต้าจำนวนคนรอบแรก กลับโดนหลัวซิวเข้ามาก่อกวนเรื่องดีๆ ของตัวเอง

แต่ตอนนี้ ขณะที่เขาจะจัดการเซี่ยหย่งกับสวีเสว่ ไอ้หมอนี่ก็เข้ามาก้าวก่ายอีก จะไม่ให้เขาโมโหได้ยังไง

“ก็แค่เห็นนายรกหูรกตาเท่านั้น” หลัวซิวยิ้ม แล้วพูดอย่างไม่ใส่ใจ

“นาย.....”

ไฟโกรธในใจช่าวชูเจิ้งฉีลุกโชน เสียงชิ้งดังขึ้น เขาชักกระบี่ออกมาถือไว้ในมือ แล้วพูดในใจว่า “ถึงหลัวซิวจะเก่งอีกสักแค่ไหน ฉันมียันต์โจมตีระดับ5สองใบ ต้องทำให้เขาตายได้แน่นอน!”

“มาชักกระบี่ต่อหน้าฉัน นายยังห่างชั้นอีกเยอะ”

หลัวซิวแสยะยิ้ม ขยับตัว ลอยไปข้างหน้า หมัดพุ่งไปยังช่าวชูเจิ้งฉี

หลังผลการฝึกตนถึงฝึกจิตขั้น7 พลังจิตแท้ของหลัวซิว ยิ่งทรงพลัง เมื่อชกหมัดนี้ออกไป ความอาฆาตอันไร้เทียมทาน แผ่ซ่านเข้ามา พลานุภาพอันแข็งแกร่งเปิดเผยออกมา

ตอนนี้แค่เขาลงมือ แข็งแกร่งกว่าการโจมตีครั้งเดียว ตอนเข้าร่วมแย่งชิงโควต้าจำนวนคน เมื่อหนึ่งปีที่แล้ว!

ห้วงยุทธ์กระบี่สังหารแผ่ซ่าน ตัวสำนึกรูปกระบี่สีดำโถมเข้ามา แทงเข้าไปในตัวหยั่งรู้ของช่าวชูเจิ้งฉี

“อ๊าก!……”

ทุกคนเห็นเพียงเงากระบี่สีดำพาดผ่านไป จากนั้นช่าวชูเจิ้งฉี เอามือกุมหัว ส่งเสียงร้องโอดครวญ

จากนั้นหมัดของหลัวซิวก็พุ่งเข้ามา ช่าวชูเจิ้งฉีไม่แม้แต่จะขัดขืน ถูกหมัดกระแทกจนกระเด็น กระอักเลือดออกจากปาก

ช่าวชูเจิ้งฉีหล่นลงบนพื้น ไกลสิบกว่าเมตร ตัวกระตุกบนพื้นสองที จากนั้นก็สิ้นลมหายใจ

วิญญาณหยั่งรู้ของเขา ถูกร่างกระบี่ที่ทัดเทียมได้กับผู้แข็งแกร่งราชายุทธ์ของหลัวซิวบดขยี้ จนทำให้ตัวสำนึกแตกสลาย ถึงแม้ไม่มีหมัดตามหลังมา ก็ต้องตายอยู่แล้ว

หลัวซิวยื่นมือไปคว้าแหวนเก็บของ ของช่าวชูเจิ้งฉีหล่นลงมาในมือ ในนั้นมียาวิเศษและวัตถุดิบต่างๆ ของดีๆ จำนวนไม่น้อย

แต่สิ่งที่ทำให้หลัวซิวตกใจที่สุดก็คือ ในแหวนเก็บของ ของช่าวชูเจิ้งฉี มีน้ำแร่วิญญาณอยู่หนึ่งหยด

แม้น้ำแร่วิญญาณหยดเดียวจะไม่มาก แต่แสดงให้เห็นว่า ต้องมีคนอื่นในแดนปริศนา ได้น้ำแร่วิญญาณแล้ว ไม่ว่าจะแย่งจากมือคนอื่น หรือไปหาด้วยตัวเอง น่าจะรวบรวมพอกับจำนวนกลั่นยาวิญญาณหยินหยาง

เพียงแค่พริบตา เร็วถึงขนาดที่คนรอบๆ ยังไม่ทันตั้งสติ ช่าวชูเจิ้งฉีตายไปแล้ว นี่ทำให้คนที่อยู่ในนี้ อดมีสีหน้าเหม่อลอยไม่ได้

ปรมาจารย์ฝึกจิตขั้น9 สองสามคน มองหลัวซิวอย่างไม่อยากเชื่อ ตอนเขาลงมือ พวกเขาสัมผัสได้อย่างชัดเจน ผลการฝึกตนของหลัวซิวคือฝึกจิตขั้น7 แต่ทำไมตัวสำนึกของเขา กลับรวมตัวจนกลายเป็นร่างกระบี่ได้

เงากระบี่สีดำที่ทำให้ช่าวชูเจิ้งฉีกุมหัวร้องโอดครวญ บางทีคนทั่วไปอาจไม่รู้ แต่คนที่รู้ ล้วนรู้ว่ามันหมายถึงอะไร

ตัวสำนักกลายรูป นี่เป็นวิธีที่ผู้แข็งแกร่งระดับราชายุทธ์ ถึงจะทำได้

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มหายุทธ์ สะท้านภพ