มหายุทธ์ สะท้านภพ นิยาย บท 258

สำนักใหญ่ทั้งสาม ต่างดึงยอดฝีมือฝ่ายต่างๆ มาเป็นพวก เป็นเพราะสำนักเสวียนหยาง มีความสัมพันธ์อันดีกับราชวงศ์ตระกูลฝานประเทศเทียนหวู ฝั่งสำนักเสวียนหยาง รวบรวมคนได้ทั้งหมด 20 กว่าคน

จำนวนคนของตำหนักจื่อกับสำนักฉางเหอค่อนข้างน้อย แต่ก็มีสิบกว่าคน ไม่ได้แตกต่างกันเกินไป

หลังผ่านความโกลาหลวุ่นวาย ตอนนี้แบ่งจำนวนคนเป็น 3 ฝ่ายอย่างสมบูรณ์ชัดเจน

แต่พูดให้ถูก ควรจะเป็นสี่กลุ่ม เพราะฝ่ายหลัวซิว ก็มีปี้เซียนเสว่ เซี่ยหย่งและสวีเสว่สามคน อีกทั้งยังมีมังกรไร้ร่างสมัยโบราณ ที่ไม่มีใครมองเห็น

สามอำนาจใหญ่เลือกค่ายกลขั้น5 หนึ่งค่ายกล อาศัยปรมาจารย์ฝึกจิตขั้น9 เป็นหัวหน้า ทุกคนสั่งการเป็นหนึ่งเดียว จู่โจมม่านแสงค่ายกลอย่างต่อเนื่อง

ค่ายกลที่นี่ไม่ได้มีแค่ค่ายกลเพียงชนิดเดียว อย่างค่ายคุ้มกันหรือค่ายสังหาร แต่มีทั้งคุ้มกันและโจมตีในตัว ในนั้นยังแฝงความลึกลับของการวางค่ายกลโบราณด้วย

แต่หลายสิ่งในสมัยโบราณได้สูญหายไปแล้ว ปัจจุบันหาได้ยากมาก

“พวกเราก็ไปลองกันเถอะ” หลัวซิวยิ้มแล้วเอ่ยขึ้น จากนั้นก็เดินเข้าไปยังม่านแสงค่ายกลหนึ่ง

มองผ่านอุปสรรคม่านแสงค่ายกล จะเห็นกองหินหยินในนั้น

หินหยิน เป็นแหล่งฝึกตนที่ล้ำค่า สำหรับผู้ที่ต้องการ สำหรับผู้ที่ไม่ต้องการ เป็นเพียงสมบัติที่ราคาค่อนข้างสูงชนิดหนึ่ง

ค่ายกลที่ตำหนักจื่อ สำนักเสวียนหยาง และสำนักฉางเหอ เลือกโจมตี ในนั้นล้วนเป็นยาวิเศษและวัตถุดิบ

ถ้าเทียบกับของพวกนั้น หลัวซิวต้องการหินหยินจำนวนมหาศาลมากกว่า เช่นนี้เขาจะได้บรรลุผลการฝึกตนที่สูงกว่านี้ ได้เร็วยิ่งขึ้น

เดินมาถึงระยะห่างจากม่านแสงค่ายกลสิบกว่าเมตร ลมปราณอันดุดันถาโถมเข้ามา แฝงไปด้วยความอาฆาต แค่เดินเข้าไปใกล้อีก ก็จะโดนค่ายกลโบราณโจมตี

“ฝีมือการวางค่ายกลประณีตมาก!”

ในสายตานักยุทธ์ธรรมดา ม่านแสงค่ายกลพวกนี้ ไม่ได้มีอะไรพิเศษ แต่สำหรับคนที่รู้เกี่ยวกับค่ายกล กลับเห็นลายเส้นค่ายกลที่ทับซ้อนกันไปมากับประกายสัญลักษณ์ ที่ซ่อนอยู่ในแสงค่าย

ค่ายกลโบราณนี้ ลึกลับซับซ้อนกว่าค่ายกลที่หลัวซิวศึกษาไม่รู้กี่เท่า ค่ายกลขั้น5 เหมือนกัน ค่ายกลโบราณมีความคิด ความรู้มากมายมหาศาล งั้นค่ายกลขั้น5 ที่ปรมาจารย์ค่ายกลขั้น5 เรียก กลับเป็นเพียงส่วนเล็กๆ เท่านั้น

“หลงหมิง นายผ่านค่ายกลนี้ได้ไหม” หลัวซิวถาม

“เรื่องเล็กน้อย ในสมัยโบราณ มังกรไร้ร่างอย่างพวกเรา เป็นมืออาชีพทำลายค่ายกลเชียวนะ!” หลงหมิงเบะปากพูดอย่างไม่สบอารมณ์

วิถีค่ายกล อันที่จริงก็คือพลังการควบคุมเวลาของฟ้าดิน มังกรไร้ร่างมีพลังควบคุมเวลาตั้งแต่เกิด ในสมัยโบราณ ไม่นับค่ายกลเล็กๆ น้อยๆ ค่ายกลโดยส่วนใหญ่ เป็นเพียงสิ่งจอมปลอมเมื่ออยู่ต่อหน้ามังกรไร้ร่าง

มืออาชีพทำลายค่ายกล การอธิบายเช่นนี้ นับว่าเหมาะสม

“นายเข้าไปเอาของในค่ายกลออกมา” หลัวซิวพูด

ยังไม่ทันพูดจบ หลงหมิงมุดเข้าไปในม่านแสงค่ายกล ค่ายกลโบราณไม่เคลื่อนไหวสักนิด ราวกับว่าไม่สัมผัสถึงการบุกรุกเข้ามา

หลงหมิงเข้ามาเอาของอย่างเงียบๆ ส่วนหลัวซิวนั่งขัดสมาธิหน้าค่ายกล ทำความเข้าใจกับความลึกลับต่างๆ นานา ที่แฝงอยู่ในค่ายกลโบราณ

เขาพบความลึกลับ ผ่านลายเส้นกับสัญลักษณ์ของค่ายกลโบราณ สามารถยืนยันตรงกับผังกฎดั้งเดิมภาพที่สอง มีสัมผัสของจิตวิญญาณเลือนราง แวบเข้ามาในหัวและหายไปเป็นระยะๆ ทำให้หลัวซิวรู้สึกถึงความตระหนักของตัวเองต่อพลังแห่งความเป็นตาย สามารถก้าวเข้าไปได้อีกทุกเมื่อ

ตั้งแต่หลอมรวมลูกแก้วความเป็นตาย รวมวงล้อชีวิตแห่งเหล่าเทวเทพไว้ที่จุดตันเถียน จากนั้นหลังจากได้เก้าภาพ ที่มีความลึกลับสองระดับความเป็นตายของผังกฎดั้งเดิมอยู่ในนั้น หลัวซิวเริ่มมีแนวคิดรางๆ เกี่ยวกับแดนสองระดับความเป็นตาย

ฝึกตนสองระดับความเป็นตาย เริ่มแรกก็คือต้องรักษาความสมดุล ระหว่างความเป็นตายซึ่งเป็นสองสิ่งที่ตรงกันข้าม

ขั้นนี้เป็นขั้นที่ยากที่สุด ในสมัยโบราณ แม้เป็นอัจฉริยะไร้เทียมทานที่น่าตกตะลึงนับไม่ถ้วน อัจฉริยะพวกนี้ ล้วนหยุดอยู่ตรงขั้นนี้ ถึงกระทั่งที่สูญเสียความสมดุล เพราะสองระดับความเป็นตาย และถึงแก่ชีวิต หรือไม่ก็ทำให้คนที่ฝึกไม่เป็นผู้เป็นคน

แต่สำหรับหลัวซิว ขั้นที่ยากที่สุด กลับง่ายที่สุด

เพราะเขาหลอมรวมลูกแก้วความเป็นตาย พลังสองระดับความเป็นตาย จะสร้างสมดุลในตัวเขาโดยอัตโนมัติ

หลังสร้างสมดุลความเป็นตายในขั้นแรก ถึงจะเข้าสู่การฝึกตนและเรียนรู้พลังแห่งความเป็นตายอย่างแท้จริง ระดับที่บรรลุขั้นเริ่มต้น ก็คือการควบคุมความเป็นและความตาย

ขั้นต่อไปก็คือหลอมรวมความเป็นและความตาย รวมครอบจักรวาล สองขั้วหยินหยาง การข่มกันระหว่างไฟกับน้ำแข็ง อยู่ในการหลอมรวมความเป็นและความตายด้วย

อันที่จริงแต่ไหนแต่ไรมา ความตระหนักของหลัวซิวต่อพลังแห่งความเป็นตาย ให้ความสำคัญกับพลังแห่งความตายมากกว่า ความตระหนักรู้ในพลังแห่งชีวิต ค่อนข้างน้อย

ดังนั้นทำให้เกิดปัญหาแบบนี้ แง่หนึ่งคือเขาเน้นการฆ่า วนเวียนอยู่ในเขตแดนแห่งความตาย

ส่วนอีกแง่หนึ่งก็คือ เพราะผังกฎดั้งเดิมภาพแรก ส่วนใหญ่พรรณนาเกี่ยวกับความลึกลับของพลังแห่งความตาย

แต่ตอนนี้ เขาเริ่มทำความเข้าใจกับผังกฎดั้งเดิมภาพที่สอง ในนั้นพรรณนาถึงความลึกลับของพลังแห่งการมีชีวิต!

การมีชีวิตกับความตาย เป็นสองหลักการต้นกำเนิดของโลกใบนี้

ต้นก็คือต้นตอ กำเนิดก็คือรากเหง้า เป็นความหมายแฝงของสรรพสิ่งในโลกนี้ ต้นกำเนิดก็คือการมีอยู่ของต้นตอกับรากเหง้า

ด้วยเหตุนี้เมื่อเข้าใจหลักการแล้ว ก็เข้าใจเรื่องทำนองเดียวกันผ่านแง่มุมอื่น เพื่อทำความเข้าใจกับต้นกำเนิดของความลึกลับ

อย่างเช่นทำความเข้าใจความลึกลับของชีวิต ผ่านน้ำที่หล่อเลี้ยงสรรพสิ่ง ทำความเข้าใจความลึกลับของความตาย ผ่านไฟที่แผดเผาสรรพสิ่ง......

ก็สามารถยืนยันลายเส้นกับสัญลักษณ์ที่ซับซ้อนในผังกฎดั้งเดิม ผ่านค่ายกล ขณะเดียวกันยังได้รู้แจ้ง ทำความเข้าใจความลึกลับในนั้น

ของแบบนี้ ทำได้เพียงรับรู้ด้วยตัวเอง แต่ไม่สามารถบอกด้วยคำพูด หลัวซิวดื่มด่ำไปในความลึกลับ

“พลังแห่งความตาย ค่ายกลสลักลายเส้นหลักเป็นความตาย การเข่นฆ่า การทำลายและความเสียหาย”

“พลังแห่งชีวิต ค่ายกลสลักลายเส้นหลักเป็นการมีชีวิต การป้องกัน การเกิดใหม่และการสร้าง”

“.…..”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มหายุทธ์ สะท้านภพ