มหายุทธ์ สะท้านภพ นิยาย บท 2610

สรุปบท บทที่ 2610: มหายุทธ์ สะท้านภพ

ตอน บทที่ 2610 จาก มหายุทธ์ สะท้านภพ – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง

บทที่ 2610 คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายประวัติศาสตร์ มหายุทธ์ สะท้านภพ ที่เขียนโดย หลงเซียว-มังกรคำราม เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย

“จอมยุทธ์ระดับต่ำแค่สามารถใช้ชีวิตอยู่ในช่องแคบ ถึงแม้เหมือนเจ้าและข้าจะอยู่เหนือพวกเขา ทว่าแท้จริงแล้วผู้ที่อยู่เหนือเราก็มีมากจนนับไม่ถ้วนเช่นกัน”มหาจักรพรรดิยุทธ์แห่งนรกภูมิรู้สึกทอดถอนใจเล็กน้อย ไม่ว่าจะเป็นเขาหรือหลัวซิว อันที่จริงต่างก็เป็นผู้ที่ค่อย ๆ ปีนป่ายขึ้นมาจากจอมยุทธ์ที่อยู่ระดับต่ำที่สุดเช่นกัน จึงเข้าใจความยากแค้นและความยากลำบากต่าง ๆ นานาครั้นเมื่อผลการฝึกตนอ่อนบางดีมาก 

“เราอำพรางออร่าแล้วรอคอยอยู่ที่นี่ก็เพียงพอแล้ว พวกหงหวู้ก็น่าจะมาถึงในเร็ว ๆ นี้เช่นกัน”มหาจักรพรรดิยุทธ์แห่งนรกภูมิพูดประโยคหนึ่ง จากนั้นเงาร่างเขาก็กระพริบทีหนึ่ง ก่อนจะจมหายเข้าไปในป่าไม้ที่อยู่ด้านล่าง 

มหาจักรพรรดิยุทธ์แห่งนรกภูมิชำนาญกฎความตาย เขาสามารถเก็บพลังชีวิตทั้งร่างกายตัวเองอย่างมิดชิด หากมีตัวสำนึกแผ่สำรวจมา ก็แค่จะคิดว่าภายในพงหญ้ามีก้อนหินที่ไม่มีออร่าชีวิตใด ๆ เลยแม้แต่น้อยหนึ่งก้อน

ส่วนอุบายอำพรางตัวของหลัวซิวนั้นก็มีเยอะมาก เขาดึงดูดห้วงเวลาของพื้นที่แห่งหนึ่งมาได้อย่างง่ายดาย แล้วนำร่างกายหลบซ่อนเข้าไปในอนัตตา ไม่ว่าจะเป็นตัวสำนึกหรือเนื้อตาเปล่า ก็จับจุดพิรุธไม่ได้เลยแม้แต่น้อย

เวลานี้หลัวซิวไม่ได้จัดวางค่ายกลซ่อนงำแต่อย่างใด หากหงหวู้บรรลุถึงระดับมหาปรมาจารย์ระดับหกแล้วจริง ๆ ค่ายกลซ่อนงำระดับห้าที่เขาจัดวางอย่างสบายมือก็จะถูกมองทะลุปรุโปร่งง่ายมาก

ไม่นานนัก ก็มีแสงกลรุ้งยาวสองดวงบินมาจากขอบฟ้า แล้วปรากฏในละแวกใกล้เคียงของภูเขาถูหลิง

หลังจากเงาดำสองร่างนั้นมาถึงแล้ว สิ่งแรกที่ทำก็คือแผ่ขยายตัวสำนึกออกไป ทว่ากลับไม่พบหลัวซิวและมหาจักรพรรดิยุทธ์แห่งนรกภูมิที่อำพรางอยู่ในละแวกใกล้เคียงแต่อย่างใด

ตัวสำนึกของพวกเขาทั้งสองคนแทบจะทำการกวาดสำรวจพื้นที่ละแวกใกล้เคียงกับภูเขาถูหลิงหนึ่งรอบ จากนั้นก็ถูกดึงกลับไปอย่างรวดเร็ว ต่อมาหนึ่งในนั้นก็หยิบม้วนหยกส่งสารออกมาหนึ่งชิ้น

และไม่พูดก็น่าจะรู้อยู่แล้วว่าผู้ที่เป็นผู้นำก็คือหงหวู้ หลัวซิวไม่ได้แผ่ตัวสำนึกออกไปสำรวจ แต่จากพลังออร่าก็สามารถสัมผัสได้แล้วว่าหงหวู้นี่ไม่เพียงเป็นนักค่ายเทพระดับหก ผลการฝึกตนของตัวเขาเองก็อยู่ในแดนมหาจักรพรรดิยุทธ์เช่นกัน น่าจะอยู่ที่ประมาณมหาจักรพรรดิยุทธ์ขั้น 2 เป็นมหาจักรพรรดิยุทธ์ขั้นปฐมภูมิ 

ทั้งสามคนที่ตามอยู่ด้านหลังเขา มีคนหนึ่งคือผู้อาวุโสที่ขนคิ้วขาวหงอกและยาวมาก มีผลการฝึกตนมหาจักรพรรดิยุทธ์ช่วงกลาง ซึ่งเป็นบรรพอาจารย์ของสำนักจักรพรรดิแสงดาว ยังมีอีกคนหนึ่งคือชายวัยกำลังคนที่หุ่นผอมบาง ใบหน้าคมดั่งดาบ ผลการฝึกตนคือมหาจักรพรรดิยุทธ์ขั้นปฐมภูมิ เป็นมหาจักรพรรดิยุทธ์อีกคนหนึ่งของสำนักจักรพรรดิจ้านเทียน เล่ากันว่าเป็นศิษย์น้องของมหาจักรพรรดิยุทธ์จ้านเทียนที่ดับสลายสูญสิ้นไปแล้ว 

ส่วนคนสุดท้ายก็คือบรรพอาจารย์ของวังเซียนมหาวาลแล้ว สิ่งที่ทำให้หลัวซิวรู้สึกแปลกใจเล็กน้อยคือ บรรพอาจารย์คนนี้ดูสาวมาก ราวกับสตรีอายุ 20 กว่าคนหนึ่ง อีกทั้งหน้าตาก็งดงามมาก ๆ ด้วย อยู่ในชุดกระโปรงยาวสีม่วงอ่อน มีรัศมีที่ขมุกขมัวแย้มบานออกมาจากตัวนาง และมีผลการฝึกตนมหาจักรพรรดิยุทธ์ขั้นปฐมภูมิเช่นกัน 

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มหายุทธ์ สะท้านภพ