มหายุทธ์ สะท้านภพ นิยาย บท 2647

สรุปบท บทที่ 2647: มหายุทธ์ สะท้านภพ

สรุปเนื้อหา บทที่ 2647 – มหายุทธ์ สะท้านภพ โดย หลงเซียว-มังกรคำราม

บท บทที่ 2647 ของ มหายุทธ์ สะท้านภพ ในหมวดนิยายประวัติศาสตร์ เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย หลงเซียว-มังกรคำราม อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที

ตามข้อตกลงในตอนนั้น หลัวซิวได้นำกรองแก้วมรกตดั้งเดิมส่วนของตัวเอง แบ่งให้มหาจักรพรรดิยุทธ์โยวหมิง มีกรองแก้วมรกตดั้งเดิม มหาจักรพรรดิยุทธ์โยวหมิงสามารถฟื้นฟูถึงระดับมหาจักรพรรดิยุทธ์ขั้นสูงได้ในระยะเวลาอันสั้น

ตระกูลมู่ไม่คิดที่จะกลับสรรพมหาโลกา หลัวซิวเองก็ใจกว้างเป็นพิเศษ ได้แบ่งพื้นที่ส่วนหนึ่งในแดนปริศนาเผ่าจี้ ให้คนตระกูลมู่ได้ฝึกฝน นอกจากนี้เขายังลงมือด้วยตนเอง ช่วยตระกูลมู่สร้างมหาค่ายชะลอเวลา ขึ้นมาหลายค่าย แม้ว่าค่ายกาลเวลาเช่นนี้ จะไม่มีผลอะไรนักกับผู้แข็งแกร่งระดับจ้าวมหาเทพขึ้นไป แต่ก็สามารถใช้เวลาอันสั้นที่สุด สร้างผู้แข็งแกร่งระดับจ้าวมหาเทพขึ้นมาจำนวนหนึ่งได้

หลัวซิวเองก็รู้ว่า ที่ตระกูลมู่ไม่ยอมกลับสรรพมหาโลกา ต้านหนึ่งเพราะกลัวการเอาคืนจากเขาดึกดำบรรพ์ ส่วนอีกด้านหนึ่งเพราะอยากกระชับความสัมพันธ์กับเผ่าจี้ กลายเป็นพันธมิตรที่แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น

ตระกูลมู่สามารถเลือกยืนอยู่ฝ่ายเผ่าจี้ในช่วงเวลาคับขันได้ ทำให้หลัวซิวรู้สึกพอใจมาก ด้วยเหตุนี้เขาจึงไม่ตระหนี่ขี้เหนียวกับตระกูลมู่ แถมยังได้มอบเคล็ดวิชาที่สามารถฝึกฝนถึงแดนเทพมารขั้นเจ็ดให้อีกด้วย

ทำให้บรรพอาจารย์ตระกูลมู่ดีอกดีใจยิ่งนัก มีเคล็ดวิชานี้แล้ว เขาย่อมมีเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่ขึ้น ต้องการ ต้องการแสวงหาแดนแห่งการฝึกยุทธ์ที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้น

เรื่องจิปาถะทั่วไปไม่จำเป็นต้องให้หลัวซิวกังวล ทั้งหมดมีจี้เสวียนคงและบรรดาผู้อาวุโสไปจัดการ บรรดาผู้คนที่อยู่ข้างกายหลัวซิว ต่างก็พากันปิดขังฝึกตน เพราะทุกคนต่างก็ทราบถึงความสำคัญของการมีฝีมือสูงส่งเป็นอย่างดี

คนของวังเซียนมหาวาลได้เตรียมที่จะจากไป ครั้งนี้วังเซียนมหาวาลไม่ได้เคลื่อนกำลังทั้งหมด รากฐานสำนักของพวกเขา ยังคงเป็นโลกามหาวาล

“ทำไมเจ้ายังไม่ไปอีกล่ะ?” ที่ทำให้หลัวซิวประหลาดใจก็คือ จู่ ๆ เสิ่นปิงหยูก็ได้มาหาเขาที่นี่

“ทำไม? คุณชายอยากให้ข้าไปมากหรือ” เสิ่นปิงหยูกล่าวด้วยความคับแค้นใจเล็กน้อย เดิมทีนางก็เป็นสตรีโฉมงามนางหนึ่ง พอแสดงท่าทางคับแค้นใจเช่นนี้ออกมา ทำให้มีรสชาติไปอีกแบบ

หลัวซิวมีท่าทางเคอะเขินเล็กน้อย คำถามนี้ มันตอบได้ยากมากจริง ๆ

“จู่ ๆ ข้าก็ไม่อยากไปน่ะ ข้าเคยสาบานด้วยตัวธรรมมาก่อน ว่าชาตินี้จะติดตามอยู่ข้างกายคุณชาย” เสิ่นปิงหยูยิ้มออกมา โฉมสะคราญแย้มยิ้ม งามล่มเมือง เทียบกับท่าทางคับแค้นใจก่อนหน้า เป็นเหมือนดั่งน้ำแข็งกับไฟได้พบกัน

หลัวซิวแสร้งทำเป็นหลบสายตาของนางโดยไม่ตั้งใจ กล่าว: “ข้างกายข้ายังขาดหญิงรับใช้คนหนึ่ง หากเจ้าไม่รังเกียจ ก็อยู่ที่ข้างกายข้าเถอะ”

ท้ายที่สุดเขาก็ใจร้ายไม่ลง เส้นทางชีวิตในโลกยุทธ์นั้นยาวนาน หากมีวาสนาต่อกัน ก็ดูว่าวาสนาจะมาตอนไหน หากไร้วาสนา อย่างน้อยก็ไม่รู้สึกละอายใจ?

แม้ว่าจะหลงตัวเองเล็กน้อย แต่หลัวซิวก็ได้ให้โอกาสเสิ่นปิงหยูครั้งหนึ่งจริง ๆ

ในตอนนี้ จู่ ๆ เขาก็อยากไปเยี่ยมฉียู่หรงที่โลกะดาราอัมพรเทวมาก ในเมื่อเขาสามารถให้โอกาสเสิ่นปิงหยูได้ แล้วทำไมจะให้โอกาสฉียู่หรงด้วยไม่ได้?

คนเราเกิดมาชาติหนึ่ง หวังเพียงว่าจะไม่มีอะไรเสียดายและเสียใจ......

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มหายุทธ์ สะท้านภพ