รอหลังจากที่หลัวซิวจากไปแล้ว สีหน้าของเหลยเทียนฟางก็หม่นหมองลงไปภายในพริบตา
“สืบเสาะมาได้หรือยัง?”
“รายงานเจ้าเมืองน้อยขอรับ สืบเสาะความเป็นมาของหลัวซิวนั่นไม่ได้เลยขอรับ เขาและสตรีทั้งสองนางนั้นราวกับผุดออกมากะทันหันยังไงอย่างนั้น”ผู้อาวุโสชุดคลุมยาวเขียวที่อยู่ข้าง ๆ ตอบกลับ
“หรือว่าข้าคิดมากเกินไป? บางทีมันอาจจะเป็นเพียงผู้บำเพ็ญอิสระที่มีพรสวรรค์และโชคไม่ค่อยเลวเท่านั้น ซึ่งไม่มีภูมิหลังที่แข็งแกร่งแต่อย่างใด?”เหลยเทียนฟางขมวดคิ้วลง
“เจ้าเมืองน้อยจักเชื้อเชิญมันไปสถานที่แห่งนั้นพร้อมกันจริง ๆ หรือขอรับ?”
“ไป ต้องไปอยู่แล้วสิ!”มีรัศมีดวงหนึ่งกระพริบผ่านไปในแววตาเหลยเทียนฟาง
กลับไปถึงเมืองหยุนเมิ่ง เหยียนเยว่เอ๋อร์และเหยียนซีโรว่ยังคงฝึกตนปิดขังอยู่ภายในถ้ำที่เช่ามา ค่ายกลบริเวณรอบถ้ำถูกหลัวซิวจัดวางใหม่อีกรอบแล้ว ทุกค่ายล้วนเป็นค่ายเทพระดับหก ขอแค่ไม่มีเทพมารระดับเจ็ดลงมือโจมตี ต่อให้มีเทพมารระดับหกมากันหลายคน ก็อย่าคิดว่าจะสามารถบุกเข้ามาได้ง่าย ๆ
เดิมทีคิดว่าเมื่ออาศัยฝีมือกลั่นยาของตัวเองแล้ว ก็จะสามารถจัดการปัญหาการฝึกตนต่าง ๆ ได้อย่างง่ายดาย แต่หลัวซิวคิดไม่ถึงเลยว่าตัวเองจะมองปัญหาง่ายเกินไป ตลอดช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้เขาใช้ชีวิตอยู่ในมหาโลกาพันสามได้ราบรื่นมาก เมื่อมาถึงโลกมหาศักดิ์ทั้งแปด จู่ ๆ ก็พบเจอปัญหาต่าง ๆ นานา ทำให้เขารู้สึกไม่ค่อยคุ้นเคยจริง ๆ
ทรัพยากรการฝึกตนที่เขาทิ้งไว้ให้เยว่เอ๋อร์และซีโรว่ อย่างมากสุดใช้ระยะเวลาอีกประมาณหนึ่งปีกว่า ทรัพยากรเหล่านั้นก็จะถูกใช้จนหมดแล้ว อีกอย่างเขาจำเป็นต้องรีบบรรลุให้ถึงแดนจักรพรรดิเทพ มีเพียงบรรลุถึงแดนจักรพรรดิเทพแล้ว เขาถึงจะมีความสามารถในการเผชิญหน้ากับผู้แข็งแกร่งเทพมารระดับเจ็ดอย่างแท้จริง
หลังจากผ่านไปไม่กี่วัน หลัวซิวก็มาถึงเมืองมังกรนิลอีกครั้ง ก่อนจะไปพบหน้าเหลยเทียนฟางในห้องใต้หลังคาแห่งหนึ่ง
เมื่อหลัวซิวมาถึงที่นี่ เหลยเทียนฟางก็มาถึงก่อนแล้ว อีกทั้งภายในห้องยังมีคนนั่งอยู่อีกสองสามคน มีหนึ่งในนั้นคือชายหนุ่มที่หน้าตาดูดุร้าย ร่างกายสูงใหญ่ เมื่อเห็นหลัวซิว ก็มีชี่ฉกรรจ์ทะลุออกมาจากสายตา
“เหอะ ๆ สหายหลัวมาแล้ว……”
เหลยเทียนฟางลุกขึ้นมาต้อนรับ หากผู้ที่ไม่รู้อาจจะคิดว่าเขาและหลัวซิวเป็นสหายรักที่รู้จักกันมาหลายปีเสียอีก
เมื่อคนบางคนเห็นว่าเหลยเทียนฟางลุกขึ้นมาต้อนรับ จึงลุกขึ้นมาตาม แต่ก็มีบางคนที่สงวนตัวตน ไม่ได้ลุกขึ้นมาแต่อย่างใด
“ข้าขอแนะนำให้สหายหลัวรู้จักหน่อย คนนี้คือเจ้าสำนักน้อยแห่งเทือกเขามังกรบิน เฉิงหู่!”
เฉิงหู่ที่เหลยเทียนฟางพูดถึงก็คือชายหนุ่มหน้าตาดุร้าย ร่างกายสูงใหญ่นั่น
เมื่อได้ยินว่าเขาเป็นเจ้าสำนักน้อยแห่งเทือกเขามังกรบิน หลัวซิวก็รู้แล้วว่าเหตุใดเฉิงหู่นี่ถึงมีเจตนาร้ายต่อตนเอง พี่น้องหยวนหลงและหยวนซานที่เขากำจัดทิ้งขณะที่เพิ่งมาถึงดาราธารานิล ก็กำเนิดจากเทือกเขามังกรบินนี่แหละ
คนในเทือกเขามังกรบินคาดเดาศักยภาพที่แท้จริงของเขาไม่ได้ เพราะฉะนั้นจึงไม่ได้ลงมือทำอะไรตลอดมา ทว่าฝั่งเมืองหยุนเมิ่ง คนในเทือกเขามังกรบินก็วนเวียนอยู่บริเวณรอบถ้ำที่เขาเช่ามาเป็นประจำเช่นกัน
หลัวซิวเข้าใจดีมาก ๆ ว่าไม่เพียงแค่เทือกเขามังกรบินเท่านั้น บัดนี้เขายังถูกเจ้าเมืองน้อยแห่งเมืองเหลยเจ๋ออย่างเหลยเทียนฟางนี่หมายตาไว้อีกด้วย หากเขาไม่แสดงสิ่งที่สามารถข่มพวกเขาเอาไว้ออกมาจริง ๆ ไม่แน่สองกองกำลังนี้ก็อาจจะลงมือต่อเขาแล้ว
อัจฉริยะจากกองกำลังใหญ่จำนวนมาก ขณะที่ออกไปฝึกฝนเก็บเกี่ยวด้านนอก ถึงแม้เบื้องหลังจะมีภูมิหลังและผู้หนุนหลัง ทว่าก็มีอัจฉริยะไม่น้อยที่ดับสลายสูญสิ้นอยู่ดี ซึ่งในโลกใบนี้ก็มีคนประเภทนั้นคงอยู่ส่วนหนึ่งเช่นกัน พวกเขาได้รับโชคและโอกาสที่เป็นของอัจฉริยะเหล่านั้น จนศักยภาพพุ่งพรวดในทีเดียว และยึดครองตำแหน่งเล็ก ๆ ในโลกแห่งการฝึกยุทธ์ที่กว้างใหญ่ไพศาลนี้
อัจฉริยะไม่จำเป็นต้องเป็นผู้แข็งแกร่งเสมอไป แท้จริงแล้วอัจฉริยะจำนวนมากที่อยู่ในสายตาคนจำนวนมากก็คือเหยื่อ
หลัวซิวรู้สึกว่าบางทีเขาในวินาทีนี้ ก็อาจจะเป็นเหยื่อในสายตาพวกเหลยเทียนฟางและเฉิงหู่เช่นกัน
นอกเหนือจากเฉิงหู่แล้ว ยังมีศิษย์อัจฉริยะแห่งหุบเขามังกรนิล อูหยุนเห้อ
เห็นได้ชัดเจนมากเลยว่าการเดินทางไปถ้ำของผู้แข็งแกร่งเทพมารระดับเจ็ดในครั้งนี้ เหลยเทียนฟางไม่เพียงเชิญชวนเขาเท่านั้น ยังเชิญสองคนนี้มาด้วย
ในส่วนของผู้อาวุโสชุดคลุมยาวเขียวที่มีผลการฝึกตนเทพมารระดับหกนั้น เหลยเทียนฟางไม่มีความคิดที่จะพาเขาไปด้วย เนื่องจากเขาเป็นผู้ดูแลแห่งเมืองเหลยเจ๋อ จำเป็นต้องฝากภารกิจในเมืองเหลยเจ๋อให้เขาจัดการอีก
เหลยเทียนฟางเรียกเรือรบออกมาหนึ่งลำ พวกเขาทั้งสี่คนจึงลอยตัวขึ้นฟ้า แล้วหายไปจากสุดปลายขอบฟ้าอย่างรวดเร็ว
สถานที่ตั้งของถ้ำแห่งนั้นไม่ได้อยู่บนดาราธารานิลแต่อย่างใด แต่อยู่ในกลุ่มหินอุกกาบาตที่อยู่ค่อนข้างไกลจากดาราธารานิล
เล่ากันว่าเดิมทีที่นั่นไม่ใช่กลุ่มหินอุกาบาต แต่มีดาราคงอยู่หนึ่งดวง ต่อมาในศึกสงครามครั้งยิ่งใหญ่ครั้งหนึ่ง ดวงราดวงนั้นถูกผู้แข็งแกร่งโจมตีจนแตกสลาย จนกลายเป็นกลุ่มหินอุกกาบาตขนาดใหญ่อย่างทุกวันนี้
ในระหว่างทางที่บินตรงไปยังจุดหมายปลายทาง อูหยุนเห้อและเฉิงหู่ไม่ได้พูดคุยกับหลัวซิวแต่อย่างใด ส่วนเหลยเทียนฟางนั้น ตั้งแต่เริ่มต้นกระทั้งบัดนี้ บนใบหน้าเขามีรอยยิ้มจาง ๆ มาโดยตลอด
ทว่าแท้จริงแล้วระหว่างเหลยเทียนฟางและอูหยุนเห้อกับเฉิงหู่ ต่างพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดด้วยตัวสำนึกมาโดยตลอด พวกเขาคิดไปเองว่าการทำเช่นนี้มันแนบเนียนมาก แต่กลับหนีการสำรวจจากตัวสำนึกของหลัวซิวไม่พ้น
วิญญาณดั้งเดิมของหลัวซิวกลายเป็นญาณเทวแล้ว ระดับตัวสำนึกของเขาสูงมาก แต่ก็สัมผัสได้แค่ว่าพวกเขากำลังสื่อสารพูดคุยกันผ่านตัวสำนึก ในส่วนของเรื่องที่ว่าพวกเขาคุยเรื่องอะไรกันนั้น หลัวซิวกลับไม่ทราบเลย
ไม่ว่าพวกเขาทั้งสามจะมีแผนชั่วหรือคิดที่จะร่วมมือกันอย่างไร หลัวซิวก็ล้วนไม่ได้นำมาใส่ใจ ผลการฝึกตนของเหลยเทียนฟางทั้งสามคนต่างเป็นเทพมารระดับห้าช่วงกลาง ถึงแม้จะแข็งแกร่งกว่าจักรพรรดิเทพช่วงกลางในมหาโลกาพันสามมาก ๆ หลัวซิวก็ไม่นำมาใส่ใจอยู่ดี
เวลาล่วงเลยไปโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว ใช้เวลาไปเกือบครึ่งวัน เรือรบก็มาถึงละแวกใกล้เคียงของหินอุกกาบาตลูกหนึ่งที่ใหญ่โตมโหฬารมาก เหลยเทียนฟางใช้นิ้วชี้ไปข้างหน้าพลางพูด: “ถ้ำแห่งนั้นก็อยู่บนหินอุกกาบาตลูกนี้แหละ”
ในระหว่างที่พูดอยู่นั้น ภายใต้การควบคุมของเหลยเทียนฟาง เรือรบจึงพุ่งลงไปด้านล่าง เหลยเทียนฟางหยิบม้วนหยกชิ้นหนึ่งออกมาสัมผัสตำแหน่งทิศทางอยู่เป็นระยะ กระทั่งหลังจากผ่านไปพักหนึ่ง พวกเขาก็มาถึงจุดพิกัดแห่งหนึ่งบนหินอุกกาบาตลูกนี้
“ที่นี่ไม่มีอะไรเลยนี่”
เฉิงหู่ขมวดคิ้วลง ตัวสำนึกของเขาได้แผ่ขยายออกไปแล้ว แต่กลับไม่พบทางเข้าแดนปริศนาที่เหลยเทียนฟางพูดถึงเลย
ทว่าหลัวซิวกลับยักคิ้วครั้งหนึ่ง ตัวสำนึกของเขาสัมผัสคลื่นปริภูมิที่เล็กมาก ๆ ได้จริง ๆ ที่นี่มีทางเข้าที่เชื่อมไปสู่แดนปริศนาแห่งหนึ่งจริง ๆ แต่ทว่าทางเข้านั้นซ่อนเร้นมาก ถ้าเกิดไม่ใช่เพราะเขามีญาณเทว ตัวสำนึกพิเศษ ก็คงสัมผัสไม่ได้เช่นกัน
“ไม่ว่าที่นี่จะเป็นทางเข้าของแดนปริศนาหรือไม่ เรื่องบางเรื่องก็ควรจัดการล่วงหน้าแล้ว”อูหยุนเห้อพูดกระแทกเสียงต่ำประโยคหนึ่ง ถัดจากนั้นสายตาของเขาก็ร่วงลงบนตัวหลัวซิว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มหายุทธ์ สะท้านภพ
มึงๆ กูๆ เชี้ยไรเยอะแยะวะ นิยายจีนนะโว้ย อ่านเจอแล้วสดุดเสียรมตลอด...
แปลต่อทีค่า รออ่านอยู่นะคะ🥺🥺...
มีต่อไหมครับ...
รออยู่นะครับ...
เรื่องเก่าอัพเดตบ้าง ไม่ใช่ลงแต่เรื่องใหม่...
เมื่อไรจะลงซักที...
เค้ายังแปลอยู่ไหมครับ...
ไม่ลงให้อ่านซักที...
รออานยุ...
รอต่อไปครับ...