มหายุทธ์ สะท้านภพ นิยาย บท 2657

บนดาราธารานิลมีคูเมืองเพียงสามแห่งเท่านั้น นอกจากเมืองหยุนเมิ่งที่หลัวซิวอยู่แล้ว ยังมีเมืองเหลยเจ๋อและเมืองมังกรนิล

เมืองมังกรนิลถูกควบคุมอยู่ในกำมือของหุบเขามังกรนิล ซึ่งประมุขหุบเขามังกรนิลก็เป็นเจ้าแห่งดาราธารานิลเช่นกัน ดังนั้นเมืองมังกรนิลจึงต้องเป็นคูเมืองที่หรูหรายิ่งใหญ่และสง่างามมากที่สุดบนดาราดวงนี้อยู่แล้ว

และหอโอสถศักดิ์สิทธิ์ก็ต้องตั้งอยู่ในเมืองมังกรนิลเป็นธรรมดาอยู่แล้ว

เมื่อหลัวซิวมาถึงเมืองมังกรนิล เขาก็มองเห็นหอคอยที่สูงเสียดเมฆหลังหนึ่งจากที่ไกล ๆ แล้ว สิ่งปลูกสร้างที่สูงใหญ่มากที่สุดในเมืองมังกรนิลไม่ใช่ตำหนักหลักเมือง แต่เป็นหอคอยหลังนั้น หอโอสถศักดิ์สิทธิ์!

ด้วยเหตุนี้จึงแสดงให้เห็นเลยว่าถึงแม้จะอยู่อาณาบริเวณของเมืองมังกรนิล หอโอสถศักดิ์สิทธิ์ก็ไม่ได้นำหุบเขามังกรนิลมาไว้ในสายตาเลยด้วยซ้ำ ครอบครองตำแหน่งเจ้าบ้านอย่างอุกอาจอยู่ที่นี่

เมื่อหลัวซิวเดินเข้าไปในเมือง ขณะที่มาถึงหน้าหอโอสถศักดิ์สิทธิ์ กลับถูกองครักษ์สองคนที่เฝ้าดูแลอยู่ที่นี่สกัดกั้น

“ข้าน้อยมาเข้ารับการประเมินนักกลั่นยาขอรับ”หลัวซิวเอ่ยปากพูด ผลการฝึกตนขององครักษ์ทั้งสองคนนี้ต่างเป็นเทพมารระดับห้าช่วงปลาย จึงแสดงให้เห็นเลยว่าถึงแม้ที่นี่จะเป็นเพียงสำนักงานของหอโอสถศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่บนดาราธารานิล แต่ก็อย่าริอ่านดูถูกศักยภาพของพวกเขา

“เจ้าจะมาเข้ารับการประเมินนักกลั่นยาระดับใด?”หนึ่งในองครักษ์ถาม

“ระดับหก”หลัวซิวตอบกลับอย่างไม่รีบไม่ร้อน

เมื่อได้ยินว่าเขาจะมาเข้ารับการประเมินนักกลั่นยาระดับหก เห็นได้ชัดเจนเลยว่าสีหน้าอารมณ์ขององครักษ์ทั้งสองคนดูตะลึงและไม่ค่อยเชื่อ เนื่องจากพวกเขาต่างทราบดีว่าในสถานที่เล็ก ๆ อย่างดาราธารานิล มีนักยาเซียนระดับหกปรากฏน้อยมาก ผู้ที่มีศักยภาพมาเข้าร่วมการประเมินระดับหกนั้น ก็ต้องเป็นนักกลั่นยาที่ค่อนข้างมีชื่อเสียงในดาราธารานิลตั้งนานแล้ว

แต่พวกเขากลับไม่เคยเห็นหน้าคนดังกล่าวมาก่อน อีกทั้งยังหนุ่มขนาดนี้ด้วย ไม่นึกเลยว่าจะกล้ามาเข้ารับการประเมินนักกลั่นยาระดับหกอย่างนั้นหรือ?

“หากเจ้ายืนยันว่าจะเข้ารับการประเมินนักกลั่นยาระดับหกละก็ จำเป็นต้องจ่ายโอสถแก่นแท้ระดับหกหนึ่งล้านเม็ดก่อน ถึงจะสามารถเข้าไปได้”องครักษ์คนนั้นตอบกลับ

“ว่าอย่างไรนะ?”ครั้งนี้เปลี่ยนเป็นหลัวซิวที่ตะลึงงัน แค่การประเมินเดียว ถึงกับต้องใช้โอสถแก่นแท้ระดับหกหนึ่งล้านเม็ดเลยหรือ?

ตอนนี้ในมือเขาแม้แต่โอสถแก่นแท้ระดับห้ายังมีไม่ถึงหนึ่งล้านเม็ดเลย ร้านค้าที่เช่าในก่อนหน้านี้ ก็ใช้เสียหายไปไม่น้อยแล้ว

อีกทั้งอัตราการแลกเปลี่ยนของโอสถแก่นแท้คือหนึ่งต่อหนึ่งร้อย โอสถแก่นแท้ระดับหกหนึ่งล้านเม็ด นั่นมันโอสถแก่นแท้ระดับห้าหนึ่งร้อยล้านเลยนะ!

ถ้าเกิดเขามีโอสถแก่นแท้ที่มากมายขนาดนั้นละก็ เพียงพอที่จะสามารถทำให้พวกเหยียนเยว่เอ๋อร์และเหยียนซีโรว่ฝึกตนถึงแดนเทพมารระดับห้าขั้นสูงแล้ว

วินาทีนี้ในที่สุดหลัวซิวก็เข้าใจสักทีว่าตนเองนั้นจนมากเพียงใด อย่าว่าแต่โอสถแก่นแท้ระดับหกหนึ่งล้านเม็ดเลย ต่อให้เป็นหนึ่งหมื่นเม็ดเขาก็เอาออกมาไม่ได้

เมื่อเห็นสีหน้าของหลัวซิว องครักษ์ทั้งสองจึงแสยะยิ้มอย่างเยือกเย็น พลางคิดในใจว่าแค่ดูก็รู้แล้วว่าเจ้าหมอนี่เป็นหนุ่มขาดประสบการณ์ที่ไม่เข้าใจอะไรเลย แม้แต่โอสถแก่นแท้ระดับหกหนึ่งล้านเม็ดยังควักออกมาไม่ได้ แล้วจะมีทางเป็นนักกลั่นยาระดับหกได้อย่างไร?

นักกลั่นยาที่มีความมั่นใจมาเข้ารับการประเมินระดับหกนั้น การที่จะควักโอสถแก่นแท้ระดับหกหนึ่งล้านเม็ดออกมานั้น มันไม่ใช่ปัญหาอะไรเลยด้วยซ้ำ

“หากข้าต้องการเข้าร่วมการประเมินระดับห้าล่ะ? ต้องจ่ายโอสถแก่นแท้เท่าไหร่?”หลัวซิวถาม

“โอสถแก่นแท้ระดับห้าสามล้านเม็ด”องครักษ์คนหนึ่งตอบกลับด้วยใบหน้าหน้าที่เย็นชา

หลัวซิวรู้สึกหมดคำจะพูดโดยสิ้นเชิงแล้ว แค่ค่าใช้จ่ายนี้ หอโอสถศักดิ์สิทธิ์ต้องร่ำรวยมากแน่นอน

ทว่านอกเหนือจากกลั่นยาให้ตนเองแล้ว มิเช่นนั้นนักกลั่นยาทุกคนในโลกล้วนต้องมาเข้ารับการประเมินในหอโอสถศักดิ์สิทธิ์ มิฉะนั้นนอกจากว่าผู้อื่นจะเชื่อมั่นในตัวเจ้ามาก ๆ ไม่อย่างนั้นก็จะไม่มีผู้ใดมาขอให้เจ้ากลั่นยา เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว นักกลั่นยาก็จะไม่มีรายได้ที่น่าดู

อันที่จริงหลัวซิวก็ทราบเช่นกันว่าโอสถแก่นแท้ระดับห้าสามล้านเม็ดไม่ถือว่าเยอะ หากได้รับหลักฐานนักกลั่นระดับห้า ก็สามารถหาค่าใช้จ่ายนี้กลับมาได้อย่างง่ายดายแล้ว หากนักกลั่นยาระดับห้าคนหนึ่งหาเวลากลั่นยาโดยเฉพาะ การที่จะหาโอสถแก่นแท้สิบล้านเม็ดกลับคืนมานั้น มันไม่ใช่เรื่องยากเลย

อย่างไรก็ตาม โอสถแก่นแท้ในปัจจุบันของหลัวซิวมีน้อยเกินไปจริง ๆ หากไม่สามารถเข้ารับการประเมินนักกลั่นยา เช่นนั้นร้านค้าที่เขาเช่ามาด้วยโอสถแก่นแท้หนึ่งล้านกว่าเม็ดก็เสียเปล่าแล้วมิใช่หรือ?

หลัวซิวไม่ได้ต่อรองราคากับองครักษ์ทั้งสองคน ก่อนที่เขาจะหันหลังแล้วเดินจากไปภายใต้สายตาที่ดูหมิ่น

“บนตัวข้ายังมีเม็ดยาเซียนและต้นยาเซียนระดับห้าอยู่บ้าง อีกทั้งยังมีโอสถเวทย์อลวนอีกสองเม็ด หากนำยาทั้งหมดนี้ไปแลกเป็นโอสถแก่นแท้ จากนั้นค่อยนำโอสถแก่นแท้ไปซื้อวัตถุดิบยาเซียนต่าง ๆ มากลั่นยา ค่อยเอาออกไปขาย วิธีการนี้ก็เป็นวิธีการที่ดีเช่นกัน”

หลัวซิวถอนหายใจเฮือกหนึ่ง ในโลกของชาวบ้านธรรมดาทั่วไป หากไม่มีเงินทองก็ทำอะไรได้ยากมาก แต่ในโลกของจอมยุทธ์ หากไม่มีทรัพยากรก็ทำอะไรได้ยากเช่นกัน

วิธีการที่เขาคิดได้นี้ก็ถือว่าไม่เลวเลย แต่ขั้นตอนค่อนข้างซับซ้อน เมื่อเป็นเช่นนี้แล้วเวลาการฝึกตนของตัวเขาเองก็จะขาดหายไปด้วย

และในเวลานี้เอง จู่ ๆ ก็มีเงาดำร่างหนึ่งปรากฏตรงหน้าเขา ขวางทางเดินของหลัวซิวเอาไว้ เขาเงยหน้าขึ้นมามอง มองเห็นผู้อาวุโสที่อยู่ในชุดคลุมยาวสีเขียวคนหนึ่ง

“ไม่ทราบว่าใช่ท่านชายซิวหลัวหรือไม่?”ผู้อาวุโสชุดเขียวประสานมือทำท่าคารวะพลางพูด

“เจ้าคือผู้ใดหรือ?”หลัวซิวขมวดคิ้วลงเล็กน้อย เขาไม่รู้จักคนดังกล่าวแต่อย่างใด อีกทั้งตัวสำนึกของเขาก็สามารถสัมผัสพลังออร่าเทพมารระดับหกได้จากตัวผู้อาวุโสคนดังกล่าวเช่นกัน

“ข้าเป็นผู้ดูแลจวนหลักของเมืองเหลยเจ๋อเจ้าเมืองน้อยของเราชื่นชมชื่อเสียงของท่านชายมานานมาก ๆ แล้ว ฉะนั้นจึงให้ข้ามาเชิญท่านชายไปพูดคุยกันหน่อย”ผู้อาวุโสชุดคลุมยาวเขียวยิ้มพลางพูด เขาไม่ได้แสดงเจตนาร้ายออกมาแต่อย่างใด คำพูดคำจาก็เกรงใจมากด้วย

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มหายุทธ์ สะท้านภพ