มหายุทธ์ สะท้านภพ นิยาย บท 2656

ตราประทับปรปักษ์สวรรค์พุ่งลงมาจนเสียงดังสะเทือนเลื่อนลั่น ภายใต้การผนึกจากพลังอมตะดังกล่าว หยวนหลงไม่มีแม้แต่โอกาสที่จะหลบหลีก ร่างกายถูกบดขยี้จนกลายเป็นหมอกเลือดภายในพริบตา

ตั้งแต่หยวนหลงสกัดหลัวซิวไว้กลางถนนกระทั่งระหว่างทั้งสองประมือกัน ตลอดขั้นตอนการก็ดำเนินการไปเพียงสิบชั่วลมหายใจเท่านั้น หยวนหลงที่มีผลการฝึกตนเทพมารระดับห้าช่วงปลายก็ถูกหลัวซิวสังหารคาที่

ยิ่งกว่านั้นคือคนจำนวนมากที่อยู่ในละแวกถนนที่มองเห็นภาพเหตุการณ์ดังกล่าวยังไม่ทันตอบสนองกลับมาได้เลยด้วยซ้ำ ทั้งถนนก็เงียบกริบไปเลย

เหมือนอย่างที่หลัวซิวกล่าว ดาราธารานิลที่อยู่ที่นี่เป็นเพียงดาราที่ธรรมดามาก ๆ เทพมารระดับห้าช่วงปลายที่อยู่บนนี้สามารถเรียกได้ว่าเป็นยอดฝีมือที่เก่งกาจมาก ๆ แล้ว เนื่องจากความเคารพยำเกรงที่มีต่อผู้แข็งแกร่งโดยสัญชาตญาณ ทำให้สายตาของทุกคนที่มองไปทางหลัวซิว ล้วนเต็มเปี่ยมไปด้วยความหวาดกลัวและหวาดผวา

แหวนเก็บของของหยวนหลงถูกหลัวซิวยื่นมือออกไปคว้ามา ก่อนจะใช้ตัวสำนึกแผ่สำรวจ พบว่าสิ่งของที่อยู่ภายในแหวนเก็บของวงนี้ยุ่งเหยิงมาก จึงแสดงให้เห็นเลยว่าหยวนหลงนี่มักชอบจะทำเรื่องชั่ว ๆ อย่างการฆ่าคนเพื่อชิงทรัพย์สมบัติ

ดังคำกล่าวที่ว่าสุดท้ายไม่เร็วไม่ช้าฆาตกรก็ต้องถูกผู้อื่นฆ่าอยู่ดี ในขณะที่เจ้าสังหารผู้อื่นแล้วแก่งแย่งทรัพย์สมบัติครั้งแล้วครั้งเล่า ไม่แน่วันใดวันหนึ่ง เจ้าก็จะถูกผู้ที่แข็งแกร่งกว่าเจ้าฆ่าอยู่ดี ซึ่งนี่ก็คือกฎเกณฑ์ที่ไม่มีวันเปลี่ยนแปลงในโลกแห่งการฝึกยุทธ์

จอมยุทธ์ทั้งสองคนที่เชิญหยวนหลงมาก็ซ่อนตัวอยู่ในกลุ่มคนที่อยู่บริเวณรอบ ๆ เช่นกัน และมองเห็นภาพเหตุการณ์ดังกล่าว ณ บัดนี้วินาทีนี้ พวกเขาทั้งสองคนผงะไปหมดแล้ว

หากหลัวซิวนี่สามารถสังหารหยวนหลง แสดงว่าเขาเป็นอัจฉริยะราชาเทพระดับสี่ที่มาจากกองกำลังใหญ่ แต่เขากลับสามารถสังหารหยวนหลงภายในเวลาสิบชั่วลมหายใจ นี่จึงเป็นเรื่องที่น่ากลัวกว่ามาก อย่างน้อยเขาก็เป็นอัจฉริยะมกุฎเทพระดับสี่แล้ว

อัจฉริยะมกุฎเทพระดับสี่คนหนึ่งที่อยู่ในกองกำลังใหญ่ ก็ต้องเป็นบุคคลอัจฉริยะที่ได้รับความสำคัญอย่างมากแน่นอน คนประเภทนี้ มาตรแม้นว่าเป็นผู้แข็งแกร่งเทพมารระดับหกก็ยังไม่ยอมรุกรานง่าย ๆ

……

เนื่องจากการคงอยู่ของธารานิล ทำให้กองกำลังทั้งหลายบนดาราธารานิล ยุ่งเหยิงเหมือนยุงตีกัน แต่กองกำลังที่แข็งแกร่งที่สุดที่ผู้คนต่างให้การยอมรับก็คือเจ้าแห่งหุบเขามังกรนิล และถูกเรียกขานว่าเป็นเจ้าแห่งดาราธารานิลเช่นกัน

เล่ากันว่าผลการฝึกตนของประมุขหุบเขามังกรนิลคนนี้เป็นเทพมารระดับเจ็ดแล้ว ซึ่งดาราธารานิลก็คืออาณานิคมของเขา

ในโลกมหาศักดิ์ทั้งแปด มีเพียงผู้ที่มีผลการฝึกตนบรรลุถึงเทพมารระดับเจ็ดถึงจะถูกเรียกว่าผู้แข็งแกร่ง และมีเพียงบรรลุถึงแดนระดับนี้เท่านั้น ถึงจะมีสิทธิ์ยึดครองดาราดวงหนึ่งให้กลายเป็นอาณานิคมของตน

ผู้แข็งแกร่งเทพมารระดับเจ็ดส่วนมากล้วนจะมีดาราที่เป็นของตนเอง ผู้แข็งแกร่งเทพมารบางส่วนที่ค่อนข้างแข็งแกร่ง ยิ่งมีดาราเป็นร้อยเป็นพันดวง ยิ่งกว่านั้นคือมีอาณาจักรดาราและแสงดาวเป็นของตัวเองด้วย

นอกเหนือจากหุบเขามังกรนิลที่มีตำแหน่งค่อนข้างอยู่เหนือกองกำลังทั้งหลายแล้ว บนดาราธารานิลยังมีกองกำลังอื่น ๆ ที่ศักยภาพค่อนข้างแข็งแกร่งด้วย ซึ่งเมืองเหลยเจ๋อก็คือหนึ่งในนั้น

เมืองเหลยเจ๋อตั้งอยู่ในละแวกใกล้เคียงของธารานิล เขตพื้นที่แห่งนี้เป็นพื้นที่ที่เป็นแอ่งน้ำ ต่อมามีผู้แข็งแกร่งที่ฝึกกฎธาตุอัสนีคนหนึ่งได้มาก่อสร้างเมืองเหลยเจ๋ออยู่ที่นี่ แล้วค่อย ๆ พัฒนามันขึ้นมา

“ได้ยินมาว่าช่วงนี้มีคนที่น่าสนใจคนหนึ่งมายังดาราธารานิลหรือ?”

ณ เมืองเหลยเจ๋อ ผู้พูดคือชายคนหนึ่งที่ดูหนุ่มมาก ๆ เขาอยู่ในชุดแพรที่ดูหรูหรามาก ในมือยังถือถ้วยเหล้าหนึ่งถ้วยด้วย

“ตอบกลับเจ้าเมืองน้อยขอรับ ดูเหมือนผู้ที่มาจากถิ่นอื่นจักมีนามว่าหลัวซิว ได้ทำการสังหารทูตนำทางคนหนึ่งของเทือกเขามังกรบินขณะอยู่ในสถานชี้นำ จากนั้นก็สังหารผู้ดูแลของเทือกเขามังกรบินอีกคนหนึ่งด้วยขอรับ”

“เป็นเพียงผู้ดูแลกระจอก ๆ ของเทือกเขามังกรบินเอง”ชายหนุ่มดูหมิ่นดูแคลนมาก ผู้ดูแลของเทือกเขามังกรบินมากสุดก็เป็นเพียงเทพมารระดับห้าช่วงปลายเท่านั้น เขาก็สามารถสังหารได้ง่ายดั่งปอกกล้วยเข้าปากเช่นกัน

“หากเจ้าเมืองน้อยทราบผลการฝึกตนของหลัวซิวนั่นละก็ บางทีท่านก็อาจจะไม่พูดเช่นนี้แล้วขอรับ”ผู้อาวุโสยิ้มพลางพูด

“โอ๊ะ? หรือว่าผลการฝึกตนของเขาคือเทพมารระดับห้าขั้นปฐมภูมิ”ชายหนุ่มยักคิ้วทีหนึ่ง การใช้ผลการฝึกตนเทพมารระดับห้าขั้นปฐมภูมิข้ามขั้นสังหารเทพมารระดับห้าช่วงปลายนั้น ก็สามารถเรียกได้ว่าเป็นผู้ที่ค่อนข้างแข็งแกร่งในหมู่ราชาเทพระดับห้าแล้ว

“ผลการฝึกตนของเขาคือเทพมารระดับสี่ขั้นสูงขอรับ!”

“ว่าอย่างไรนะ!?”

รูม่านตาของหนุ่มเจ้าเมืองน้อยหดลงกะทันหัน เขาคุยโวโอ้อวดมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้วว่าตนเป็นอัจฉริยะขั้นสุดยอดในดาราธารานิล ซึ่งเป็นราชาเทพในเทพมารระดับห้าช่วงกลาง อดีตเคยข้ามขั้นสังหารยอดฝีมือเทพมารระดับห้าขั้นสูงมาก่อน

ทว่าท้ายที่สุดแล้วระหว่างราชาเทพและมุกฎเทพก็ต่างกันไม่น้อยอยู่ดี ถึงแม้มุกฎเทพแค่สามารถข้ามขั้นได้มากกว่าราชาเทพหนึ่งแดนเล็ก แต่สำหรับจอมยุทธ์ที่ผลการฝึกตนบรรลุมาถึงระดับนี้แล้ว ระยะความต่างเพียงหนึ่งแดนเล็ก ก็แตกต่างกันมาก ๆ

มุกฎเทพระดับสี่คนหนึ่ง หากเขาบรรลุถึงแดนเทพมารระดับห้าแล้ว แต่ยังสามารถรักษาความสามารถในการข้ามขั้นสังหารเช่นนี้ได้อีก อย่างนั้นเมื่ออาศัยผลการฝึกตนเทพมารระดับห้าขั้นปฐมภูมิ เขาก็ไม่อ่อนกว่าเขาที่เป็นราชาเทพในเทพมารระดับห้าช่วงกลางแล้ว

สำหรับหนุ่มเจ้าเมืองน้อยแล้ว เขาเป็นผู้ที่ข้ามขั้นท้าประลองผู้อื่นมาโดยตลอด ปัจจุบันกลับมีอัจฉริยะที่มีโอกาสข้ามขั้นท้าประลองตนในอนาคตโผล่หัวมากะทันหัน ทำให้ไม่ว่าอย่างไรเขาก็รู้สึกไม่ค่อยสบายใจอยู่ดี

“น่าสนใจดีแฮะ……น่าสนใจ……”

มีความเจ้าเล่ห์เสี้ยวหนึ่งกระพริบหายไปในแววตาเจ้าเมืองน้อย “อัจฉริยะทุกคนที่สามารถข้ามขั้นท้าประลอง ต้องมีจุดที่พิเศษอย่างแน่นอน หากไม่มีพรสวรรค์ฐานร่างบางประเภทที่แข็งแกร่งมาตั้งแต่กำเนิด เช่นนั้นวรยุทธ์พลังอมตะที่ฝึกก็ต้องไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน หรือไม่ก็ยึดกุมอุบายไพ่เด็ดสุดยอด”

“ไม่ว่าคนดังกล่าวจะได้เปรียบในด้านใด หากข้าสามารถได้ครอบครองละก็ เช่นนั้นมันก็จะทำให้ท่านชายอย่างข้าพัฒนาขึ้นอีกก้าว บรรลุเป็นมุกฎเทพระดับห้าในรวดเดียว!”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มหายุทธ์ สะท้านภพ