มหายุทธ์ สะท้านภพ นิยาย บท 2674

“ฆ่า !”

เจ้าสำนักมังกรฟ้าตะโกนเสียงดัง มังกรโลหิตขนาดมหึมาที่อยู่ด้านหลังเขาส่ายหัวสะบัดหาง พุ่งทะยานเพียงครั้งเดียวก็ถึงนวสวรรค์

นี่คือวิชาพิฆาตที่แข็งแกร่งที่สุด บุกเบิกโดยผู้แข็งแกร่งในระดับเทพมารระดับแปด มีพลังที่น่าทึ่ง เจ้าสำนักมังกรฟ้าอาศัยพลังอมตะนี้ สังหารคู่ต่อสู้ผู้แข็งแกร่งมาแล้วนับไม่ถ้วน

ลวี่โหลวมีสีหน้าสงบนิ่ง มืออันเรียวงามทั้งสองข้างสำแดงตราประทับออกมา ขยับเพียงแผ่วเบา ก็มีรอยแยกปริภูมิแผ่กระจายออกมารอบด้าน

นี่คือพลังอมตะที่ฉีกขาดปริภูมิออกเป็นชิ้น ๆ ประกอบด้วยพลังเต๋าของกฎปริภูมิ ด้วยเหตุยนี้ มังกรอันดุร้ายจึงกลายเป็นเศษกระดาษ และถูกปริภูมิที่แตกออกเป็นเสี่ยง ๆ ฉีกขาดในพริบตา

ตุ้บ !

มืออันเรียวยาวทะลุผ่านอนัตตาที่ขวางอยู่ แล้วปะทะเข้ากับหน้าอกขอเจ้าสำนักมังกรฟ้า เจ้าสำนักผู้หยิ่งยโสของสำนักมังกรฟ้าไม่อาจต้านทานได้ ร่างกายของเขาสั่นและกระอักเลือดออกมา จากนั้นก็กระเด็นไปไกลนับพันลี้

เมื่อเห็นฉากนี้ ทุกคนอดไม่ได้ที่จะรู้สึกใจหาย ความสามารถของลวี่โหลวประมุขเขาช่างอยู่เหนือจินตนาการ ศิษย์จำนวนมากของภูเขาว่านเริ่นต่างมีกำลังใจเพิ่มขึ้น ต่างตะโกนโห่ร้องเสียงดังเพื่อให้กำลังใจอาจารย์ประมุขเขา

“นี่คือลวี่โหลวประมุขเขาของภูเขาว่านเริ่นจริงหรือ ? ความสามารถช่างแข็งแกร่งจริง ๆ วิชาพลังอมตะที่นางฝึกตนนี้ ต้องอยู่ในระดับเทพระดับเก้าอย่างแน่นอน ?”

นักยุทธ์ที่ยืนดูการต่อสู้อยู่ไกล ๆ ไม่ว่าจะเป็นบบรรดาเจ้าสำนัก หรือแม้แต่บรรพอาจารย์ตระกูลต่างก็ตกตะลึง

ผลการฝึกตนของลวี่โหลวประมุขเขาอยู่ในระดับเทพมารระดับแปดช่วงกลาง แต่ของเจ้าสำนักมังกรฟ้าอยู่ถึงระดับเทพมารระดับแปดช่วงปลาย

เมื่อมีผลการฝึกตนอยู่ในแดนเทพมารระดับแปดแล้ว การต่อสู้ข้ามขั้นถือเป็นเรื่องที่แทบจะเป็นไปไม่ได้เลย เทพมารระดับเจ็ดลงมา ราชาเทพ มกุฎเทพ จักรพรรดิเทพ มหาจักรพรรดิยุทธ์ เป็นตัวแทนของการมีพรสวรรค์

ส่วนเทพมารระดับเจ็ดขึ้นไป เป็นตัวแทนของกำลังในการต่อสู้ ตัวอย่างเช่น เทพมารระดับเจ็ดขึ้นไป ก็คือราชาเทพระดับเจ็ด เป็นต้น

ความแตกต่างระหว่างแดนเล็กหนึ่งแดนนั้นมีสูงมาก แต่ลวี่โหลวประมุขเขากลับถือไพ่เหนือกว่า อย่างเดียวที่พออธิบายได้ก็คือ เคล็ดวิชาพลังอมตะที่นางฝึกตนนั้น เหนือกว่าเจ้าสำนักมังกรฟ้า

อย่างไรเสีย ภูเขาว่านเริ่นคือผู้สืบทอดระดับแดนศักดิ์สิทธิ์ ครอบครองวิชาอมตะในระดับเทพระดับเก้า ส่วนสำนักมังกรฟ้าที่ถึงแม้จะแข็งแกร่ง แต่ก็ไร้ซึ่งมรดกอันลึกซึ้งและยิ่งใหญ่

“ตำนานเล่าว่าอาจารย์ปู่ของภูเขาว่านเริ่นเป็นถึงราชาเทพระดับเก้าท่านหนึ่ง ฝึกตนในวิชาพลังอมตะที่แข็งแกร่งไร้เทียมทาน ที่มีชื่อว่าวิชาเวทย์ย้ายเขาถล่มฟ้า” คนจำนวนไม่น้อยต่างแอบกระซิบกระซาบกัน

อันที่จริงแล้วหลายคนต่างรู้ดีว่า เมื่อสามสิบล้านปีก่อน ที่สำนักมังกรฟ้าประกาศสงครามกับภูเขาว่านเริ่นอย่างแข็งแกร่ง เห็นได้ชัดว่าเป็นเพราะต้องการคว้าวิชาพลังอมตะ ที่ภูเขาว่านเริ่นเป็นผู้สืบทอดมาไว้ในครอบครอง

“เจ้าสำนักมังกรฟ้า ท่านไม่ใช่คู่ต่อสู้ของข้า ถอยทัพไปเสียเถิด” ลวี่โหลวปรากฏตัวขึ้นกลางอากาศ แล้วค่อย ๆ พูดขึ้นเบา ๆ อย่างเย็นชา

“หึ พูดเช่นนี้ไม่เร็วไปหน่อยหรือ ?”

เจ้าสำนักมังกรฟ้าส่งเสียงฟึดฟัด ทันใดนั้นก็เงยหน้าแล้วส่งเสียงคำรามออกมา ร่างกายของเขาพุ่งทะยานขึ้นไปทันที จากนั้นร่างของเขาก็กลายเป็นมังกรโลหิตที่ดุร้ายตัวหนึ่ง

โฮก !

มังกรโลหิตอ้าปาก และคายเตาเทวออกมา เตาเทวมีขนาดใหญ่ขึ้น และหล่นลงมา ทันใดนั้นเอง ก็มีพลังดูดกลืนวิญญาณที่มีพลานุภาพพวยพุ่งออกมา และดูดกลืนลวี่โหลว รวมไปถึงปริภูมิที่อยู่รอบข้างนางเข้าไปในเตา

ภายในเตาเทวใบนี้มีที่ว่างอยู่ อัคคีมังกรพวยพุ่งออกมาอย่างต่อเนื่องจนท่วมตัวลวี่โหลว

ตูม ! ตูม ! ตูม !......

ในเตาเทว มีเสียงระเบิดดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง เป็นลวี่โหลวที่กำลังโจมตีเตาอย่างดุดัน เพื่อต้องการหลุดพ้นออกมาจากเตาใบนี้ให้ได้

“เตาเทพเลือดมังกรฟ้ากำจัดทุกอย่าง เจ้าไม่มีทางหนีรอดหรอก !”

มังกรโลหิตสะบัดตัว และกลายร่างกลับมาเป็นเจ้าสำนักมังกรฟ้าดังเดิม เขายกมือขึ้นคว้า และจับเตาเทวสีแดงฉานเอาไว้ จากนั้นก็กระตุ้นพลังของเตาเทวใบนี้อย่างต่อเนื่อง เพื่อต้องการกลั่นแปรลวี่โหลวที่ถูกขังอยู่ภายใน

“แย่แล้ว ! นี่มันคือเตาเทพเลือดมังกรฟ้า !”

เมื่อเห็นลวี่โหลวถูกขังเอาไว้ คนที่รู้สึกเป็นห่วงมากที่สุด ย่อมเป็นคนของภูเขาว่านเริ่น หงเหยียนพูดขึ้นด้วยสีหน้ากังวลว่า “เตาเทพเลือดมังกรฟ้าใบนี้ ได้ยินว่าเป็นอาวุธเทพระดับแปดที่อาจารย์ปู่ของสำนักมังกรฟ้าหลอมขึ้น อีกทั้งยังไม่ใช่อาวุธเทพระดับแปดธรรมดาอีกด้วย แต่เป็นอาวุธราชาเทพระดับแปด หากแสดงแสนยานุภาพออกมาอย่างเต็มที่ ถึงขั้นสามารถแผดเผาผู้แข็งแกร่งในระดับเทพมารระดับแปดให้ตายอยู่ในเตาได้ !”

หงเหยียนเป็นกังวลอย่างยิ่ง อดไม่ได้ที่จะยื่นมือออกไปดึงแขนเสื้อของหลัวซิว “ท่านนาย ท่านรีบคิดหาวิธีช่วยท่านพี่ของข้าเร็วเข้า”

คนอื่น ๆ ในภูเขาว่านเริ่นเองล้วนตกใจจนหน้าถอดสี รวมไปถึงพวกของผู้อาวุโสหวยซินที่ถูกลดขั้นเป็นผู้คุมกฎ หากเกิดอะไรไม่คาดฝันขึ้นกับประมุขเขาลวี่โหลวเข้า สถานการณ์เช่นนี้ นับว่าไม่เป็นผลดีกับภูเขาว่านเริ่นอย่างยิ่ง

ทุกคนต่างกำลังเป็นกังวล ยกเว้นหลัวซิวเพียงผู้เดียวที่ไม่รู้สึกกังวล หากลวี่โหลวถูกเจ้าสำนักมังกรฟ้าเอาชนะได้ง่ายดายเช่นนี้ เขาก็คงรู้สึกผิดหวังกับทายาทของราชาเทพว่านเริ่นเป็นอย่างยิ่ง

ถึงแม้เขาจะมาถึงภูเขาว่านเริ่นได้เพียงไม่นานนัก แต่กลับนำพาความเปลี่ยนแปลงแบบพลิกฝ่ามือมาให้กับภูเขาว่านเริ่น

หากเป็นเมื่อก่อน มีผลการฝึกตนที่ต่างกันหนึ่งแดน ลวี่โหลวคงทำได้เพียงตีเสมอกับเจ้าสำนักมังกรฟ้าได้เท่านั้น แต่หลังจากที่ ลวี่โหลวได้ฝึกตนในวิชาพลังอมตะที่เขาถ่ายทอดให้ ก็มีความสามารถที่สูงขึ้นไม่ใช่เพียงแค่หนึ่งหรือสองระดับเท่านั้น

ด้วยแดนของหลัวซิว หากเขาต้องการถ่ายทอดวิชาพลังอมตะให้กับใครสักคน ก็จะต้องปรับเปลี่ยนวิชาพลังอมตะ ให้เข้ากับสรีระตามธรรมชติของคนผู้นั้นมากที่สุด และมีเพียงแค่การฝึกตนวิชาพลังอมตะเท่านั้น ที่จะทำให้แสดงผลลัพธ์สูงสุดออกมาได้

ถึงแม้เจ้าสำนักมังกรฟ้าเสกเตาเทพเลือดมังกรฟ้า ซึ่งเป็นอัญบัลลังก์แห่งสำนักออกมา แต่เมื่อเทียบกับตราเขามังกรฉิวที่ลวี่โหลวกลั่นแปรออกมาอย่างมีสมาธิในช่วงนี้ เหมือนกับเศษเหล็กที่ไม่อาจเทียบได้กับขนะสินค้าชั้นสูง

หรือหากมองถอยหลังมาอีกหนึ่งก้าว หากลวี่โหลวไม่ต้องการเปิดเผยเรื่องตราเขามังกรฉิวซึ่งเป็นเหมือนทหารสูงสุดของจักรวรรดินี้ ในพระราชวังกูเฟิง ก็ยังมีของขลังศัสตราวุธที่มีอานุภาพร้ายกาจอีกมากมาย ซึ่งไม่ใช่เพียงแค่สมบัติในระดับเทพระดับเก้าเท่านั้น

“ไม่ต้องเป็นห่วงหรอก ก็แค่เจ้าสำนักมังกรฟ้าตัวเล็ก ๆ ไม่อาจทำให้พี่สาวของเจ้าตกที่นั่งลำบากได้หรอก” หลัวซิวหัวเราะพลางพูดปลอบใจ

เมื่อเห็นว่าในเวลาเช่นนี้หลัวซิวยังคงยิ้มออก หงเหยียนก็รู้สึกไม่พอใจนัก แต่ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด นางถึงได้เชื่อในคำพูดทุกอย่างของท่านนายผู้นี้อย่างสนิทใจ ในเมื่อท่านนายมั่นใจเช่นนี้ ไม่แน่ว่าในระยะนี้ ความสามารถและผลการฝึกตนของท่านพี่ อาจพัฒนาแบบก้าวกระโดดก็ได้ ?

เมื่อคิดว่าในช่วงนี้ตนเองมักขอคำแนะนำในการฝึกตนจากท่านนายอยู่บ่อยครั้ง และพบว่าแดนยุทธ์มีการพัฒนาขึ้นอย่างก้าวกระโดด ท่านพี่มีพรสวรรค์ที่เหนือกว่าตนเองมาก ก็ย่อมมีการพัฒนาที่สูงยิ่งกว่าถึงจะถูก

“เปรี้ยง !”

ไม่นานนัก พลังเต๋าศักดิ์สิทธิ์อันกว้างใหญ่และไม่อาจคาดเดาได้ ก็พวยพุ่งออกมาจากเตาเทพเลือดมังกรฟ้า พลังเต๋าศักดิ์สิทธิ์นี้ เหนือกว่ากฎพลังเต๋าที่อยู่ในเตาเทว มังกรฟ้าเลือด ภายใต้การระเบิดและบดขยี้สรรพสิ่ง ทำให้ผู้แข็งแกร่งในระดับเทพมารระดับเจ็ดที่อยู่ในเหตุการณ์ ต่างขาสั่นจนแทบยืนไม่อยู่

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มหายุทธ์ สะท้านภพ