ภายในสำนักหารือ ประมุขเขาลวี่โหลวนั่งอยู่ตรงที่นั่งหลัก เมื่อได้ยินสิ่งที่ผู้อาวุโสทั้งสองพูด ก็ไม่มีการแสดงออกทางสีหน้าใด ๆ แต่แววตากลับมีความย็นชาแผ่ซ่านออกมา
“ผู้อาวุโสสวี ผู้อาวุโสหวาง ภูเขาว่านเริ่นดีกับพวกท่านไม่น้อย ข้าไม่เข้าใจว่าทำไมพวกท่านจึงเสนอข้อคิดเห็นเช่นนี้ออกมา”
ขณะที่พูดอยู่นั้น ก็ยกมือขึ้นจับ ป้ายบัญชาการที่ห้อยอยู่ตรงเอวของสวีปู้ฉุนและผู้อาวุโสแซ่หวางผู้นั้นก็ลอยขึ้นกลางอากาศ แล้วตกลงในมือของนาง
สิ่งนี้ทำให้สีหน้าของผู้อาวุโสทั้งสองเปลี่ยนปในทันที ผู้อาวุโสถูกเรียกป้ายบัญชาการคืน นางหมายความว่าพวกเขาถูกเรียกคืนฐานะและอำนาจของผู้อาวุโสแล้ว
“ประมุขเขาทำเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร ? หรือว่าข้าพูดอะไรผิดไป ? ต่อให้พูดผิด ก็ริบป้ายบัญชาการของผู้อาวุโสอย่างเราคืนไปด้วยเรื่องแค่นี้อย่างนั้นหรือ ?” สวีปู้ฉุนพูดขึ้นอย่างไม่พอใจ
“เปล่า ข้าไม่ได้เก็บป้ายบัญชาการผู้อาวุโสคืนเพราะพวกท่านพูดสิ่งใดผิด แต่เป็นเพราพวกท่านเป็นผู้อาวุโส แต่กลับไม่มีจิตใจที่หยิ่งในศักดิ์ศรี อย่างที่ผู้อาวุโสของภูเขาว่านเริ่นควรมีมานานแล้ว !” ลวี่โหลวพูดอย่างทอดถอนใจ
“พูดได้ดี !”
ตรงประตูของสำนักหารือ หลัวซิวและหงเหยียนเดินเข้ามาพร้อมกัน เขากวาดสายตาไปยังลวี่โหลวและบรรดาผู้อาวุโส จากนั้นก็พูดขึ้นเบา ๆ ว่า “ถึงแม้ภูเขาว่านเริ่นจะตกต่ำ ก็ไม่อาจปล่อยให้สูญเสียจิตใจที่หยิ่งในศักดิ์ศรีไปได้ !”
“ยอมก้มหัวเพื่อร้องขอชีวิตอย่างน่าอดสู มีแต่จะทำให้สำนักมังกรฟ้ายิ่งกดขี่ข่มเหงพวกท่านยิ่งขึ้น และจะยิ่งทำให้อาจารย์ปู่ของพวกท่านต้องขายหน้า !”
“บังอาจ ! เจ้าเป็นแค่ศิษย์จะไปรู้อะไร ? อาศัยแค่ความบ้าดีเดือดและเลือดร้อนของเด็กหนุ่ม เจ้ารู้ไหมว่าเจ้ากำลังสร้างปัญหาใหญ่ขนาดไหน ?” สวีปู้ฉุนตะคอกอย่างดุดัน
“โปรดระวังฐานะของท่านด้วย ตอนนี้ท่านไม่ใช่ผู้อาวุโสอีแล้ว อีกทั้งภูเขาว่านเริ่นก็ไม่ต้องการคนอย่างท่านมาเป็นผู้อาวุโสด้วย”
หลัวซิวแค่กวาดสายตามองสวีปู้ฉุนอย่างผ่าน ๆ จากนั้นก็หันมองลวี่โหลวในทันที “จะจัดการอย่างไรก็แล้วแต่ท่าน ข้ายังมีธุระ ขอตัวก่อน”
เรื่องภายในของภูเขาว่านเริ่น หลัวซิวไม่อยากยื่นมือเข้าไปยุ่งนัก แต่เขาเองก็เชื่อว่า ลวี่โหลวคงรู้ดีว่าควรจะจัดการเรื่องนี้อย่างไร
ไม่นานนัก ภูเขาว่านเริ่นก็ประกาศข่าวออกมาว่า พวกของผู้อาวุโสสวีปู้ฉุนทั้งสอง ถูกปลดจากตำแหน่งผู้อาวุโสแล้ว ส่วนพวกของผู้อาวุโสหวยซินและหลิวฉางชุนทั้งสาม ก็ถูกลดขั้นให้เป็นผู้คุมกฎ
เรื่องนี้ทำให้เกิดความปั่นป่วนขึ้นในภูเขาว่านเริ่นไม่น้อย หลังจากนั้นไม่นานนัก หงเหยียนก็มาที่หุบเขาเทพจันทราและบอกหลัวซิวว่า ผู้อาวุโสสวีปู้ฉุนและผู้อาวุโสหวาง ออกจากภูเขาว่านเริ่นไปแล้ว
หลัวซิวไม่รู้สึกแปลกใจกับเรื่องนี้นัก คนที่พูดทำนองว่าจะมอบตัวเขาให้กับสำนักมังกรฟ้าเพื่อรับโทษ เดิมทีสวีปู้ฉุนและผู้อาวุโสหวางเองก็น่าสงสัยอยู่แล้ว เพียงแต่ไม่มีหลักฐานที่ชัดเจนเท่านั้น จึงมีบางอย่างที่ไม่อาจพูดออกมาได้ชัดเจนนัก
สำนักมังกรฟ้าจ้องจะเขมือบภูเขาว่านเริ่นมาตลอด แล้วจะไม่วางหมากบางตัวเอาไว้ในภูเขาว่านเริ่นได้อย่างไร ?
เพียงแต่หลัวซิวคิดไม่ถึงว่า สำนักมังกรฟ้าจะยื่นมือเข้ามาได้ลึกถึงเพียงนี้ แม้แต่บุคคลระดับผู้อาวุโส ก็กลายเป็นหมากของสำนักมังกรฟ้าไปได้
หากไม่ใช่เพราะเหตุการณ์ในวันนี้เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน ก็ไม่รู้ว่าสวีปู้ฉุนและผู้อาวุโสหวางจะยังปิดบังตัวจนอยู่ได้อีกนานเท่าไร จึงจะยอมเผยโฉมหน้าที่แท้จริงออกมา
แต่ไม่ว่าจะเปิดเผยโฉมหน้าออกมาตอนนี้หรือไม่ก็ไม่สำคัญแล้ว เพราะหลังจากเกิดเรื่องนี้ขึ้น ระหว่างภูเขาว่านเริ่นกับสำนักมังกรฟ้า ก็เท่ากับไม่ไว้หน้าซึ่งกันและกันอีก การต่อสู้ครั้งใหญ่ ดูเหมือนว่ากำลังจะมาถึงแล้ว
“สำนักมังกรฟ้ายังไม่มีการเคลื่อนไหวอะไรหรือ ?”
ไม่ว่าด้านนอกจะเกิดความปั่นป่วนเพียงใด ในลานสวนของหุบเขาเทพจันทราแห่งนี้ ทุกอย่างยังคงเป็นปกติเช่นเดิม
เหยียนเยว่เอ๋อร์และเหยียนซีโรว่ ทุ่มเททั้งกายและใจให้กับการฝึกตนอย่างเต็มที่ เพราะหลัวซิวเคยพูดเอาไว้ว่า ในโลกของนักยุทธ์ มีเพียงผลการฝึกตนที่แข็งแกร่งพอเท่านั้นจึงจะเป็นนิรันดร์
คนอื่น ๆ เองก็เช่นเดียวกัน ส่วนหลัวซิว เขายังคงไม่รีบร้อนที่จะยกระดับผลการฝึกตนของตนเอง แต่กลับค่อย ๆ ปรับปรุงให้ดีขึ้นทีละก้าว ๆ และค่อย ๆ ยกระดับขึ้นอย่างมั่นคง
เขาไม่ได้ร้องขอทรัพยากรในการฝึกตนใด ๆ จากภูเขาว่านเริ่น เพราะเขารู้ดีว่าระดับการเผาผลาญทรัพยากรของเขานั้นน่ากลัวมาก ทรัพยากรมีอยู่น้อยไม่พอใช้ แต่หากต้องการมาก เกรงว่าด้วยภูมิหลังของภูเขาว่านเริ่นคงแบกรับไม่ไหว
ส่วนทางด้านสำนักมังกรฟ้า ในสายตาของหลัวซิว การที่ผู้อาวุโสทั้งสามถูกสังหาร คงเพียงพอที่จะทำให้สำนักมังกรฟ้าโกรธจนเนื้อเต้น แต่นี่ก็ผ่านไปนานแล้ว กลับยังไม่เห็นสำนักมังกรฟ้ามีความเคลื่อนไหวใด ๆ
“สำนักมังกรฟ้าไม่กล้าลงมืออย่างประมาท”
หงเหยียนยิ้มออกมา แล้วพูดว่า : “ต่อให้ภูเขาว่านเริ่นของเราจะตกต่ำลงแล้ว แต่สมัยก่อนก็เป็นถึงผู้สืบทอดระดับแดนศักดิ์สิทธิ์ แล้วสำนักมังกรฟ้าเล่าเป็นอะไร ? อาจารย์ปู่ของพวกเขาก็เป็นแค่ราชาเทพระดับแปดเท่านั้น ซึ่งเทียบไม่ได้กับอาจารย์ปู่ของเราแม้เพียงปลายเล็บ”
อันที่จริงแล้ว ไม่ต้องให้หงเหยียนพูด หลัวซิวก็พอจะรู้ว่า ทำไมสำนักมังกรฟ้าถึงยังเกรงกลัวภูเขาว่านเริ่นอยู่ อย่างไรเสีย อาจารย์ปู่ของภูเขาว่านเริ่นก็เป็นถึงราชาเทพระดับเก้า วิธีการที่ผู้แข็งแกร่งระดับนี้ถ่ายทอดเอาไว้ให้ สำนักมังกรฟ้าไม่มีทางเทียบได้อย่างแน่นอน
ในสมัยก่อน ภูเขาว่านเริ่นกระทำการอย่างอ่อนน้อม และมักจะยอมอ่อนข้อให้เสมอ สำนักมังกรฟ้าก็ยังไม่กล้าแตะต้องภูเขาว่านเริ่น ตอนนี้จู่ ๆ ภูเขาว่านเริ่นกลับเปลี่ยนท่าที สังหารผู้อาวุโสทั้งสามที่เดินทางมาถามหาความผิดถึงที่อย่างเปิดเผย ทำให้ สำนักมังกรฟ้าต้องยิ่งไตร่ตรองมากขึ้น
ทว่า ต่อให้สำนักมังกรฟ้าจะเกรงกลัวแค่ไหน แต่เรื่องที่ผู้อาวุโสทั้งสามถูกสังหาร หากไม่มีการตอบโต้ออกมาแม้แต่น้อย ไม่เท่ากับว่าศักดิ์ศรีและอำนาจของสำนักมังกรฟ้าที่อยู่ในห้วงธาตุดารา ต้องถูกทำลายย่อยยับอย่างนั้นหรือ ?
ทุกอย่างเป็นไปตามที่หลัวซิวคาดการณ์เอาไว้ สำนักมังกรฟ้าเดินทางมาจริง ๆ วันนี้เอง เรือรบขนาดใหญ่ลำหนึ่งทะลุสุญญากาศ บินข้ามท้องฟ้ามา เรือรบลำนี้มีขนาดมหึมา มีความยาวกว่าร้อยลี้ บินมาจากขอบฟ้าราวกับภูเขาทอง อยู่เหนือน่านฟ้าที่สูงลิ่ว
รูปร่างของเรือรบ เป็นรูปร่างของมังกรทองห้ากรงเล็บ บนผืนธงที่โบกสะบัดอยู่บนเรือรบ มีสัญลักษณ์รูปเทพมังกรอยู่
สำนักมังกรฟ้า ไม่ใช่สำนักที่มีเพียงแค่เผ่าพันธุ์มนุษย์เท่านั้น แต่มีทั้งมนุษย์และอสูรปะปนกันอยู่ ได้ยินว่าอาจารย์ปู่ผู้บุกเบิกสำนักมังกรฟ้า เป็นผู้แข็งแกร่งของเผ่าพันธุ์มนุษย์ แต่ภรรยาของผู้แข็งแกร่งเผ่าพันธุ์มนุษย์ผู้นี้ กลับมาจากเผ่าพันธุ์มังกรแท้
ดังนั้นเชื้อสายของอาจารย์ปู่แห่งสำนักมังกรฟ้า จึงมีทั้งสายเลือดของเผ่าพันธุ์มนุษย์และเผ่าพันธุ์มังกรผสมกันอยู่ ในด้านการฝึกยุทธ์ จึงมีพรสวรรค์ที่เหนือธรรมชาติ
และเป็นเพราะอาศัยพลังของสายเลือดทั้งสอง สำนักมังกรฟ้าแข็งแกร่งขึ้นมากในช่วงสามสิบล้านปีกาลก่อน และเอาชนะภูเขาว่านเริ่นที่ตกต่ำลงแล้วได้ในสงครามครั้งใหญ่ และวางรากฐานอย่างมั่นคงในห้วงธาตุดาราทันที
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มหายุทธ์ สะท้านภพ
มึงๆ กูๆ เชี้ยไรเยอะแยะวะ นิยายจีนนะโว้ย อ่านเจอแล้วสดุดเสียรมตลอด...
แปลต่อทีค่า รออ่านอยู่นะคะ🥺🥺...
มีต่อไหมครับ...
รออยู่นะครับ...
เรื่องเก่าอัพเดตบ้าง ไม่ใช่ลงแต่เรื่องใหม่...
เมื่อไรจะลงซักที...
เค้ายังแปลอยู่ไหมครับ...
ไม่ลงให้อ่านซักที...
รออานยุ...
รอต่อไปครับ...