หงเหยียนขมวดคิ้วเล็กน้อย ถึงแม้ท่านนายของเราจะแข็งแกร่งมาก แต่หลังจากฟื้นคืนชีพ ผลการฝึกตนก็ยังไม่กลับมาเป็นปกติ หากอาศัยเพียงผลการฝึกตนในระดับเทพมารระดับห้าช่วงกลาง แล้วจะประมือกับเทพมารระดับหกขั้นสูงได้อย่างไร ?
ในขณะที่นางกำลังจะลงมือช่วยเหลือ กลับเห็นหลัวซิวเงยหน้าแล้วส่งเสียงตะโกนออกมา โดยไม่มีทีท่าที่คิดจะหลีกหนีเลยแม้แต่น้อย และพุ่งตรงเข้าใส่พลังกระบี่มังกรฟ้าทั้งสามสิบหกเล่มที่กำลังทิ่มแทงเข้ามาในทันที
เช้ง ! เช้ง ! เช้ง !......
เขาผายมือทั้งสองข้าง จากนั้นก็ปล่อยกระบวนท่าตราประทับปรปักษ์สวรรค์ สลับกับหมัดจ้านเทียน ทุกพลังที่ปล่อยออกมาสามารถทำลายพลังกระบี่มังกรฟ้าของเทพมารระดับหกได้อย่างง่ายดาย พลังจากร่างเนื้อที่ถูกบีบบังคับอย่างหนักของเขา ค่อย ๆ พุ่งออกไปทีละสาย ๆ
ภาพนี้ ทำให้พวกของผู้อาวุโสสวีเจาหลงทั้งสาม อดไม่ได้ที่จะหน้าถอดสี เป็นแค่เทพมารระดับห้า แต่กลับฝึกร่างยุทธ์ร่างเนื้อได้ถึงระดับนี้ นับว่าไม่เคยได้ยินมาก่อน
ร่างเนื้อเช่นนี้ ยังเป็นร่างกายของจอมยุทธ์เสียที่ไหน เห็นได้ชัดว่าเป็นศัสตราวุธของขลังที่แข็งแกร่งไร้เทียนทาน ! ช่างเหลือเชื่อจริง ๆ !
“มังกรฟ้าสังหาร !”
ฮั่วหยุนฉีตะโกนขึ้นด้วยความโมโห พลังตราประทับในมือเปลี่ยนแปลง และแสดงพลังอมตะอีกวิชาหนึ่งออกมา พลังกระบี่มังกรฟ้าทั้งสามสิบหกเล่ม กลายเป็นมังกร แล้วตรงเข้ารัดหลัวซิวเอาไว้ในพริบตาด้วยความเร็วสูงสุด
ทว่าหลัวซิวโคจรกฎปริภูมิและกฎความเร็วทั้งสองชนิดในเวลาเดียวกัน ความเร็วของเขาเร็วจนกระทั่งตัวสำนึกยากที่จะตรวจจับได้ มังกรทั้งสามสิบหกตัวยังไม่ทันจะพันเข้ามา ร่างของเขาก็หลงเหลือเพียงแค่เศษเงาเอาไว้ที่เดิมเสียแล้ว
“นี่มันความเร็วแบบไหนกัน ? ต่อให้เป็นกฎปริภูมิ ก็ไม่มีทางเร็วขนาดนี้ได้ !” สวีเจาหลงมีสีหน้าเปลี่ยนไปทันที “หยุนฉีระวัง !”
ถึงแม้สวีเจาหลงจะเอ่ยปากเตือนแล้ว แต่ความเร็วของหลัวซิวรวดเร็วเกินไป ในชั่วพริบตาเดียว เขาก็มาปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าของฮั่วหยุนฉีนเสียแล้ว หอกรบสีแดงฉานผนึกรวมขึ้นในมือของเขา และจ่อเข้าไปที่ห้วงจักรของฮั่วหยุนฉี
นี่คือหอกโลหิตสังหารสวรรค์ ประกอบด้วยออร่าพลังเต๋าของผู้แข็งแกร่งที่ไร้เทียมทาน ถูกหลัวซิวใช้วิถีไร้ลักษณ์เปลี่ยนแปลงออกมาเป็นร่องรอยลึกลับและพลังสังหาร ซึ่งเหนือกว่าพลังอมตะใหญ่ทั้งสองอย่างตราประทับปรปักษ์สวรรค์ และหมัดจ้านเทียนอย่างมาก
ไม่เสียแรงที่ฮั่วหยุนฉีเป็นศิษย์ใจกลางของสำนักมังกรฟ้า ในขณะที่กำลังตกใจก็ยังตอบโต้ได้อย่างรวดเร็ว ในขณะที่ขมวดคิ้ว เขาก็เสกของขลังคุ้มกันชีวิตตนเองออกมา
แต่ในตอนนี้เอง เขากลับรู้สึกว่าสิ่งต่าง ๆ รอบตัวเคลื่อนไหวช้าลงไปหลายเท่า ของขลังคุ้มกันที่เขาซ่อนไว้ในห้วงจักรหยั่งรู้ยังไม่ทันทำงาน หอกรบสีแดงฉานก็แทงเข้ามาเสียแล้ว
“หยุดนะ !”
แม้สวีเจาหลงจะพยายามควบคุมตนเองแค่ไหน แต่ตอนนี้ก็ไม่อาจทนดูอยู่เฉย ๆ ได้ เขาขยับตัว โดยไม่สนเรื่องผู้ใหญ่รังแกเด็กอีก และฟาดฝ่ามือเข้าใส่หลัวซิวทันที
สวีเจาหลงผู้นี้ เป็นผู้แข็งแกร่งระดับเทพมารระดับเจ็ด ที่ครอบครองพลังแห่งเกณฑ์ หลัวซิวย่อมไม่อาจมองดูอยู่เฉย ๆ ได้ ถึงแม้ร่างเนื้อของเขาจะแข็งแกร่ง แต่ก็ไม่กล้าปะทะกับฝ่ามือนี้ของสวีเจาหลงโดยตรง
“เผาผลาญ !”
ทันใดนั้นเอง มีเพลิงทองลุกขึ้นบนตัวของหลัวซิว เขาเผาผลาญพลังและเลือดทั้งหมดในคราวเดียว พลังและเลือดของเขาได้รับผลกระทบจากวิชากลั่นร่างกลืนเศษณ์ กลายเป็นสีทองอย่างสมบูรณ์ ฉาบร่างกายของเขาจนส่องแสงจ้าราวกับพระอาทิตย์สีทอง
เผาผลาญพลังและเลือด เลือดปราณพลุ่งพล่าน เลือดปราณที่มีพลานุภาพบนตัวของหลัวซิว เรียกได้ว่าน่าเกรงขามอย่างที่สุด
ไม่เพียงเท่านี้ เขาปลุกยันต์ค่ายทั้งเก้าสิบเก้าแถวที่สลักอยู่ในร่างเนื้อขึ้นมา ร่างกายถูกห้อมล้อมด้วยรัศมีและลำแสงนับไม่ถ้วน การเคลื่อนไหวดูราวกับเจ้าเซียนที่กำลังท่องเที่ยวอยู่บนโลกมนุษย์
ตอนนี้เอง เรียกได้ว่าหลัวซิวแสดงพลังการต่อสู้ออกมาทั้งหมด ด้านหลังของเขาปรากฏเงาลวงขนาดมหึมา ซึ่งก็คือฝ่าเซียงที่ผนึกรวมจากจิตตั้งบู๊ของเขา
เขายกนิ้วขึ้นชี้ เพลาไหลรวยที่อยู่ระหว่างสิ่งที่จับต้องได้และจับต้องไม่ได้ก็ไหลบ่าออกมา กฎเวลาค่อย ๆ กระจายออก และเกิดเป็นอาณาจักรหนึ่งขึ้นมา
“กฎเวลา !”
สวีเจาหลงตกใจอย่างยิ่ง ถึงขั้นเรียกได้ว่าตกตะลึง เด็กหนุ่มที่อยู่ในระดับเทพมารระดับห้า เขาไม่เพียงครอบครองพลังแห่งเกณฑ์เท่านั้น แต่กลับควบคุมกฎเวลาอันแข็งแกร่งเอาไว้ด้วย ?
ร่างกายห่อหุ้มด้วยเพลิงทอง ร่างกายของหลัวซิวกลายเป็นลำแสงสีทอง ราวกลับศัสตราวุธระดับหก ที่ถูกปลุกพลังขึ้นมาอย่างเต็มที่ และโจมตีออกไปอย่างรุนแรง !
ถึงแม้สวีเจาหลงจะเป็นผู้แข็งแกร่งในแดนเทพมารระดับเจ็ด แต่กฎพลังเต๋าทั้งหมดที่เขาครอบครองอยู่นั้น เมื่อเทียบกับกฎเวลาแล้ว ไม่ได้ด้อยกว่าเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
ถึงแม้ผลการฝึกตนของหลัวซิวยังไม่ถึงระดับเจ็ด แต่การครอบครองและควบคุมกฎเวลาของเขา ก็ไม่ด้อยไปกว่าเทพมารระดับเจ็ดคนหนึ่งอย่างแน่นอน
หรือพูดอีกอย่างว่า ผู้แข็งแกร่งระดับเทพมารระดับเจ็ด นอกเหนือจากผลการฝึกตนที่เป็นข้อได้เปรียบเพียงอย่างเดียว ไม่ว่าจะเป็นแง่ของกฎหรือพลังอมตะ ล้วนด้อยกว่าหลัวซิวทั้งสิ้น
เปรี้ยง !
เกิดเสียงดังสนั่น ร่าง ๆ หนึ่งลอยกระเด็นออกมา แต่สิ่งที่ทำให้ทุกคนต้องตกใจจนอ้าปากค้างก็คือ คนที่กระเด็นออกมาไม่ใช่หลัวซิว แต่เป็นผู้อาวุโสสวีเจาหลงแห่งสำนักมังกรฟ้า ผู้มีผลการฝึกตนอยู่ในระดับเทพมารระดับเจ็ดผลการฝึกตน !
“พรสวรรค์ระดับมหาจักรพรรดิยุทธ์ !”
ตอนนี้ ทุกคนต่างตกใจจนหน้าถอดสี เป็นที่รู้กันดีว่า ผู้ที่อยู่ต่ำกว่าเทพมารระดับเจ็ด แต่สามารถเอาชนะคู่ต่อสู้แดนใหญ่ได้ แสดงว่าเป็นผุ้มีพรสวรรค์ในระดับจักรพรรดิเทพ !
และหากเอาชนะสุดร่างแดนศักดิ์สิทธิ์ได้ นั่นแสดงว่าต้องเป็นผู้มีพรสวรรค์ระดับมหาจักรพรรดิยุทธ์ !
สวีเจาหลงมีผลการฝึกตนอยู่ในระดับเทพมารระดับเจ็ดขั้นปฐมภูมิ หลัวซิวสามารถเอาชนะเขาได้ด้วยผลการฝึกตนที่อยู่ในระดับเทพมารระดับห้าช่วงกลาง นั่นไม่ใช่เพียงการเอาชนะแดนใหญ่ได้เท่านั้น แต่เป็นการก้าวข้ามแดนใหญ่บวกกับแดนเล็กอีกสามแดน นั่นเท่ากับช่องว่างของเจ็ดอาณาจักรเล็ก ๆ !
หงเหยียนเองก็ตกตะลึงเช่นกัน ส่วนผู้อาวุโสทั้งห้าของภูเขาว่านเริ่น ต่างก็ตกใจอ้าปากค้าง จนแทบจะสอดกำปั้นเข้าไปได้ทั้งกำปั้น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มหายุทธ์ สะท้านภพ
มึงๆ กูๆ เชี้ยไรเยอะแยะวะ นิยายจีนนะโว้ย อ่านเจอแล้วสดุดเสียรมตลอด...
แปลต่อทีค่า รออ่านอยู่นะคะ🥺🥺...
มีต่อไหมครับ...
รออยู่นะครับ...
เรื่องเก่าอัพเดตบ้าง ไม่ใช่ลงแต่เรื่องใหม่...
เมื่อไรจะลงซักที...
เค้ายังแปลอยู่ไหมครับ...
ไม่ลงให้อ่านซักที...
รออานยุ...
รอต่อไปครับ...