เมื่อได้ยินว่าท่านนายต้องการกลั่นยา หงเหยียนและผู้อาวุโสใหญ่ต่างรู้สึกประหลาดใจ เพราะยาที่ท่านนายต้องการกลั่นไม่ใช่ยาธรรมดา แต่เป็นยาเซียนระดับแปด !
นักกลั่นยาที่บรรลุในระดับเทพระดับเจ็ดขึ้นไป เรียกว่าราชาโอสถ ระดับเจ็ดเรียกว่าราชาโอสถชั้นล่าง ระดับแปดเรียกว่าราชาโอสถชั้นกลาง และระดับเก้าเรียกว่าราชาโอสถชั้นสูง รวมไปถึงราชาโอสถมหาศักดิ์ในตำนาน !
ที่หงเหยียนรู้สึกประหลาดใจ เพราะว่านางรู้ดีว่าท่านนายนั้นเชี่ยวชาญวิถีค่ายเป็นอย่างยิ่ง แต่คิดไม่ถึงเลยว่าท่านนายจะเชี่ยวชาญวิถียาด้วย ราวกับว่าทุกวิชาพลังอมตะในโลกนี้ ไม่มีอะไรที่ท่านนายผู้นี้ไม่รู้
ส่วนที่จงหลีโป๋รู้สึกประหลาดใจนั้น เพราะว่าตัวเขาเองก็เป็นนักยาเซียนคนหนึ่ง อีกทั้งยังเป็นถึงราชาโอสถชั้นล่างอีกด้วย
แต่ถึงกระนั้นเขาก็ไม่เคยได้ยินว่า มีใครสามารถอาศัยผลการฝึกตนในระดับเทพมารระดับห้า กลั่นยาเซียนระดับแปดออกมาได้
ยกตัวอย่างง่าย ๆ เช่น หากทำให้ตัวเขามีผลการฝึกตนลดลงไปอยู่ในระดับเทพมารระดับห้า ต่อให้เขาเป็นถึงราชาโอสถชั้นล่าง ก็ไม่อาจกลั่นยาเซียนระดับเจ็ดออกมาได้
เรื่องที่น่าเหลือเชื่อในสายตาของผู้คนจำนวนมาก เมื่อเกิดขึ้นกับหลัวซิว กลับดูไม่น่าประหลาดใจอีกต่อไป อย่างน้อยเหยียนเยว่เอ๋อร์ เหยียนซีโรว่ และเสิ่นปิงหยู พวกนางต่างรู้สึกเคยชินนานแล้ว
“ท่านนาย ข้าขอสังเกตการณ์อยู่ข้าง ๆ ได้ไหม ?” จงหลีโป๋พูดขึ้นด้วยความตื่นเต้น
“ได้สิ”
หลัวซิวไม่ถือสาเรื่องนี้เท่าไรนัก หากจงหลีโป๋สามารถตระหนักรู้ได้จริง นั้นก็ถือเป็นผลสัมฤทธิ์ของตัวเขาเอง
“ฟิ้ว !”
หลัวซิวยกมือขึ้นชี้ เตากลั่นยาเปล่งประกายไปด้วยแสงเทวสีม่วงทองก็ปรากฏขึ้นมา เตากลั่นยานี้สูงหนึ่งจ้างสองฉื่อ บนเตากลั่นยามีสัญลักษณ์และโทเท็มที่ดูลึกลับอย่างยิ่งสลักอยู่นับไม่ถ้วน
เตากลั่นยาใบนี้ มีชื่อว่าเตากลั่นนภาจื่อเซียว เป็นเตากลั่นยาที่เขาใช้ในชาติไท่ซ่างฉิง
ส่วนประวัตความเป็นมาของเตาใบนี้ ย่อมได้มาจากกล่องเหล็กสีดำที่เขาทิ้งเอาไว้ในลานสวนของหุบเขาเทพจันทราใบนั้น
ในตอนแรกที่เขาตัดสินใจกลับชาติมาเกิดและฝึกตนใหม่ ก็รู้ดีว่าการฝึกตนใหม่ในอนาคต คงต้องใช้ทรัพยากรและยาจำนวนมากเพื่อยกระดับผลการฝึกตน ดังนั้นจึงทิ้งเตากลั่นยาเอาไว้ที่นี่
เพราะเขามีเตากลั่นยานภาจื่อเซียวอยู่ในครอบครองพอดี ทำให้เขามั่นใจว่าในขณะที่เขาอยู่ในแดนนี้ ก็จะสามารถกลั่นยาเซียนระดับแปดได้
เตากลั่นยาลอยอยู่กลางอากาศ กลิ่นหอมของสมุนไพรที่สดชื่น ค่อย ๆ ลอยฟุ้งออกมาจากเตากลั่นยา กลิ่นยาที่ลอยออกมานั้นราวกับควันจาง ๆ แค่สูดดมเพียงเล็กน้อย ก็ทำให้รู้สึกเหมือนผลการฝึกยุทธ์ของตนเองกำลังได้รับการขัดเกลา
“สวรรค์ นี่มันเตายาระดับไหนกัน ?” จงหลีโป๋ตาลุกวาว คนอื่น ๆ ไม่เข้าใจเรื่องการกลั่นยา จึงมองไม่ออกถึงความลึกลับ แต่จงหลีโป๋มีฐานะเป็นถึงราชาโอสถคนหนึ่ง ทันทีที่เตากลั่นยาใบนี้ปรากฏออกมา เขาก็สัมผัสได้ถึงความยิ่งใหญ่ของเตากลั่นยา
“พรสวรรค์ระดับเก้า” หลัวซิวพูดขึ้นเบา ๆ
เมื่อจงหลีโป๋ได้ยินดังนั้น ก็แทบจะหยุดหายใจทันที และริมฝีปากก็เริ่มสั่นเทาขึ้นมา
พรสวรรค์ที่พูดถึงนี้ ไม่ได้หมายถึงของขลังพรสวรรค์หรือพรสวรรค์ศัสตราวุธในโลกแสงดาว ในโลกมหาศักดิ์แปดด้าน ความหมายของพรสวรรค์ก็คือ พรสวรรค์ที่มีมาแต่กำเนิด !
หรือพูดอีกอย่างว่า หากถูกเรียกขานว่าเป็นสมบัติพรสวรรค์ได้ นั่นหมายถึงว่า เป็นภัณฑ์เซียนที่กำเนิดขึ้นมาในกฎทวยเทพธรรม ก่อนที่ฟ้าดินจะกำเนิดและเปิดออกเสียอีก !
ภัณฑ์เซียนพรสวรรค์มีจุดที่เหมือนกันอย่างหนึ่ง นั่นก็คือสามารถเติบโตได้ จนถึงระดับเก้าซึ่งเป็นระดับสูงสุด หากพัฒนาอีกขั้นก็จะกลายเป็นมหาศักดิ์
ในชาติไท่ซ่างฉิง หลัวซิวได้รับสมบัติชิ้นนี้มาโดยบังเอิญ เรียกได้ว่าสมบัติชิ้นนี้มีความเกี่ยวข้องกับลาร์อีกด้วย ตอนที่เขาได้เตากลั่นยานภาจื่อเซียวใบนี้มา ก็คือตอนที่เขาบ่มเพาะลาร์ขึ้นมาในสถานตรีภพนั้น
ในชาติก่อน เตากลั่นนภาจื่อเซียวคอยติดตามเขามาหลายปี ตั้งแต่พรสวรรค์ระดับหนึ่ง จนเติบโตไปถึงพรสวรรค์ระดับเก้า หากไม่ใช่เพราะภายหลังเขาฟื้นคืนชีพวัฏจักร จนถึงตอนนี้ เตายาในมือของเขาใบนี้ คงอยู่ในพรสวรรค์ระดับมหาศักดิ์ไปนานแล้ว
หลัวซิวไม่พูดอะไรมากไปกว่านี้ เขายื่นมือออกไปลูบเตายาเบา ๆ ดูเหมือนมันจะสัมผัสได้ถึงเจ้านายเก่าที่ห่ายหายไปหลายปี จากนั้นเตายาขนาดมหึมาก็สั่นไหวอย่างรุนแรง
เตายาชั้นยอดอย่างเตากลั่นนภาจื่อเซียวนี้ หากต้องการใช้มันถือว่าไม่มีเงื่อนไขด้านพรสวรรค์มากนัก ที่สำคัญที่สุดก็คือต้องได้รับการยอมรับจากเตากลั่นยา เพราะเตาเซียนมีจิตวิญญาณ หากไม่ได้รับการยอมรับจากมัน ต่อให้เป็นผู้แข็งแกร่งในแดนผู้สูงส่ง ก็ไม่อาจใช้มันในการกลั่นยาได้
หลัวซิวสะบัดนิ้วออกไป ชีวีอัคคีเทพซิวหลัวก็บินเข้าไปในเตาทันที จากนั้นภายในเตาก็มีไฟเผาผลาญลุกโชนขึ้นมา ภายในเตามีลายเส้นที่เกิดจากพรสวรรค์เพิ่มขึ้นมาสนับสนุน ทำให้เปลวไฟลุกโชนยิ่งขึ้น
เดิมทีอัคคีเทพชีวีของหลัวซิวอยู่เพียงแค่ในระดับเทพขั้นหกเท่านั้น แต่เมื่อได้รับการส่งเสริมจากเตากลั่นยา ก็บรรลุสู่อัคคีเทพระดับเจ็ดอย่างรวดเร็ว ถึงขั้นว่ายังมีแนวโน้มที่จะเพิ่มระดับต่อไปเรื่อย ๆ
สุดท้ายแล้ว อัคคีเทพของเขาก็ยังไม่สามารถบรรลุถึงระดับเทพระดับแปดได้อยู่ดี อย่างไรเสียก็ยังเป็นเพราะผลการใกตนของเขาที่ต่ำเกินไป
ถึงแม้จะเป็นเช่นนี้ ก็อัคคีเทพระดับเจ็ดขั้นสูงก็นับว่าเพียงพอแล้ว ยาเซียนค่อย ๆ ถูกเขาใส่เข้าไปในเตาทีละเม็ด ๆ ยาเซียนหลากหลายประเภทถูกเผาไหม้อยู่ภายใต้อัคคีเทพ และค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นหยดยาอันบริสุทธิ์และใสแวววาวราวกับคริสทัล
ขั้นตอนการกลั่นยาในครั้งนี้ กินเวลาถึงเจ็ดคืนเจ็ดวัน หลังจากที่เก็บยาเม็ดสุดท้ายเสร็จเรียบร้อย ในมือของหลัวซิวก็มีขวดหยกเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งใบ ภายในบรรจุยาเซียนระดับแปดอยู่หกเม็ด
จงหลีโป๋ตกตะลึงอย่างสมบูรณ์ ในตอนแรกสิ่งที่ทำให้เขาต้องตกตะลึงก็คือ การปรากฏขึ้นของเตายาระดับเก้า แต่ในภายหลัง สิ่งที่ทำให้เขายิ่งตกตะลึงมากขึ้นไปอีกก็คือ วิชากลั่นยาของท่านนาย วิชากลั่นยานั้นนับว่าอยู่เหนือความคาดหมาย เป็นการถือครองลิขิตของสวรรค์ เขาถึงขั้นรู้สึกว่า บนโลกใบนี้ คงไม่มีวิชากลั่นยาที่ยอดเยี่ยมไปกว่านี้อีกแล้ว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มหายุทธ์ สะท้านภพ
มึงๆ กูๆ เชี้ยไรเยอะแยะวะ นิยายจีนนะโว้ย อ่านเจอแล้วสดุดเสียรมตลอด...
แปลต่อทีค่า รออ่านอยู่นะคะ🥺🥺...
มีต่อไหมครับ...
รออยู่นะครับ...
เรื่องเก่าอัพเดตบ้าง ไม่ใช่ลงแต่เรื่องใหม่...
เมื่อไรจะลงซักที...
เค้ายังแปลอยู่ไหมครับ...
ไม่ลงให้อ่านซักที...
รออานยุ...
รอต่อไปครับ...