มหายุทธ์ สะท้านภพ นิยาย บท 268

“ข้าเจ็บชะมัด”

หลงหมิงโอดครวญออกมา “ถ้าเป็นยุคทองของท่านชายหลง แค่จามก็ทำให้หุ่นเชิดในทางเดินนี้ตายหมดแล้ว”

สำหรับวิชาทวนนภาพรากชีวีมีชีวิตกลับมาเกิดใหม่ในชาติที่สอง ในใจของหลงหมิงทั้งดีใจและกังวล

ที่ดีใจก็คือตัวเองไม่ต้องตายแล้ว สามารถมีชีวิตอยู่ต่อไปได้ สิ่งที่กังวลก็คือตัวเองต้องเริ่มใหม่ตั้งแต่ต้น แต่ตอนที่พละกำลังอ่อนแอ ดันร่วงลงมาในมือของคนเลวพวกนี้ แถมยังโดนวิชาสยบวิญญาณเลวๆ อีกด้วย

มองไปรอบๆ หลัวซิวพบว่าตรงกลางโถงสี่เหลี่ยมแห่งนี้ มีแท่นหิน มีลูกไฟระยิบระยับอยู่บนนั้น

โถงแห่งนี้มีเพียงทางเข้าที่พวกเขามา ไม่มีทางออกอื่น

หลัวซิวก้าวเข้าไป มีตัวอักษรท่อนหนึ่งสลักอยู่บนแท่นหิน ตัวอักษรเหล่านี้มาจากสมัยโบราณ ดูไม่เหมือนกับตัวอักษรในปัจจุบันเล็กน้อย แต่พอเข้าใจความหมายคร่าวๆ ได้ ความหมายคือฝ่าฟันถ้ำสองด่าน สามารถเลือกสมบัติบนแท่นหินไปได้หนึ่งชิ้น

บนแท่นหินมีลูกไฟทั้งหมดสามดวง ขนาดประมาณกำปั้น ดูไม่ออกว่าข้างในคือสมบัติอะไร เห็นได้ชัดว่ารางวัลนี้เป็นแบบสุ่ม ทั้งหมดล้วนขึ้นอยู่กับดวงของตัวเอง

ตัวสำนึกของหลัวซิวกวาดไปตามลูกไฟทั้งสามดวง ตรวจตราอยู่นาน ก็ไม่เจอเบาะแสอะไร

ดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงยื่นมือไปคว้า เลือกมาหนึ่งดวง จากลูกไฟสามดวง

ลูกไฟส่องแสงสีเขียวออกมา หลังได้มาไว้ในมือ ก็เริ่มเปลี่ยนไป กลายเป็นธงเล็กๆ สีดำ ขนาดประมาณฝ่ามือ หลัวซิวกำไว้ในมือ

ขณะเดียวกัน ลูกไฟอีกสองดวงบนแท่นหิน หายแวบไปจนหมด

“ธงขลังสรรพสิ่ง”

เมื่อตัวสำนึกหล่นลงไปบนธงเล็กสีดำ ข้อมูลบางอย่างถูกส่งเข้ามาในหัวของหลัวซิว ผ่านตัวสำนึก

จากข้อมูลที่แสดงให้เขาเห็น ธงเล็กสีดำอันนี้ เป็นธงขลังของนักค่ายกลสมัยโบราณ เป็นเครื่องลางระดับสูง เทียบเท่ากับนักยุทธ์ระดับสูงในปัจจุบัน

สลักสัญลักษณ์ลายเส้นลงบนธงขลัง ใช้ตัวสำนึกพลังจิตแท้กระตุ้น เพียงพริบตาก็วางค่ายกลได้ อีกทั้งในนั้นสามารถสลักค่ายกล ได้มากถึงสิบประเภท

ธงค่ายที่สร้างขึ้นในปัจจุบัน เป็นประเภทเดียวกับธงขลัง แต่ธงค่ายแต่ละชุด สามารถสลักค่ายกลได้เพียงชนิดเดียว ไม่เหมือนธงขลัง จำนวนธงค่ายที่ใช้ก็แตกต่างกัน ดังนั้นนักค่ายกลส่วนมาก มักเอาธงค่ายติดตัวไว้หลายชุด

แต่ในสมัยโบราณ นักค่ายกลสร้างแค่ธงขลังผืนเดียว แต่สามารถวางค่ายกลได้ตลอด อีกทั้งยังสามารถรวมค่ายกลที่สลักเอาไว้บนธงขลังไว้ด้วยกันได้ สร้างเป็นค่ายกลหลอมรวม

“ของดี!” เมื่อรู้ข้อมูลพวกนี้ หลัวซิวมีสีหน้าดีใจ มีธงขลังสรรพสิ่งผืนนี้ สามารถทำให้เขาใช้ระดับค่ายกลของตัวเองออกมาได้อย่างเต็มที่ พละกำลังยกระดับขึ้นสูงมาก

“เซียนเสว่ เธอก็ไปลองดูสิ” หลัวซิวเดินกลับมาพูดกับปี้เซียนเสว่

เพราะเขาพบว่าหลังจากตัวเองออกมาจากข้างแท่นหิน ข้างบนก็มีลูกไฟอีกสามดวงปรากฏขึ้น แต่เมื่อเขาจะยื่นมือไปหยิบ ก็มีพละกำลังที่มองไม่เห็น ขัดขวางเขาไว้ เห็นได้ชัดว่าแต่ละคนที่มาตรงนี้ รับรางวัลได้แค่ครั้งเดียว

ปี้เซียนเสว่เลือกลูกไฟมาหนึ่งดวง ได้รับม้วนหยกหนึ่งม้วน

แต่เธอกลับไม่ใช้ตัวสำนึกตรวจสอบม้วนหยก เธอเดินมายื่นม้วนหยกให้หลัวซิว

“นี่เป็นของเธอ เอามาให้ฉันทำไม” ถึงหลัวซิวจะสงสัยว่าในม้วนหยกบันทึกอะไรอยู่ แต่เขากลับไม่ยื่นมือไปรับมา

“ถ้าไม่มีนาย ฉันไม่มีทางเดินมาถึงที่นี่ ควรเอาของให้นายอยู่แล้ว” ปี้เซียนเสว่พูดตามเหตุผล

หลัวซิวอดหัวเราะไม่ได้ เขาส่ายหน้าแล้วพูดว่า “เธอเก็บไว้เถอะ ฉันได้ของมาเยอะแล้ว อีกทั้งเรายังมาด้วยกัน นี่เป็นสิ่งที่เธอควรได้รับ”

เห็นหลัวซิวดึงดันไม่รับไว้ ปี้เซียนเสว่ก็ไม่ดึงดันต่อ หลังใช้ตัวสึกนึกตรวจตราม้วนหยก สีหน้าของเธอชะงักไป

นี่ทำให้หลัวซิวอดสงสัยไม่ได้ ในม้วนหยกนี้มีอะไรกันแน่

“วรยุทธ์ระดับ9......” ปี้เซียนเสว่ตั้งสติได้ พูดอย่างไม่อยากเชื่อ

“อะไรนะ วรยุทธ์ระดับ9 เหรอ” หลัวซิวก็อึ้งเหมือนกัน

วิชายุทธ์สูงสุดในประเทศเทียนหวู ก็คือวรยุทธ์ระดับ8 ถึงเป็นสามอำนาจใหญ่อย่างตำหนักจื่อ สำนักเสวียนหยาง สำนักฉางเหอ ก็ไม่มีการถ่ายทอดวรยุทธ์ระดับ9

ยิ่งไปกว่านั้น ในวิชายุทธ์ วรยุทธ์เป็นสิ่งที่ล้ำค่ามาก

วรยุทธ์ระดับ9 ที่บันทึกในม้วนหยก ชื่อว่าวิชาหยินบริสุทธิ์ สำหรับคนที่มีร่างเสวียนหยินสุดพิเศษอย่างปี้เซียนเสว่ เป็นวรยุทธ์ที่เหมาะสมที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย

เห็นได้ชัดว่า ในถ้ำปริศนาแห่งนี้ มีการวางค่ายกลที่ลึกลับอยู่แห่งหนึ่ง จะมอบรางวัลที่เหมาะสม อิงตามสภาพของผู้ที่บุกเข้ามา

เดิมทีหลัวซิวกะจะหาโอกาสทำวรยุทธ์ที่ดี ให้ปี้เซียนเสว่ผ่านเทพแห่งวัฏจักรชีวิต เหมือนตอนแรกที่เขาช่วยฮู๋ชิงชิงทำวิชาปฐมอสูรฟ้า

ตอนนี้ปี้เซียนเสว่มีวิชาหยินบริสุทธิ์ ที่เป็นวรยุทธ์ระดับ9 เหมือนวิชาปฐมอสูรฟ้า อีกทั้งเธอยังได้วรยุทธ์ที่สมบูรณ์แบบ ไม่ต้องทำเรื่องเกินจำเป็นแล้ว

ตามที่เทพแห่งวัฏจักรชีวิตบอกไว้ หลังผลการฝึกตนของเขาถึงแดนฝึกจิต มีสิทธิพิเศษแน่นอนแล้ว สามารถได้รับความช่วยเหลือจากวัฏจักร แต่การช่วยเหลือนี้มีจำกัด สิ่งที่ได้จากในนั้น จึงมีระดับที่ไม่ค่อยสูง

อย่างน้อยหลัวซิวอยากได้วรยุทธ์ยิ่งเลิศ ที่เหนือกว่าวรยุทธ์ระดับ9 จากความสามารถของเขาในตอนนี้ แค่บางส่วนก็ยังเอามาไม่ได้

หลังปี้เซียนเสว่ได้รางวัล หลงหมิงก็วิ่งหลุนๆ ไปหน้าแท่นหิน แต่กลับไม่มีสมบัติอะไรปรากฏออกมา

“โอ๊ย! ให้ตายเถอะ ท่านชายหลงฝ่าฟันสุดชีวิตมาที่นี่ ทำไมถึงไม่มีรางวัลของฉันล่ะ”

หลงหมิงคำรามอย่างโมโห ฟาดกรงเล็บไปทางแท่นหิน แต่กลับโดนแรงสะท้อนกลับจนกระเด็น โมโหจนส่งเสียงฟึดฟัด

เห็นได้ชัดว่าค่ายกลในถ้ำแห่งนี้ สามารถแยกลมปราณ มีเพียงนักยุทธ์ที่เป็นมนุษย์ ผ่านด่านสองด่าน จึงจะได้รางวัล อสูรกายไม่สามารถได้รางวัลใดๆ

เรียกว่าไม่ใช่พวกเดียวกัน จิตใจย่อมแตกต่างกัน ไม่ว่าจะเป็นสมัยโบราณหรือปัจจุบัน ก็เป็นเช่นนี้

......

สำหรับคนที่ฝึกยุทธ์ เวลาร้อยวัน จะว่านานก็ไม่นาน จะว่าสั้นก็ไม่สั้น

บริเวณแท่นวาร์ปโบราณ ที่เข้าไปยังแดนปริศนา ทหารเสือดำพันกว่าคน ประจำการอยู่ที่นี่เป็นเวลาประมาณสองเดือนแล้ว

อีกทั้งที่ประจำการของทหารเสือดำกลุ่มนี้ ยังมีค่ายกลชนิดหนึ่งวนเวียนอยู่ ล็อกพื้นที่เขตนี้เอาไว้

ผู้แข็งแกร่งราชายุทธ์ ที่มาจากราชวงศ์ตระกูลฝานสามคน ต่างมีสีหน้าอึมครึม สายตาจ้องไปยังแท่นโบราณนั่น

ความเคลื่อนไหวของราชวงศ์ตระกูลฝานครั้งนี้ ทำให้อำนาจใหญ่อื่นๆ ตกใจอยู่แล้ว ตำหนักจื่อ สำนักเสวียนหยาง สำนักฉางเหอ ผู้แข็งแกร่งราชายุทธ์ของสามอำนาจใหญ่ ต่างพากันมา ทำให้บรรยากาศบริเวณนี้ ดูตึงเครียดอย่างเห็นได้ชัด

“ถึงเวลาแล้ว”

ฝั่งทหารเสือดำประเทศเทียนหวู ผู้อาวุโสเคราขาวคนหนึ่ง พูดเสียงทุ้มทันที มีตราปรมาจารย์ค่ายกลขั้น5 แขวนอยู่ตรงอก ส่องแสงระยิบระยับภายใต้แสงอาทิตย์ที่ส่องลงมา

“ครืน!”

แท่นวาร์ปโบราณส่องแสงขึ้นทันที สัญลักษณ์และลายเส้นค่ายกลซับซ้อน ที่สลักเอาไว้ ต่างพากันส่องแสงขึ้นมา พลังแห่งห้วงเวลาอันแข็งแกร่ง พวยพุ่งอยู่บนแท่น

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มหายุทธ์ สะท้านภพ