มหายุทธ์ สะท้านภพ นิยาย บท 2681

นอกจากอาวุธเทพมหาศักดิ์ที่ถูกยึดกุมอยู่ในมือผู้แข็งแกร่งระดับผู้สูงส่งทุกคน ทหารจักรวรรดิเลิศล้ำก็ถือเป็นสมบัติชั้นสุดยอดแล้ว 

ยิ่งกว่านั้นคือทหารจักรวรรดิเลิศล้ำที่เทพมารระดับแปดคนหนึ่งยึดกุมนั้น เพียงพอที่จะสามารถต่อกรกับเทพมารระดับเก้าทั่วไปได้ด้วย!

กระทั่งบัดนี้ ผู้คนในสำนักเซียนต้าโหลวถึงจะถือว่าทราบอย่างแท้จริงว่าเหตุใดภูเขาว่านเริ่นถึงไม่ได้นำสำนักเซียนต้าโหลวมาไว้ในสายตาเลยแม้แต่น้อย ต่อให้มีอาจารย์ปู่ระดับเทพมารระดับเก้าคุ้มกันรักษาแล้วอย่างไร? แค่อาศัยพลานุภาพของทหารจักรวรรดิเลิศล้ำ ภูเขาว่านเริ่นก็ไม่เกรงกลัวเลยด้วยซ้ำ!

ในส่วนของกองกำลังอื่น ๆ ที่อยู่ในที่เกิดเหตุนั้น ก็ตกตะลึงพรึงเพริดไปหมดแล้ว แม้นการเปิดหุบเขาสยบปีศาจจะเป็นเรื่องใหญ่ แต่ก็ไม่ถึงขั้นพกอัญบัลลังก์แห่งสำนักมาด้วย ประมุขเขาว่านเริ่นลวี่โหลวยึดกุมทหารจักรวรรดิเลิศล้ำหนึ่งชิ้น เขาจึงเป็นผู้ที่มีสิทธิ์มีเสียง ณ ที่แห่งนี้มากที่สุดอย่างแน่นอน 

“ดูดจิต ลงไป”

จากการที่หลัวซิวเอ่ยปากพูดด้วยน้ำเสียงที่เรียบนิ่ง ลำตัวที่ใหญ่โตมโหฬารของดูดจิตก็จุติลงมาจากนภาสูง กำลังคนจากกองกำลังทั้งหลายที่มาจากอาณาจักรตะวันออกแห่งโลกร้างต่างพากันหลบเลี่ยง เมื่ออยู่ในสถานการณ์เช่นนี้ ไม่มีคนกล้าขัดขวางเลยด้วยซ้ำ 

มาตรแม้นว่าเป็นซื่อจื่อแปดแห่งตระกูลต้าฉินที่เจริญรุ่งเรืองอย่างสุดขีดเหมือนดวงตะวันกลางฟ้าจะพาปีศาจขี่กาศนภามาด้วย เวลานี้ก็ไม่กล้าพูดอะไรเช่นกัน 

หลัวซิวกระโดดลงไปจากเหนือศรีษะดูดจิต ย่างเท้ามาถึงทางเข้าหุบเขาสยบปีศาจ ทางเข้าคือประตูประภาศิตสีทองสองบาน ทั้งหุบเขาสยบปีศาจเดี๋ยวผลุบเดี๋ยวโผล่อยู่กลางหมอกที่ขมุกขมัว

ปกติหุบเขาสยบปีศาจจะอำพรางอยู่ในอนัตตามาโดยตลอด ซึ่งจะปรากฏแค่บางช่วงที่ไร้กฎเกณฑ์ เฉกเช่นวินาทีนี้ 

ในส่วนของประตูประภาศิตทั้งสองบานของหุบเขาสยบปีศาจนั้น ก็ใช่ว่าจะไม่เคยมีคนพยายามใช้อำนาจทลายมันมาก่อน ทว่ากลับไม่เคยมีคนทำสำเร็จเลย มาตรแม้นว่าผู้แข็งแกร่งจักรพรรดิเทพระดับเก้ามาถึง ก็ทำอะไรไม่ได้

ลวี่โหลวเดินตามอยู่ด้านหลังหลัวซิว สายตาของผู้แข็งแกร่งจากกองกำลังทั้งหลายที่อยู่บริเวณรอบ ๆ ล้วนเต็มเปี่ยมไปด้วยความระแวดระวัง พลานุภาพของทหารจักรวรรดิเลิศล้ำมันทำให้ผู้คนหวาดหวั่นได้จริง ๆ

ศักยภาพของกงหยางฉวนที่ยึดกุมอาวุธเทพระดับเก้าก็แข็งแกร่งมากเช่นกัน แต่เมื่อเผชิญหน้ากับพลานุภาพของทหารจักรวรรดิเลิศล้ำแล้ว สุดท้ายก็ถูกสังหารภายในเสี้ยววินาทีอยู่ดีมิใช่หรือ? 

“ข้าไม่อยากพูดคำพูดไร้สาระเป็นครั้งที่สอง ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไปพสุธาห้วงดาราที่หุบเขาสยบปีศาจคงอยู่จักตกเป็นอาณานิคมของข้า ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ข้าก็คือจ้าวแห่งหุบเขาสยบปีศาจ!”

หลัวซิวก้าวเท้าเดินไปด้านหน้าประตูประภาศิตทั้งสองบานตรงทางเข้าหุบเขาสยบปีศาจ เขากวาดมองผู้คนที่อยู่รอบ ๆ ด้วยแววตาที่เยือกเย็น “ให้เวลาพวกเจ้าออกจากสถานที่แห่งนี้ภายในเวลาสิบลมหายใจ มิเช่นนั้นพวกเจ้าก็ไม่ต้องกลับแล้วล่ะ!”

เมื่อพูดคำพูดดังกล่าวออกมา ก็มีความเยือกเย็นปรากฏบนใบหน้าเหล่าผู้แข็งแกร่งที่เป็นผู้นำของกองกำลังทั้งหลาย หากผู้ที่พูดคำพูดดังกล่าวออกมาคือประมุขเขาลวี่โหลว บางทีพวกเขาอาจไม่เป็นเช่นนี้ ทว่าชายหนุ่มคนนี้คือผู้ใด? เขามีสิทธิ์อะไรมาพูดจาโอหังเช่นนี้?

ทว่าสิ่งที่ทำให้ผู้แข็งแกร่งจากกองกำลังทั้งหลายไม่เข้าใจมากกว่านั้นคือ ประมุขเขาลวี่โหลวที่ยึดกุมทหารจักรวรรดิเลิศล้ำถึงขั้นเดินตามอยู่ด้านหลังชายหนุ่มคนนั้นอย่างนั้นหรือ ประหนึ่งเบื้องล่างที่จงรักภักดี นี่จึงทำให้คนจำนวนไม่น้อยต่างคาดเดาว่า ตกลงชายหนุ่มคนนี้มีภูมิหลังและความเป็นมาที่น่าทึ่งอย่างไรกันแน่?

“คนดังกล่าวมีนามว่าหลัวซิว เล่ากันว่าเป็นศิษย์ใจกลางคนใหม่ของภูเขาว่านเริ่น”สำหรับเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับภูเขาว่านเริ่นในช่วงนี้นั้น กองกำลังทั้งหลายก็พอเข้าใจอยู่บ้าง ต่างเคยได้ยินเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับศิษย์ใจกลางคนใหม่อยู่ 

ทว่ายิ่งเป็นเช่นนี้ กลับยิ่งทำให้ผู้คนรู้สึกสงสัยมากเข้าไปใหญ่ เหตุใดศิษย์ใจกลางเล็ก ๆ คนหนึ่งถึงจองหองเช่นนี้? สามารถทำให้ประมุขเขาลวี่โหลวคอยเดินตามอยู่ด้านหลังเขาดั่งเบื้องล่างเลยหรือ? 

นี่มันศิษย์ใจกลางอะไร นี่มันเหมือนอาจารย์ปู่ของภูเขาว่านเริ่นชัด ๆ!

“แม้นภูเขาว่านเริ่นของเจ้าจะมีทหารจักรวรรดิเลิศล้ำ แต่ก็ไม่ควรจองหองเช่นนี้ เจ้าจักยึดครองหุบเขาสยบปีศาจคนเดียว ก็ต้องถามก่อนว่ากองกำลังทั้งหลายในอาณาจักรตะวันออกแห่งโลกร้างเห็นด้วยหรือไม่”

เรื่องราวดำเนินการมาจนถึงวินาทีนี้ ในที่สุดซื่อจื่อแปดแห่งตระกูลต้าฉินก็เอ่ยปากพูดอย่างอดกลั้นต่อไปไม่ไหว 

ทันทีที่เขาเอ่ยปากพูด ก็ทำให้ผู้แข็งแกร่งจากกองกำลังทั้งหลายพูดคล้อยตาม 

“ซื่อจื่อแปดพูดถูก มีทหารจักรวรรดิเลิศล้ำไม่ได้หมายความว่าเป็นผู้ไร้เทียมทาน ตระกูลต้าฉินมีราชาเทพระดับเก้า การที่จะกดอัดภูเขาว่านเริ่นของพวกเจ้านั้น ก็สามารถทำได้ภายในเวลาเพียงแวบเดียวเท่านั้น!”

“ไม่ใช่แค่ตระกูลต้าฉินเท่านั้นที่มีราชาเทพ สำนักตงหลิงเซิ่งยิ่งมีบรรพอาจารย์มกุฎเทพระดับเก้าคงอยู่ในโลกใบนี้อีกด้วย!”

“......”

สำหรับคำพูดเหล่านี้ของผู้แข็งแกร่งจากกองกำลังทั้งหลายนั้น หลัวซิวเบื่อที่จะตอบโต้เลยด้วยซ้ำ เขาพูดไปตั้งนานแล้วว่าเขาจักไม่พูดคำพูดไร้สาระเป็นครั้งที่สอง

ไม่ว่าจะอยู่ในยุคสมัยใด ผู้แข็งแกร่งเทพมารระดับเก้าล้วนเป็นผู้แข็งแกร่งที่มีอิทธิพลมาก การที่จะก้าวข้ามผ่านอุปสรรคต่าง ๆ นานาบนวิถียุทธ์จนฝึกตนถึงแดนเทพมารระดับเก้าได้นั้น มันยากลำบากมากเพียงใด?

เทพมารระดับเก้าทุกคนล้วนสามารถริเริ่มการถ่ายทอดสืบสานที่ไม่ด้อยกว่าระดับแดนศักดิ์สิทธิ์ มีภูมิฐานแน่นหนา ลึกซึ้งมากจนไม่อาจคาดเดาได้

มาตรแม้นว่าภูเขาว่านเริ่นจะมีทหารจักรวรรดิเลิศล้ำ แต่ท้ายที่สุดแล้วก็ไม่มีผู้แข็งแกร่งเทพมารระดับเก้าคอยคุ้มกันรักษาเลยแม้แต่คนเดียว ซึ่งไม่สามารถปลดปล่อยพลานุภาพที่แท้จริงของทหารจักรวรรดิเลิศล้ำออกมาได้เลยด้วยซ้ำ 

ยิ่งกว่านั้นคือทหารจักรวรรดิเลิศล้ำเป็นสิ่งที่ทำให้ผู้คนอิจฉาริษยา เพราะนั่นมันสมบัติที่แม้แต่ผู้แข็งแกร่งจักรพรรดิเทพระดับเก้ายังใฝ่หามาก ๆ เชียวนะ การที่ภูเขาว่านเริ่นเปิดเผยอุบายไพ่เด็ดเช่นนี้ออกมานั้น คนส่วนมากล้วนมองว่านี่เป็นการรนหาที่ตายชัด ๆ 

และในเวลานี้เอง กองกำลังทั้งหลายก็ใช้อุบายเคล็ดวิชาต่าง ๆ แพร่งพรายข่าวคราวที่ภูเขาว่านเริ่นมีทหารจักรวรรดิเลิศล้ำออกไป ใช้เวลาไม่นาน ต้องมีผู้แข็งแกร่งไร้เทียมทานก้าวข้ามผ่านอนัตตาแล้วย่างกรายมายังสถานที่แห่งนี้อย่างแน่นอน

สำหรับการก่อกวนเล็ก ๆ น้อย ๆ อย่างลับ ๆ ของกองกำลังทั้งหลายนั้น ไม่ต้องบอกหลัวซิวก็คิดได้แล้ว เขานำมือทั้งสองข้างวางลงบนประตูประภาศิตทั้งสองบานตรงทางเข้าหุบเขาสยบปีศาจ ก่อนจะเคาะด้วยจังหวะพิเศษที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความล้ำลึกเบา ๆ

ตั้งแต่โบราณกาลมา ยังไม่มีผู้ใดสามารถเปิดหุบเขาสยบปีศาจได้ มีเพียงเจ้าหุบเขาสยบปีศาจแสดงตนด้วยตนเอง ประตูประภาศิตถึงจะหายไป และคนอื่น ๆ ถึงจะมีสิทธิ์เข้าไปตามหาสมบัติในหุบเขา 

อดีตก็เคยมีผู้ชนะวิถีค่ายระดับเทพระดับเก้า ตลอดจนผู้แข็งแกร่งไร้เทียมทานระดับจักรพรรดิเทพระดับเก้าเสาะหาวิธีเปิดหุบเขาสยบปีศาจเช่นกัน ทว่าสุดท้ายล้วนจบลงด้วยความล้มเหลว 

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มหายุทธ์ สะท้านภพ