ในเขตพื้นที่ศูนย์กลางที่ลึกที่สุดในหุบเขาสยบปีศาจมีภูเขาลูกหนึ่ง ซึ่งภูเขาดังกล่าวสูงตระหง่านยิ่งใหญ่มาก ยอดเขาสูงเสียดเมฆ ราวกับเสาเทพที่เชื่อมต่อกับท้องฟ้า ลักษณะภายนอกสูงใหญ่ห้าวหาญเปี่ยมพลัง
ตรงผาของภูเขาลูกนั้นมีคำว่ายอดเขาเจ๋อฉิงสลักอยู่!
ไม่มีอสูรกายที่แข็งแกร่งใช้ชีวิตอยู่บริเวณรอบ ๆ ยอดเขาเจ๋อฉิงเลยแม้แต่ตัวเดียว เนื่องจากที่นี่มีค่ายกลต้องห้ามที่ทรงพลังอย่างยิ่ง
ภายใต้การชี้นำของหลัวซิว ดูดจิตจึงบินไปยังจุดที่สูงที่สุดของยอดเขาเจ๋อฉิง บัดนี้ผู้คนถึงจะสังเกตเห็นว่าบนยอดเขาเจ๋อฉิงมีพระราชวังที่โบราณและเรียบง่ายหนึ่งหลังตั้งอยู่กลางเมฆหมอก
วังวั่งฉิง!
วังวั่งฉิงบนยอดเขาเจ๋อฉิง ไท่ซ่างผู้เดินบนวิถีธรรมอันยิ่งใหญ่คนเดียว!
มีเพียงหลัวซิวคนเดียวเท่านั้นที่สามารถขึ้นไปยังส่วนยอดของยอดเขาเจ๋อฉิง ถึงแม้ลวี่โหลวที่มีผลการฝึกตนสูงที่สุดจะมีตราเขามังกรฉิว ก็ถูกค่ายกลต้องห้ามกีดกันอยู่ภายนอกเช่นกัน
ในยุคสมัยอันไกลโพ้น ครั้นเมื่อเขายังเป็นไท่ซ่างฉิง ในใจเขามีเพียงวิถีธรรมที่ยิ่งใหญ่ของตัวเองเท่านั้น ไม่มีสิ่งอื่นใดเลย
และไม่เคยมีผู้ใดมายอดเขาเจ๋อฉิงด้วย ที่นี่เป็นสถานที่ที่เขาฝึกตนปิดขังตลอดทั้งปี แม้แต่กลุ่มคนที่สนิทชิดเชื้อกับเขามาก ๆ รวมไปถึงเหล่าสตรีผู้ภาคภูมิของสวรรค์ที่มีความสัมพันธ์คลุมเครือกับเขาก็ไม่เคยขึ้นมายอดเขาเจ๋อฉิงเลยแม้แต่คนเดียว
เนื่องจากที่นี่เป็นสถานที่ที่ไท่ซ่างฉิงตัดอารมณ์ความรู้สึกความปรารถนาอย่างปุถุชนทั่วไปทิ้ง ในยุคสมัยนั้น สตรีผู้ภาคภูมิของสวรรค์ทุกคนที่มาถึงด้านล่างยอดเขาเจ๋อฉิง ล้วนจะรู้สึกเศร้าโศกเสียใจ
หลัวซิวในปัจจุบันมองตัวเองเมื่อภพชาติก่อนด้วยสภาพจิตใจดั่งคนนอกคนหนึ่ง แต่เขาก็ไม่สามารถตัดสินไท่ซ่างฉิงเมื่อภพชาติก่อนได้เช่นกันว่า ตกลงการกระทำเช่นนั้นมันถูกต้องหรือผิดกันแน่
อาจารย์ที่ถูกกดอัดอยู่ในหุบเขาผนึกปีศาจเหมือนผู้มีบุญคุณที่ช่วยชีวิตเขาไว้อีกครั้ง เขาตัดอารมณ์ความรู้สึกทั้งหมดทิ้ง จิตใจแค่จดจ่ออยู่กับการแสวงหาวิถี หวังแค่ว่าสักวันจะสามารถช่วยอาจารย์หลุดพ้นออกมาจากความยากลำบาก เนื่องจากเขารู้สึกว่าอารมณ์ความรู้สึกที่อยู่บนวิถียุทธ์นั้น ก็เหมือนดั่งพันธนาการและอุปสรรคอย่างหนึ่งสำหรับเขา
ทว่าภพชาตินี้ หลัวซิวกลับพบว่าถึงแม้ไท่ซ่างฉิงจะไม่ได้ไปช่วยอาจารย์เขาที่หุบเขาผนึกปีศาจ สุดท้ายอาจารย์เขาก็หายตัวไปอยู่ดี เหลือเพียงหุบเขาผนึกปีศาจที่รกร้างว่างเปล่า
ภายใต้การนำพาและจัดแจงจากพวกลวี่โหลว จี้หานยู่และซิงเฉิน กำลังทหารของเผ่าจี้ ตระกูลเทพสงครามและภูเขาว่านเริ่นล้วนเลือกฐานที่มั่นอยู่บริเวณรอบยอดเขาเจ๋อฉิง จัดหาที่อยู่ให้แก่คนในตระกูลและศิษย์ของตน
หลัวซิวใช้มือทั้งสองข้างไขว้ไว้ด้านหลัง ยืนอยู่บนยอดเขาเจ๋อฉิง ทุกการเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้นในหุบเขาสยบปีศาจล้วนอยู่ในกระแสสัมผัสของเขา
เมื่ออยู่ภายในนี้ เขาก็คือนายแห่งหุบเขาสยบปีศาจ นอกเสียจากว่ามีผู้แข็งแกร่งผู้สูงส่งย่างกรายมาถึง มิเช่นนั้นต่อให้ผู้แข็งแกร่งมหาจักรพรรดิยุทธ์ระดับเก้ามาถึง เขาก็สามารถยืนหยัดอยู่ในหุบเขาสยบปีศาจได้อย่างผู้ไร้เทียมทาน
ภูเขาว่านเริ่นคือจุดเริ่มต้น เช่นนั้นหุบเขาสยบปีศาจก็คือสถานที่ตั้งหลักที่ภพชาติก่อนจัดเตรียมไว้เพื่อภพชาตินี้
บริเวณรอบ ๆ ยอดเขาเจ๋อฉิงมีตัวต้องห้าม ภายในหุบเขาสยบปีศาจมีสมุนไพรเพิ่มพลังถูกหล่อเลี้ยงออกมาเป็นจำนวนมาก มนุษย์ผู้ฝึกยุทธ์สามารถขัดเกลาผลการฝึกตนของตนได้ด้วยเหล็กเศษณ์ทองเซียนที่ล้ำค่า ยาเซียนสรรพทิพย์รวมไปถึงมีอสูรกายแข็งแกร่งหลากหลายประเภทให้ฝึกฝน ซึ่งเป็นแดนศักดิ์วิถียุทธ์ที่ตระกูลสำนักทั้งปวงต่างใฝ่ฝันอย่างแน่นอน
ไม่มีสถานที่ใดเหมาะกับการทำให้ตระกูลเทพสงครามและเผ่าจี้เจริญรุ่งโรจน์ได้มากกว่านี้แล้ว ทั้งสองเผ่าพันธุ์นี้มีศักยภาพที่แข็งแกร่งกว่าภูเขาว่านเริ่นหลายเท่าตัวมาก ซึ่งได้รับความสำคัญจากหลัวซิวมาโดยตลอด
บริเวณกลางเขายอดเขาเจ๋อฉิงมีถ้ำหนึ่งแห่ง ภายในถ้ำมีออร่าตรีภพกลิ้งไหลไปมา เสียงหัวเราะดังลั่นของลาร์ดังก้องอย่างไม่ขาดสาย ที่นี่คือสถานที่ที่ลาร์เคยพักอยู่อาศัย เมื่ออยู่กลางตรีภพ ถึงจะสามารถทำให้เขาสัมผัสได้ถึงความรู้สึกของการได้กลับบ้านอย่างแท้จริง
“เรื่องราวในอดีตได้ผ่านพ้นไปแล้ว อะไรที่ควรปล่อยวางก็ปล่อยวางซะเถอะ”
หลัวซิวถอนหายใจเบา ๆ ก่อนจะยกมือโบกครั้งหนึ่ง ค่ายกลต้องห้ามที่อยู่บนยอดยอดเขาเจ๋อฉิงก็สลายหายไป
ตั้งแต่วินาทีนี้เป็นต้นไป เขาจะไม่ให้ยอดเขาเจ๋อฉิงเป็นสถานที่ที่มีเพียงเขาเท่านั้นที่สามารถพักอยู่อาศัย เขาไม่ใช่ไท่ซ่างฉิง เขาไม่ได้ตัดอารมณ์ความรู้สึกของตัวเองทิ้ง เขาไม่อยากให้วิถีธรรมอันยิ่งใหญ่ไร้รูปและโดดเดี่ยวเดียวดาย เขามีภรรยาของตน มีคนรู้ใจที่เข้าใจซึ่งกันและกัน
“ตู้มม!”
และในเวลานี้เอง ก็มีพลังออร่าที่แข็งแกร่งย่างกรายมาหุบเขาสยบปีศาจ ถัดจากนั้นก็มีพลังออร่าของจอมยุทธ์ที่นับไม่ถ้วนต่างพากันเข้ามาในหุบเขาสยบปีศาจเช่นกัน
หลัวซิวใช้มือทั้งสองข้างไขว้ไว้ด้านหลัง ภายใต้การปลุกเสกจากค่ายกลต้องห้ามในหุบเขาสยบปีศาจ กระแสตัวสำนึกของเขาสามารถครอบคลุมทั่วทุกมุมฟ้าดินในหุบเขาสยบปีศาจ
เขาเข้ามาในหุบเขาสยบปีศาจ ทว่ากลับไม่ได้ผนึกทางเข้าหุบเขาแต่อย่างใด นั่นก็เป็นเพราะเขาคาดเดาได้แล้วว่าพวกที่มีจิตประสงค์ร้ายต้องตามมาถึงที่แน่นอน
ซึ่งคนดังกล่าวคือผู้อาวุโสที่ผมเผ้าปลิวลอย รอบกายมีรัศมีเทวที่แวววาวจับตาเปล่งประกาย มีวังอัมพรหลายหลังลอยอยู่บนท้องฟ้า และเงาร่างของผู้อาวุโสคนดังกล่าวก็คอยบัญชาการอยู่กลางวังอัมพรทั้งหมด สูงตระหง่านองอาจห้าวหาญ และมีกงล้อเทพลอยอยู่หลังศรีษะหนึ่งวง!
กงล้อเทพเป็นสัญลักษณ์ของผู้แข็งแกร่งเทพมารระดับเก้า กงล้อหนึ่งวงคือขั้นปฐมภูมิ กงล้อเทพสองวงคือช่วงกลาง สามวงคือช่วงปลายและสี่วงคือขั้นสูง!
การผนึกรวมกันของกงล้อเทพ หมายความว่าผู้แข็งแกร่งแห่งโลกยุทธ์ตระหนักความล้ำลึกของเกณฑ์ถึงแดนที่สูงลึกมาก ซึ่งเป็นส่วนที่ยอดเยี่ยมที่สุดในการตระหนักวิถียุทธ์ ทำให้สามารถปลดปล่อยพลังอมตะออกมาได้หลากหลายรูปแบบ และมีพลานุภาพที่ทรงพลังมากอย่างหาที่เปรียบไม่ได้
ระดับที่อยู่สูงกว่าขั้นสูงวัฏจักรสี่คือราชาเทพวัฏจักรห้า มกุฎเทพวัฏจักรหกจักรพรรดิเทพวัฏจักรเจ็ด มหาจักรพรรดิยุทธ์วัฏจักรแปด รวมไปถึงมหาจักรพรรดิยุทธ์วัฏจักรเก้าที่แข็งแกร่งยิ่งกว่า ตลอดจนผู้สูงส่งวัฏจักรสิบที่อยู่ระดับสูงสุด!
อย่าได้ดูถูกเทพมารระดับเก้าที่มีกงล้อเทพหนึ่งวงเป็นอันขาด ถึงแม้จะมีกงล้อเทพเพียงหนึ่งวง นั่นก็เป็นผู้แข็งแกร่งไร้เทียมทานที่ตั้งตระหง่านอยู่บนจุดสูงสุดของวิถียุทธ์เช่นกัน ส่วนพวกเทพมารระดับเก้าที่แข็งแกร่งยิ่งกว่านั้น หลังจากยุคสมัยหนึ่งได้ผ่านพ้นไปใช่ว่าจะมีผู้ที่แข็งแกร่งกว่าเทพมารระดับเก้าบังเกิดเสมอไป
ยกตัวอย่างเช่นอาณาจักรตะวันออกแห่งโลกร้างในปัจจุบัน จำนวนผู้แข็งแกร่งเทพมารระดับเก้ามีไม่มากกว่า 20 คนแน่นอน ผู้ที่มีศักยภาพแข็งแกร่งมากที่สุดอย่างมากก็เป็นเพียงมกุฎเทพวัฏจักรหกซึ่งถูกเรียกขานว่าเป็นผู้แข็งแกร่งอันดับหนึ่งในอาณาจักรดาราแห่งหนึ่ง
ส่วนจักรพรรดิเทพวัฏจักรเจ็ดนั้น ในอาณาจักรดาราทั้งห้าแห่งโลกร้างก็มีไม่ถึงสิบคนเช่นกัน ส่วนจำนวนมหาจักรพรรดิยุทธ์ที่อยู่สูงกว่าวัฏจักรแปดนั้น ต้องมีไม่มากกว่าห้าแน่นอน
สำหรับผู้แข็งแกร่งเทพมารระดับเก้าแล้ว ทุกครั้งที่หุบเขาสยบปีศาจเปิดออก พวกเขาก็จะมาเช่นกัน เนื่องจากภายในหุบเขาสยบปีศาจมีสมบัติที่ทำให้แม้แต่ผู้แข็งแกร่งเทพมารระดับเก้ายังหวั่นไหว และยิ่งมีอสูรยักษ์เทพมารระดับเก้าเยอะมากด้วย หากล่าสังหารได้ละก็ จะสามารถกลั่นโอสถแก่นแท้ระดับเก้าออกมาได้เลย
ภายใต้สถานการณ์ทั่วไป ทุกครั้งที่หุบเขาสยบปีศาจเปิดออก ผู้ที่มีผลการฝึกตนต่ำกว่าเทพมารระดับเก้าจะเป็นผู้ที่เข้ามาก่อน รอหลังจากระยะเวลาผ่านไปช่วงหนึ่งแล้ว ผู้แข็งแกร่งระดับเทพมารระดับเก้าถึงจะย่างกรายมา
ทว่าครั้งนี้กลับแตกต่างจากอดีต การปรากฏของทหารจักรวรรดิเลิศล้ำทำให้ผู้แข็งแกร่งระดับเทพมารระดับเก้าย่างกรายมาล่วงหน้า
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มหายุทธ์ สะท้านภพ
มึงๆ กูๆ เชี้ยไรเยอะแยะวะ นิยายจีนนะโว้ย อ่านเจอแล้วสดุดเสียรมตลอด...
แปลต่อทีค่า รออ่านอยู่นะคะ🥺🥺...
มีต่อไหมครับ...
รออยู่นะครับ...
เรื่องเก่าอัพเดตบ้าง ไม่ใช่ลงแต่เรื่องใหม่...
เมื่อไรจะลงซักที...
เค้ายังแปลอยู่ไหมครับ...
ไม่ลงให้อ่านซักที...
รออานยุ...
รอต่อไปครับ...