มหายุทธ์ สะท้านภพ นิยาย บท 2683

ฉินอ๋องไม่ทราบว่าคุณดังกล่าวคือผู้ใดกันแน่ ในฐานะที่เป็นนายท่านของตระกูลต้าฉินในยุคนี้ เขาก็แค่เคยได้ยินบรรพอาจารย์พูดถึงเรื่องราวในกาลเวลาอันเก่าแก่เล็กน้อยเท่านั้น

เขาทราบแค่ว่าคนที่บรรพอาจารย์หมายถึงก็คือนายแห่งหุบเขาสยบปีศาจ ซึ่งเป็นผู้แข็งแกร่งไร้เทียมทานเมื่อหนึ่งยุคตรีภพก่อน

ในยุคสมัยอันไกลโพ้นนั้น บรรพอาจารย์ยังเป็นเด็กหนุ่มคนหนึ่ง อาศัยภูมิฐานและอุบายเหลือเชื่อที่นับไม่ถ้วนของตระกูล  ถึงจะสามารถคงอยู่มาจนถึงปัจจุบันได้ เวลาส่วนมากท่านล้วนอยู่ในสภาวะนอนหลับใหลมาโดยตลอด คอยคุ้มกันตระกูลต้าฉิน

ไม่มีผู้ใดสามารถคงอยู่ได้นานกว่าหนึ่งยุคตรีภพ ทว่าบรรพอาจารย์ตระกูลฉินกลับทำได้ แม้นสิ่งที่เขาอาศัยจะไม่ใช่โชคลาภและผลการฝึกตนที่เหลือเชื่อของตน ทว่าก็สามารถดูออกอยู่ว่าภูมิฐานของตระกูลต้าฉินนั้นแน่นลึกมากเพียงใด ถึงสามารถมีอุบายที่เหลือเชื่อเช่นนี้

หลังจากผ่านไปไม่นาน ฉินอ๋องก็ได้รับข่าวคราวมาว่าตั้งแต่บรรพจารย์ต้าโหลวเข้าไปในหุบเขาสยบปีศาจเป็นต้นมา เขาก็ไม่เคยออกมาอีกเลย นี่จึงทำให้เขาเข้าใจแล้วว่าที่บรรพอาจารย์กล่าวมานั้นไม่มีผิดเลย นายแห่งหุบเขาสยบปีศาจตั้งใจที่จะปล่อยเขาไปจริง ๆ

“อย่าพยายามไปลองยั่วยุเขาง่าย ๆ ตั้งแต่โบราณกาลมา ทุกยุคสมัยล้วนมีสิ่งต้องห้ามอย่างหนึ่ง มีสิ่งต้องห้ามในยุคไท่ชู มีสิ่งต้องห้ามในยุควัฏสงสาร ยุคมหาศักดิ์ในปัจจุบันก็ย่อมมีสิ่งต้องห้ามอยู่แล้ว……”

บรรพอาจารย์แห่งตระกูลต้าฉินไม่ได้พูดอะไรมากนัก เวลาส่วนมากเขาล้วนอยู่ในสภาวะนอนหลับใหล ซึ่งอยู่โลกาภายนอกได้ไม่นานนัก เพราะเมื่อดูจากอายุขัย เขาควรเป็นคนที่เสียชีวิตไปตั้งนานแล้ว 

ก่อนที่จะนอนหลับใหลต่อ บรรพอาจารย์ท่านนี้ของตระกูลต้าฉินได้ตักเตือนฉินอ๋องว่านายแห่งหุบเขาสยบปีศาจก็คือสิ่งต้องห้ามในยุคมหาศักดิ์!

อะไรคือสิ่งต้องห้าม? สิ่งต้องห้ามก็คือผู้ที่อย่าริอ่านเอ่ยถึงง่าย ๆ และผู้ที่ทำให้ผู้คนต่างหวาดหวั่นพรั่นพรึง!

……

“ผนึก!”

บนยอดเขาเจ๋อฉิง หลัวซิวใช้มือทั้งสองข้างปล่อยวิชาตราประทับออกไป ค่ายกลต้องห้ามนับไม่ถ้วนที่อยู่ในฟ้าดินยอดเขาเจ๋อฉิงจึงสั่นคลอน แสงค่ายทั้งหลายผสมผสานกันอยู่กลางนภาสูง ราวกับแหขนาดใหญ่ ทำการแผ่คลุมฟ้าดินในหุบเขาสยบปีศาจเอาไว้

ฉินอ๋องหลบหนีไป บรรพจารย์ต้าโหลวถูกสังหาร จอมยุทธ์จากกองกำลังทั้งหลายที่ตามหลังเข้ามาก็ล้วนอกสั่นขวัญหาย ก่อนจะหันหลังหลบหนีจากไปอย่างบ้าคลั่ง

หลัวซิวไม่ได้ใช้ตัวต้องห้ามในหุบเขาสยบปีศาจสังหารคนเหล่านั้นแต่อย่างใด เมื่อพูดจากแก่นแท้แล้ว เขาไม่ใช่ผู้ที่ชอบสังหารผู้คนแต่อย่างใด จุดประสงค์ที่เขาทำให้ฉินอ๋องบาดเจ็บสาหัสและสังหารบรรพจารย์ต้าโหลวนั้น หลัก ๆ ก็ทำเพื่อข่มขวัญ ตักเตือนผู้ที่คิดประสงค์ร้ายต่อหุบเขาสยบปีศาจ  

คำว่า“ผนึก” มีความลี้ลับและลึกซึ้งของธรรมที่ไร้ขอบเขตแฝงซ่อนอยู่ ทางเข้าของหุบเขาสยบปีศาจหายไปแล้ว ยิ่งกว่านั้นคืนแม้แต่หุบเขาสยบปีศาจ รวมไปถึงพสุธาห้วงดาราที่หุบเขาสยบปีศาจตั้งอยู่ก็หายไปเช่นกัน 

จอมยุทธ์จากกองกำลังทั้งหลายที่หลบหนีออกมาจากหุบเขาสยบปีศาจล้วนเบิกตากว้างอ้าปากค้าง ใบหน้าเต็มเปี่ยมไปด้วยความช็อกและและประหลาดใจ ภาพเหตุการณ์ทุกอย่างที่พบเห็นในวันนี้มันเหลือเชื่อมากเกินไปแล้วจริง ๆ

ซึ่งทั้งหมดทั้งมวลที่เกิดขึ้นนี้ ย่อมเป็นเพราะหลัวซิวผนึกหุบเขาสยบปีศาจแล้ว เขาเข้าใจดีมาก ๆ ว่ายุคสมัยในปัจจุบันไม่ใช่ยุคสมัยที่ไท่ซ่างฉิงคงอยู่อีกต่อไปแล้ว 

ขณะที่เขาเป็นไท่ซ่างฉิง หุบเขาสยบปีศาจคือป้อมปราการไร้เทียมทาน เมื่อมีเขาคอยบัญชาการอยู่ ณ ที่แห่งนี้ ก็จะไม่มีผู้ใดสามารถทลายมันได้ 

แต่ปัจจุบัน กาลเวลาได้ล่วงเลยไปหนึ่งยุคตรีภพเต็ม ๆ แล้ว ในโลกมหาศักดิ์ทั้งแปดก็มีผู้แข็งแกร่งระดับผู้สูงส่งอุบัติขึ้นมาหลายคนเช่นกัน ผลการฝึกตน ณ ปัจจุบันของเขาเป็นเพียงแดนเทพมารระดับหกเท่านั้น หากมีผู้สูงส่งลงมาโจมตีด้วยตนเอง เขาต้องต้านทานไม่ไหวแน่นอน

ยิ่งกว่านั้นคือหากมีผู้แข็งแกร่งมหาจักรพรรดิยุทธ์ระดับเก้าหนึ่งถึงสองคนโจมตีอย่างสุดกำลังสามารถละก็ ใช่ว่าเขาจะสามารถต้านทานได้เสมอไป ต่อให้ค่ายกลต้องห้ามที่เขาจัดวางไว้ในหุบเขาสยบปีศาจเมื่อปีนั้นจะแข็งแกร่งมากเพียงใด ท้ายที่สุดแล้วผลการฝึกตนของตัวเขาเองก็ต่ำเกินไป

แต่ว่าขอแค่เขาทำการผนึกหุบเขาสยบปีศาจโดยสิ้นเชิง มาตรแม้นว่ามีผู้แข็งแกร่งระดับผู้สูงส่งค้นหาทั้งอนัตตา ก็ผนึกตำแหน่งและทางเข้าของหุบเขาสยบปีศาจได้ยากมาก ซึ่งหลัวซิวเชื่อมั่นในจุดนี้ดีมาก ๆ

เนื่องจากไม่ว่าจะเป็นเขาหรือผู้คนที่อยู่รอบกาย อนาคตหากจะทำสงครามปราบปรามทั้งแปดทิศร่วมกับเขา ก็ล้วนต้องการระยะเวลาในการเจริญเติบโต 

ทรัพยากรในหุบเขาสยบปีศาจอุดมสมบูรณ์ ยาเซียนสมุนไพรเซียนมีเยอะมากจนนับไม่ถ้วน บวกกับมีอสูรกายจำนวนมากที่สามารถไล่ล่าแล้วกลั่นเป็นโอสถแก่นแท้ จึงสามารถพูดได้เลยว่าภายในหุบเขาสยบปีศาจไม่ขาดแคลนทรัพยากรการฝึกตนต่าง ๆ อย่างแน่นอน อีกทั้งที่นี่ยังมีอสูรกายที่แข็งแกร่งคงอยู่เป็นจำนวนมากด้วย และมีสถานฆาตฉกรรจ์ที่ประกอบจากค่ายกลต้องห้ามอีกหลายจุด ซึ่งศิษย์ในตระกูลเทพสงคราม เผ่าจี้รวมไปถึงภูเขาว่านเริ่นก็สามารถไปฝึกฝนเก็บเกี่ยวประสบการณ์ ขัดเกลาพลังอมตะบนวิถียุทธ์ของตนที่สถานฆาตฉกรรจ์เหล่านั้นได้เช่นกัน

เขานำวิชาวิถียาบางส่วนที่ลึกซึ้งในคัมภีร์โอสถสลักจารึกลงม้วนหยก รวมไปถึงวิชาวิถีค่าย วิชาวิถีภัณฑ์ ล้วนสลักจารึกลงม้วนหยก แล้วคัดเลือกอัจฉริยะที่โดดเด่นจากตระกูลเทพสงคราม เผ่าจี้รวมไปถึงภูเขาว่านเริ่นออกมา

นอกจากยาเซียนชั้นสุดยอด ค่ายกลรวมไปถึงศัสตราวุธของขลังแล้ว หลัวซิวไม่มีทางทำเรื่องทุกอย่างด้วยตนเองได้ เขาจำเป็นต้องบ่มเพาะอัจฉริยะที่โดดเด่นในด้านต่าง ๆ ออกมา ซึ่งทั้งหมดนี้ล้วนต้องใช้เวลาค่อย ๆ ตกตะกอน จักเร่งรีบไม่ได้

สำหรับการเก็บเกี่ยวทรัพยากรในหุบเขาสยบปีศาจนั้น หลัวซิวก็มีการกำหนดกฎเกณฑ์เช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นเหล็กเศษณ์ทองเซียน ยาเซียนสมุนไพรเซียน หรือการล่าอสูรกาย ล้วนต้องอยู่ในความเหมาะสม จำเป็นต้องรักษาให้อยู่ในระดับที่สมดุล

อย่างไรเสียต่อให้ทรัพยากรที่สะสมอยู่ในหุบเขาสยบปีศาจจะอุดมสมบูรณ์มากเพียงใด ก็ไม่มีทางสามารถเก็บเกี่ยวได้อย่างไร้ขอบเขตแน่นอน มีเพียงรักษาสมดุลอย่างลุ่มลึก ถึงจะสามารถรับประกันได้ว่าจะมีทรัพยากรจำนวนมากเกิดขึ้นอย่างไม่ขาดสาย

ส่วนตัวหลัวซิวเองนั้น เขาไม่มีแผนการที่จะฝึกตนในหุบเขาสยบปีศาจยาว ๆ เนื่องจากทรัพยากรที่เขาต้องใช้ในการฝึกตนนั้นสูงมากเกินไป ถึงแม้ทรัพยากรในหุบเขาสยบปีศาจจะอุดมสมบูรณ์ถึงขั้นที่สามารถทำให้เพ็ญตนได้นานระยะหนึ่ง แต่กลับไม่มีทางเพียงพอต่อผู้คนที่มากมายเช่นนี้

หลัวซิวยกมือโบกทีหนึ่ง ทำการเปลี่ยนคำว่าวั่งฉิงบนวังวั่งฉิงที่อยู่เหนือยอดเขาเจ๋อฉิงให้กลายเป็นซิวหลัว ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ในโลกหล้านี้จักไม่มีวังวั่งฉิงอีกต่อไป มีเพียงวังซิวหลัว

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มหายุทธ์ สะท้านภพ