มหายุทธ์ สะท้านภพ นิยาย บท 2685

อนัตตาเสื่อมทรุด ในส่วนของผู้อาวุโสทั้งห้าของสมาคมเทียนสุ่ยกลับหายตัวไปแล้ว นี่จึงทำให้ผู้คนที่เห็นภาพเหตุการณ์นี้ต่างรู้สึกเสียวสันหลังวาบอย่างควบคุมไม่ได้ 

“พระเจ้า นั่นมันตัวประหลาดที่มาจากที่ใดเนี่ย? ถึงกับกินมนุษย์เป็น ๆ เลยอย่างนั้นหรือ?”

“หรือจะเป็นผู้แข็งแกร่งในเผ่าพันธุ์มารไม่ก็เผ่าปีศาจ?”

คนจำนวนมากที่วางแผนที่จะมามุงดูความสนุกในตอนแรกต่างพากันถอยหลังออกไป เรื่องที่เหี้ยมโหดอย่างการกินมนุษย์ยังทำได้ จักยังมีผู้ใดกล้าเข้าใกล้เขาอีก?

นอกซะจากฝึกวรยุทธ์ที่วิปริตมาก ๆ มิฉะนั้นโดยส่วนใหญ่แล้วจอมยุทธ์เผ่าพันธุ์มนุษย์ไม่มีทางกลืนกินมนุษย์แบบเป็น ๆ ทว่าผู้คนในเผ่าพันธุ์มารและเผ่าปีศาจกลับแตกต่างกัน การกินมนุษย์เป็นเรื่องที่หาพบได้บ่อยมากในเผ่าพันธุ์มารและเผ่าปีศาจ 

“ไปเดรัจฉาน ไปตายซะ!”

การตายของผู้อาวุโสทั้งห้าคนทำให้ฉิวเทียนสุ่ยยิ่งโกรธมากจนไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ ภายใต้การควบคุมของเขา ค่ายกลต้องห้ามที่อยู่รอบหอคอยจึงผนึกรวมกันกลายเป็นกระบี่เทพสีฟ้าน้ำแข็งเล่มหนึ่ง ออร่าเย็นเยือกที่น่ากลัวแผ่กระจายออกมา ทำให้ฟ้าดินผืนนี้ราวกับกลายเป็นบ่อน้ำแข็งยังไงอย่างนั้น

ลาร์ดูหมิ่นต่อเหตุการณ์นี้มาก ในฐานะที่เขากำเนิดจากตรีภพและเป็นที่เทพมารระดับเจ็ดตั้งแต่กำเนิด เขาแทบจะเป็นผู้ไร้เทียมทานในแดนเทพมารระดับเจ็ดเลย 

“ตู้มม!”

กระบี่เทพสีฟ้าน้ำแข็งผ่าลงบนตัวเขา แต่กลับไม่สามารถทำอะไรร่างเทวที่กำเนิดจากตรีภพได้เลยแม้แต่น้อย ตราอัสนีที่อยู่กลางหว่างคิ้วลาร์กระพริบระยิบระยับขึ้นมา ก่อนจะมีสายฟ้าสีม่วงปะทุออกมาจากกระบองเหล็กเซียนตรีภพในมือเขา

“ตู้มม!”

เสียงดังก้องที่สะเทือนฟ้าสะเทือนดินดังก้องไปทั่วทุกสารทิศอีกครั้ง ท่ามกลางเสียงแตกร้าวที่ดังแคว็ก ๆ ค่ายกลคุ้มกันของสมาคมเทียนสุ่ยจึงเริ่มแตกร้าว แล้วพังทลายลงไปภายในพริบตา 

อาศัยพลังเกณฑ์อัสนี ความเร็วในการเคลื่อนที่ของลาร์เร็วปานสายฟ้า ยิ่งกว่านั้นคือฉิวเทียนสุ่ยยังไม่ทันได้ตอบสนองอะไรเลยด้วยซ้ำ ลาร์ก็พุ่งขึ้นมาบนหอคอยแล้ว เสียงฟึ่บดังขึ้น ทำการฉีกกระชากร่างกายของผู้อาวุโสใหญ่ออกเป็นสองซีก เลือดสาดกระเด็น

แม้นผลการฝึกตนของผู้อาวุโสจะเป็นเทพมารระดับเจ็ด แต่ก็เป็นเพียงเทพมารระดับเจ็ดขั้นปฐมภูมิทั่วไปเท่านั้น เมื่ออยู่ต่อหน้าลาร์ ก็ไม่มีความสามารถที่จะต่อต้านได้เลยแม้แต่น้อย

เมื่อเห็นภาพเหตุการณ์นี้ ไฟโกรธที่ล้นฟ้าจึงเอ่อล้นออกมาจากดวงตาทั้งสองข้างของฉิวเทียนสุ่ยภายในพริบตา เขาไม่เคยนึกมาก่อนเลยว่าสมาคมที่ตนจัดการบริหารอย่างตั้งอกตั้งใจ จะต้องเผชิญหน้ากับศัตรูตัวฉกาจที่เก่งกาจเช่นนี้

การบริหารจัดการอย่างตั้งอกตั้งใจในช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้ได้พังทลายลงไปในทีเดียว ฉิวเทียนสุ่ยตะคอกเสียงดังลั่นทีหนึ่ง ก่อนจะเรียกของขลังที่มีลักษณะเป็นวงแหวนออกมาหนึ่งชิ้น วงแหวนนั่นกำลังหมุนโคจรอย่างรวดเร็ว เหมือนดั่งกงจักรที่กำลังหมุนอย่างบ้าคลั่ง หากสังเกตดูดี ๆ ก็จะค้นพบว่าของขลังลักษณะวงแหวนนั่นประกอบจากฟันเฟืองที่นับไม่ถ้วน ไม่นึกเลยว่าจะเป็นของขลังกอปรชิ้นหนึ่ง

ของขลังกอปรที่กล่าวถึงนั้น ประกอบมาจากของขลังหลายชิ้น ซึ่งระดับความยากในการกลั่นของขลังประเภทนี้จะสูงกว่า แต่เมื่อเปรียบเทียบกันแล้วพลังพลานุภาพก็แข็งแกร่งมากกว่าด้วย

หลัวซิวไม่เก็บสิ่งนี้มาใส่ใจ ตัวสำนึกของหลัวซิวได้ทำการแผ่คลุมทั้งหอคอยสมาคมเทียนสุ่ยแล้ว พลังญาณเทวที่แฝงซ่อนอยู่ในตัวสำนึก บวกกับวิถีค่ายที่เขาเชี่ยวชาญ สามารถทะลุผ่านการขวางกั้นของตัวต้องห้ามทั้งปวงได้อย่างง่ายดาย ทุกการเคลื่อนไหวในหอคอยล้วนอยู่ในสายตาเขา 

หลังจากผ่านไปพักหนึ่ง หลัวซิวก็ได้ผนึกไปที่ชั้นใต้ดินของหอคอยหลังนี้ หอคอยหลังนี้ของสมาคมเทียนสุ่ยดูเหมือนจะมีเจ็ดชั้น แต่แท้จริงแล้วด้านล่างยังมีอีกสามชั้น ซึ่งเป็นทำนองเดียวกันกับคุกใต้ดิน มีค่ายกลต้องห้ามหลายชั้นบดบังอยู่ หากไม่ใช่ยอดฝีมือที่ตัวสำนึกแข็งแกร่งหรือเชี่ยวชาญวิถีค่าย ก็ค้นพบสิ่งที่หลบซ่อนอยู่ด้านล่างได้ยากมาก

เงาร่างกระพริบทีหนึ่ง ร่างหลัวซิวก็หายไปจากกลางนภา ถัดจากนั้นก็มีเสียงตู้มดังลั่นขึ้นมา ค่ายกลต้องห้ามจำนวนมากที่อยู่ในคุกใต้ดินถูกเขาใช้อำนาจทลายทิ้งแล้ว 

เหล่าจอมยุทธ์ในสมาคมที่รับผิดชอบเฝ้าดูแลคุ้มกันใต้ดินต่างพากันพุ่งฆ่าเข้ามา ส่วนมากคนเหล่านี้ล้วนเป็นมกุฎเทพระดับห้าและมกุฎเทพระดับหก

“ไสหัวไป!”

หลัวซิวสะบัดแขนเสื้อคลุมหนึ่งครั้ง ทำการปลดปล่อยพลังเกณฑ์ตรีภพออกมาอย่างสบายมือ ชี่อลวนสีเทาที่มโหฬารพันลึกพรั่งพรูมา เหมือนดั่งมังกรขนาดใหญ่ที่ทะยานมา ทำการพุ่งชนเหล่าจอมยุทธ์ที่พุ่งตรงเข้ามาจนกระเด็นออกไปภายในพริบตา ทั้งตายทั้งบาดเจ็บ 

มีคนไม่น้อยถูกกักขังอยู่ในคุกใต้ดิน ซึ่งคนเหล่านี้ล้วนเป็นผู้ที่เป็นศัตรูกับสมาคมเทียนสุ่ย ถึงแม้จำนวนคนจะมีไม่น้อย แต่ตัวสำนึกของหลัวซิวก็เจอชายหนุ่มคนหนึ่งที่ถูกโซ่เหล็กทะลวงจุดตันเถียนแล้วมัดอยู่บนเสาอย่างรวดเร็ว 

ในยุคปัจจุบัน สามารถพูดได้เลยว่าไม่มีผู้ใดเข้าใจการถ่ายทอดสืบสานของสำนักหวูซินดีไปมากกว่าเขาแล้ว ถึงแม้เขาจะไม่เคยเห็นชายหนุ่มคนดังกล่าวมาก่อน ทว่าจากแดนนยุทธ์ของหลัวซิว กลับสามารถสัมผัสออร่าประเภทหนึ่งที่พิเศษมาก ๆ ได้จากตัวชายหนุ่มคนดังกล่าว ซึ่งออร่าประเภทนี้จะมีได้ก็ต่อเมื่อฝึกวรยุทธ์หลักของสำนักหวูซิน ซึ่งเหมือนประมุขดาราหวูซินทุกประการเลย 

“เจ้าคือผู้ใด?!”

เมื่อหลัวซิวปรากฏตรงหน้าชายหนุ่มคนดังกล่าว ฝ่ายตรงข้ามดูระแวดระวังอย่างมาก บนใบหน้าไม่มีเลือดฝาดเลยแม้แต่น้อย เต็มเปี่ยมไปด้วยความแน่วแน่และปณิธานที่แม้นต้องตายก็ไม่ยอมก้มหัวให้ 

“ทายาทของหวูซินก็ไม่ใช่พวกอ่อนแอนี่”

หลัวซิวมองเขารอบหนึ่งแล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่เรียบนิ่ง ในขณะเดียวกันเขาก็ดีดนิ้วทีหนึ่ง ทำการทลายโซ่ทองเซียนที่มัดตามร่างกายเขา

โซ่ทองเซียนเหล่านี้ตกลงพื้น ล้วนแตกสลายจนกลายเป็นฝุ่นผง ทว่ากลับถูกหลัวซิวโคจรวิชากลั่นร่างกลืนเศษณ์ดูดซับพละกำลังไป

ตั้งแต่ผลการฝึกตนบรรลุถึงแดนเทพมารระดับหกเป็นต้นมา วิชากลั่นร่างกลืนเศษณ์ของหลัวซิวก็มีการพัฒนาทุกวันเช่นกัน ร่างกายของเขาแทบจะสามารถเทียบทัดอาวุธเทพระดับเจ็ดชั้นยอดแล้ว

ในขณะเดียวกัน ลาดเลาด้านนอกก็หยุดลงแล้ว ต่อให้ฉิวเทียนสุ่ยจะมีผลการฝึกตนเทพมารระดับเจ็ดช่วงปลาย และเป็นนักค่ายเทพระดับเจ็ดอาวุโสด้วย แต่ก็ยืนหยัดอยู่ในเงื้อมมือลาร์ได้ไม่กี่กระบวนท่า ก่อนจะถูกฆ่าอยู่ดี

วิธีการต่อสู้ของยักษ์อัสนีโหดร้ายทารุณและตรงไปตรงมา ฉิวเทียนสุ่ยแทบจะถูกกระบองเหล็กเซียนของเขาทุบจนกลายเป็นเนื้อเละ ๆ ทุกคนที่มองเห็นภาพเหตุการณ์ดังกล่าวล้วนรู้สึกหวาดหวั่นและหวาดกลัว 

ผู้คนส่วนใหญ่ของสมาคมเทียนสุ่ยได้หลบหนีไปแล้ว หอคอยเจ็ดชั้นว่างเปล่าไม่เหลือผู้ใดเลย และหลัวซิวก็พาชายหนุ่มที่ใบหน้าขาวซีดคนนั้นขึ้นมาถึงชั้นเจ็ดที่เป็นชั้นสูงสุด 

“เจ้าเป็นผู้ใดกันแน่? เหตุใดจึงต้องช่วยข้าด้วย?”ชายหนุ่มยังคงถามคำถามนี้อีกเช่นเคย ตั้งแต่ถูกคนของสมาคมเทียนสุ่ยจับกุมตัว เขาก็รู้แล้วว่าคนส่วนมากล้วนต้องการการถ่ายทอดสืบสานที่อยู่บนตัวเขา บางทีคนที่อยู่ตรงหน้านี้ก็อาจจะเป็นหนึ่งในนั้นเช่นกัน 

“เมื่อเปรียบเทียบกับการถามคำถามที่ไร้ความหมายเช่นนี้ เจ้าเป็นห่วงสภาพอาการบาดเจ็บของตัวเองจะดีกว่านะ”หลัวซิวตอบกลับอย่างเย็นชา 

เมื่อพูดถึงสภาพอาการบาดเจ็บของตัวเอง สีหน้าของชายหนุ่มจึงหม่นหมองลงไปภายในพริบตา หลังจากถูกสมาคมเทียนสุ่ยจับกุมตัวแล้ว เนื่องจากกังวลว่าเขาจะมีอุบายในการหลบหนี ผู้อาวุโสใหญ่ของสมาคมจึงใช้โซ่ที่ทำมาจากทองเซียนระดับเจ็ดทะลวงจุดตันเถียนของเขา

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มหายุทธ์ สะท้านภพ