มหายุทธ์ สะท้านภพ นิยาย บท 2688

“ตึ้บบ!”

กำปั้นของหลัวซิวไม่มีท่าทีที่จะหยุดลงเลยแม้แต่น้อย ร่างกายของเปียนหยวนจี๋ก็ระเบิดแตกภายในพริบตา กลายเป็นหมอกเลือดกลุ่มหนึ่ง ตายอย่างสิ้นซาก

ส่วนคำพูดข่มขู่ของเปียนหยวนจี๋นั้น หลัวซิวไม่ได้เก็บมาใส่ใจเลยด้วยซ้ำ 

อันที่จริงจะว่าไประหว่างเขาและเปียนหยวนจี๋ไม่ได้มีความเกลียดแค้นอะไรต่อกัน หากถูกลิขิตไว้แล้วว่าทั้งสองต้องมีฝ่ายหนึ่งต้องตาย เช่นนั้นก็พูดได้แค่ว่าเปียนหยวนจี๋มาขวางทางเดินเขาเอง 

เดิมทีที่เขาเดินทางมาเส้นทางดาราหวูซินนั้น แค่อยากรำลึกถึงสหายเก่า แล้วบังเอิญทราบข่าวคราวเบาะแสของทายาทสหายเก่า หากเขาไม่ทราบเรื่องก็แล้วไป ในเมื่อเขาทราบ แล้วจักนิ่งดูดายได้อย่างไรเล่า?

ประมุขดาราหวูซินเป็นหนึ่งในมิตรสหายอันน้อยนิดของเขาเมื่อชาติปางก่อน บางทีเขาอาจจะไม่สามารถลงมือช่วยทายาทเขาสร้างสำนักหวูซินขึ้นมาใหม่ แต่การที่จะทำให้ทายาทของเขาควบคุมพสุดาราหวูซินผืนนี้นั้น เขาก็สามารถทำได้อยู่ 

พสุดาราหวูซินในปัจจุบันสูญเสียไปลมปราณเซียนแล้ว จึงไม่มีทางมีผู้แข็งแกร่งอะไรมุ่งหวังต่อพสุดาราหวูซิน เขาแค่ต้องกวาดล้างกองกำลังที่เป็นกบฏบนผืนแผ่นดินนี้ แล้วทิ้งอุบายไพ่เด็ดให้เขาเล็กน้อย ก็สามารถทำให้ทายาทของหวูซินยืนหยัดปักหลักปักฐานอยู่ที่นี่ได้แล้ว 

ณ ตำแหน่งที่อยู่ต่ำกว่าพื้นดินตำหนักหลักเมืองหลายพันเมตร ที่นี่มีห้องลับที่แข็งแรงสร้างอยู่หนึ่งห้อง มีชายที่หุ่นร่างกำยำคนหนึ่งกำลังนั่งท่าขัดสมาธิอยู่ภายในห้องลับ ดูดและพ่นสารพลังจิตออกมาอย่างต่อเนื่อง ข้างกายมีโอสถแก่นแท้และกรองแก้วมรกตดั้งเดิมกองอยู่เป็นจำนวนมาก 

ซึ่งคนดังกล่าวก็คือเจ้าเมืองเมืองหวูซินนั่นเอง สามารถพูดได้เลยว่าเขาเป็นคนที่ค่อนข้างฉลาดคนหนึ่ง จากไม่มีอะไรเลยจนค่อย ๆ เรืองรองขึ้นมาทีละก้าว กลายเป็นคนใหญ่คนโตที่เป็นหนึ่งไม่เป็นสองรองผู้ใดในพสุดาราหวูซิน

พสุดาราหวูซินไม่มีเทพมารระดับแปด ยิ่งกว่านั้นคือน้อยมากที่ผู้แข็งแกร่งเทพมารระดับเจ็ดยินดีที่จะหยุดฝึกตนอยู่ ณ ที่แห่งนี้ ผู้ที่ใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ส่วนมากล้วนเป็นผู้ที่หยุดอยู่ในแดนเทพมารระดับเจ็ด ไม่มีความหวังที่จะบรรลุสู่เทพมารระดับแปด

ทว่าเปียนหยวนสงกลับไม่คิดเช่นนั้น เขาทราบอยู่ว่าเมื่ออาศัยพรสวรรค์และศักยภาพของตัวเอง หากมุ่งหน้าไปยังสถานที่ฝึกตนที่ดีเลิศกว่านี้ อนาคตต้องสามารถบรรลุสู่แดนเทพมารระดับแปดได้อย่างแน่นอน แต่เมื่ออยู่สถานที่อื่น กลับไม่มีทางได้มีตำแหน่งที่ดีเลิศอย่างพสุดาราหวูซิน เนื่องจากยิ่งเป็นสถานที่ที่สภาพแวดล้อมดี ผู้แข็งแกร่งก็ยิ่งมีมาก

ฉะนั้นเปียนหยวนสงจึงเลือกที่จะอยู่ในพสุดาราหวูซิน เมื่ออยู่ที่นี่เขาจะเป็นยอดฝีมืออันดับหนึ่งที่สมคำเลื่องลือ ไม่มีผู้ใดสามารถขัดต่อความต้องการของตนเอง มากสุดก็แค่ต้องใช้เวลานิดหน่อย ตนก็สามารถฝึกตนถึงแดนเทพมารระดับแปดได้เช่นกัน

ระยะเวลาหลักร้อยปีได้ผ่านพ้นไปแล้ว เปียนหยวนสงรู้สึกว่าอีกแค่ก้าวเดียวตนก็จะประสบความสำเร็จแล้ว แต่สิ่งที่เขาคิดไม่ถึงคือขณะที่อยู่ในช่วงเวลาที่สำคัญที่สุดของการปิดขัง จะมีเรื่องราวที่น่าทึ่งเกิดขึ้นกับตำหนักหลักเมือง มีคนบุกรุกเข้ามาแล้วทำตัวเอิกเกริกยิ่งใหญ่บนอาณาบริเวณของเขา!

นี่จึงทำให้เปียนหยวนสงรู้สึกโกรธเกรี้ยวอย่างยิ่ง เขาเป็นผู้แข็งแกร่งที่ไร้เทียมทานอยู่บนพสุดาราหวูซินมาหลายแสนปีแล้ว ยังไม่เคยมีผู้ใดบังอาจท้าทายอำนาจของเขามาก่อน 

อย่างไรก็ตาม เปียนหยวนสงกลับไม่ได้รีบออกไปเป็นเวลาแรก เนื่องจากเขายิ่งอยู่ยิ่งเข้าใกล้ขอบประตูแห่งการบรรลุแล้ว ขอแค่ผลการฝึกตนของเขาสามารถบรรลุเป็นเทพมารระดับแปด ไม่ว่าผู้ที่บุกรุกเข้ามาในตำหนักหลักเมืองจะเป็นคนประเภทใด ก็มีเพียงต้องตายสถานเดียวเท่านั้น 

เขาไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าฝ่ายตรงข้ามจะเป็นผู้แข็งแกร่งเทพมารระดับแปด พสุธาห้วงดาราแห่งหนึ่งที่แม้แต่เทพมารระดับเจ็ดยังไม่อยากอยู่ แล้วจะมีผู้แข็งแกร่งเทพมารระดับแปดมาที่นี่ อีกทั้งยังตีเข้ามาในตำหนักหลักเมืองได้อย่างไรเล่า?

แต่ทว่าทันใดนั้นเอง ก็มีออร่าความโกรธเกรี้ยวที่ทรงพลังอย่างยิ่งระเบิดออกมาจากตัวเปียนหยวนสง

“หยวนจี๋!”

เขาตะคอกด้วยความโกรธเกรี้ยวคำหนึ่ง ไม่สนใจเลยด้วยซ้ำว่าตนอยู่ในช่วงเวลาสำคัญที่จะบรรลุแล้ว พลังออร่าที่แข็งแกร่งทลายชั้นดินหินที่หนาแน่น เขาพุ่งขึ้นมาจากห้องลับที่อยู่ลึกลงไปหลายพันเมตรแล้วทะยานขึ้นฟ้าโดยตรง 

ความโกรธเกรี้ยวที่ไร้ขอบเขตอัดแน่นอยู่ในจิตใจเขา พลังออร่าอันน่ากลัวและผลการฝึกตนอันแข็งแกร่งที่ไม่อาจควบคุมได้แผ่กระจายออกมา ทำให้ทุกคนที่อยู่ในเมืองหวูซินล้วนขนหัวลุกซู่!

ณ มุมซ่อนเร้นมุมหนึ่งที่อยู่ห่างไม่ไกลจากตำหนักหลักเมือง สีหน้าของเจ้าหอเฉว่ซ่าที่ปกคลุมอยู่ในชุดคลุมยาวสีเลือดเปลี่ยนแปลงไปอย่างตะลึง “เปียนหยวนสงบรรลุแล้วหรือ?”

พลังออร่านี้แข็งแกร่งกว่าเปียนหยวนสงในอดีตมากอย่างแน่นอน ซึ่งอยู่สูงกว่าเทพมารระดับเจ็ดขั้นสูงแล้ว 

“ไม่ใช่สิ เขายังไม่บรรลุ ทว่าก็ขาดอีกเพียงเสี้ยวเดียวแล้ว!”

เจ้าหอเฉว่ซ่าแหงนหน้าเบิ่งมองออกไป ศักยภาพของเปียนหยวนสงแข็งแกร่งมากกว่าเดิม ซึ่งนี่มันไม่ใช่เรื่องดีสำหรับเขาเลย 

แต่ทว่าจากสถานการณ์ ณ ปัจจุบัน ก็มีเพียงเปียนหยวนสงเท่านั้นที่สามารถโค่นล้มเจ้าหลัวซิวนั่นได้

สิงห์เดือดถูกสังหาร เสือเดือดบาดเจ็บสาหัส เจ้าจวนกู่หยุนและเปียนหยวนจี๋ก็ต่างตายไปแล้ว เขาจู่โจมครั้งหนึ่งแต่ไม่สำเร็จ จึงเลือกที่จะหลบหนีออกมาเป็นเวลาแรก หากเปียนหยวนสงยังไม่ปรากฏตัวอีกละก็ เขาก็ทำได้เพียงออกจากเมืองหวูซินแล้วล่ะ 

“โครมคราม……”

ทันใดนั้นเอง เมฆครึ้มที่ไร้ขอบเขตก็ปกคลุมท้องฟ้าทั้งเมืองหวูซิน สายฟ้าทั้งหลายผ่าสลับไปมาอยู่ตรงขอบฟ้า แสงอัสนีดั่งมังกร ระยิบระยับอย่างยิ่ง แวววาวจับตาถึงขีดสุด 

“ทัณฑ์สายฟ้าพิโรธ?”

ทุกคนล้วนแหงนหน้ามองขึ้นไปบนท้องฟ้าด้วยความสงสัย แต่ก็ค้นพบอย่างรวดเร็วว่าออร่าทัณฑ์สายฟ้าพิโรธได้ผนึกไปยังเปียนหยวนสง

ภายใต้การกระตุ้นจากไฟโกรธที่ล้นหลาม เปียนหยวนสงที่ยังห่างจากเทพมารระดับแปดอีกเสี้ยวหนึ่งในตอนแรก ถึงขั้นทลายประตูแห่งกฎเกณฑ์ได้ในเวลานี้ 

“แคว็ก!”

หลัวซิวใช้มือทั้งสองข้างหักคอเสือเดือด ก่อนจะโยนศีรษะที่ท่วมเต็มไปด้วยเลือดออกไป

แววตาที่เต็มเปี่ยมไปด้วยจิตสังหารที่ไร้ขอบเขตของเปียนหยวนสงร่วงลงบนตัวเขา “มึงเป็นคนฆ่าน้องชายกูหรือ?”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มหายุทธ์ สะท้านภพ