“การกลั่นร่างขั้น9?” ผู้อาวุโสผู้คุมสอบลุกพรวดขึ้นมาทันที มองด้วยความตกตะลึง หลังจากนั้นก็กลับมานิ่งสงบ "ไม่ใช่การกลั่นร่างขั้น9 แต่เป็นการกลั่นร่างขั้น7!”
เห็นสีหน้าตกตะลึงของผู้อาวุโสผู้คุมสอบ คนที่อยู่ล่างเวทีประลองยุทธ์ต่างนิ่งงัน สายตาของทุกคนตกตะลึง
เห็นผู้อาวุโสผู้คุมสอบมองไปที่หลัวซิว แววตาเคล้าไปด้วยความตกตะลึง "เป็นปราณในที่บริสุทธิ์มาก การกลั่นร่างขั้น7แทบจะทัดเทียมกับการกลั่นร่างขั้น9 แม้แต่ฉันก็เกือบมองผิด"
ท่ามกลางผู้คนที่อยู่ด้านล่าง สีหน้าของจางห่าย หลูเฟิงและพวกน่าอัศจรรย์ยิ่งกว่า ตกตะลึงจนคางเกือบตกลงพื้น ใบหน้าเปี่ยมไปด้วยความเหลือเชื่อ
"นี่มันของปลอมรึเปล่า? สามเดือนก่อนตอนประลองกับฉันผลการฝึกตนยังต่ำกว่า แต่มันกลับบรรลุการกลั่นร่างขั้น7แล้วเนี่ยนะ? อีกทั้งปราณในยังบริสุทธิ์ เทียบกับการกลั่นร่างขั้น9ได้เลย?”
คำวิจารณ์นี้ไม่ได้สูงเกินจริง สิ่งนี้หมายความว่าหลัวซิวแทบจะมีความสามารถเทียบเท่ากับผู้ฝึกยุทธ์การกลั่นร่างขั้น9แล้ว!
หลังจากความเงียบจบลง ทั้งเวทีประลองยุทธ์เสียงดังกระหึ่ม คนจำนวนไม่น้อยสูดลมหายใจเข้า และยังมีคนกลืนน้ำลาย โดยเฉพาะคนที่รู้จักหลัวซิวต่างตกตะลึงอย่างมาก เวลาสามเดือนจากการกลั่นร่างขั้น2สู่การกลั่นร่างขั้น7 ความเร็วในการฝึกตนนี้ ช่างน่าตกใจเกินไปแล้วกระมัง?
สามเดือนเพิ่มขึ้นห้าแดนเล็ก ตั้งแต่เมืองชิงหยุนก่อตั้งสำนักยุทธ์มาแปดร้อยกว่าปี ไม่เคยพบเจอมาก่อน!
หลิวหยู่ซินก็อยู่ในฝูงชน เวลานี้แววตาแปรเปลี่ยนเป็นซับซ้อน หวนคิดกลับไปตอนที่อยู่หอเก็บหนังสือ ตนแนะนำให้เขาไปเป็นองครักษ์ของตระกูลหลิว ไม่แปลกที่หลัวซิวไม่ยี่หระ
มีความเร็วในการฝึกตนที่ทำให้คนได้ยินตกตะลึงแบบนี้ ใครจะยอมลดตัวไปเป็นบริวารล่ะ?
"หึ การกลั่นร่างขั้น7แล้วไง? ยังไงวันนี้ฉันก็จะทำให้มันพิการ!” แววตาของจางห่ายมีความเหี้ยมโหดเลื่อนผ่าน ถึงแม้ผู้อาวุโสที่คุมสอบจะบอกว่าปราณในของหลัวซิวทัดเทียมเสมอเหมือนการกลั่นร่างขั้น9 แต่เขายังคงมั่นใจในตนเองมาก
หลัวซิวยืนอยู่บนเวที รู้สึกเศร้าเล็กน้อย คิดถึงตอนแรกเขาเป็นแค่คนธรรมดา เป็นคนจนที่คนอื่นดูถูก
ไม่เคยคาดคิดว่า วันหนึ่งท่ามกลางสายตาของผู้คนมากมาย ตนจะผงาดขึ้นมาแบบนี้?
ท่ามกลางความอิจฉา หรือสายตาซับซ้อนที่เปี่ยมไปด้วยความสงสัย หลัวซิวเดินลงมาจากเวทีประลองยุทธ์
การสอบดำเนินต่อไป หลังจากหลัวซิวสอบเสร็จ ก็มีคนขึ้นไปบนเวทีอีก อัตราส่วนจำนวนคนที่ถูกคัดทิ้งช่างน่าตกตะลึง
นักเรียนชั้นต้นที่ผ่านการสอบ นับหลัวซิวด้วย มีทั้งหมดแค่ห้าคน
ส่วนการสอบของนักเรียนชั้นกลางเลื่อนชั้นสูง อัตราส่วนที่ถูกคัดทิ้งสูงยิ่งกว่า ผ่านแค่คนเดียวเท่านั้น
เพราะยิ่งอยู่ การเลื่อนผลการฝึกตนให้สูงขึ้นก็ยิ่งยาก
"การสอบประจำปีในปีนี้จบลงแล้ว!” ผู้อาวุโสที่คุมสอบประกาศเสียงดัง หลังจากนั้นก็ออกไปจากลานฝึกยุทธ์
ทว่ากลุ่มคนที่อยู่รอบๆ กลับไม่ได้แยกย้ายกันไป เพราะว่าแทบจะทุกคนต่างรู้ว่า หลังจากจบการสอบประจำปีในครั้งนี้ ยังมีการประลองยุทธ์!
“หลัวซิว!”
เสียงเยือกเย็นดังก้อง เห็นเพียงร่างหนึ่งกระโดดออกมา ย่อตัวลงบนเวทีประลองยุทธ์ เอามือไว้ด้านหลัง ยืนด้วยความทระนง
คนคนนี้ คือจางห่าย!
"เมื่อคราวก่อนมีอาจารย์ลู่ออกหน้ารับ วันนี้ทั้งฉันและนายต่างเป็นนักเรียนชั้นกลาง กล้าสู้กันสักตั้งไหม?"
หลังจากคำพูดนี้เปล่งออกมา สายตาของทุกคนจับจ้องไปที่หลัวซิวอีกครั้ง
"แฮะๆ หลัวซิวเป็นแค่คนจนจากครอบครัวธรรมดาทั่วไป ทำตัวโดดเด่นแบบนี้ ดูสิว่าครั้งนี้มันจะทำยังไง"
"สามเดือนเพิ่มขึ้นห้าแดน แต่ว่าผลการฝึกตนสูง ไม่ได้หมายความว่าความแข็งแกร่งจะสูงไปด้วย ยิ่งไปกว่านั้นจางห่ายบรรลุถึงการกลั่นร่างขั้น8 สูงกว่าเขา!”
"ใช่ ใช่ ฉันเองก็ไม่เชื่อว่าเขาจะสามารถเพิ่มขึ้นได้เร็วแบบนี้ ได้ยินว่ามีวิธีการบางอย่างสามารถเพิ่มผลการฝึกตนให้สูงในระยะเวลาสั้นๆ แต่ว่าส่งผลเสียต่อร่างกาย ทั้งยังส่งผลกระทบต่อแดนยุทธ์ในวันข้างหน้า"
คนมากมายต่างพูดคุยกัน ถึงแม้การสอบประจำปีของหลัวซิวจะทำให้ทุกคนตกตะลึง แต่ก็ยังไม่มีใครคิดว่าเขาจะเป็นคู่ต่อสู้ของจางห่าย
ท่ามกลางสายตาที่เปี่ยมไปด้วยความอิจฉา ริษยา รวมถึงแววตามีความสุขบนความทุกข์ของคนอื่น หลัวซิวเดินขึ้นไปยังเวทีประลองยุทธ์
ที่อิจฉาริษยา แน่นอนว่าเป็นเพราะเขาบรรลุแดนทั้งห้าในระยะเวลาสั้นๆแค่สามเดือนทำให้ผู้อาวุโสที่คุมสอบให้การประเมินสูง ส่วนคนที่มีความสุขบนความทุกข์ของคนอื่นเป็นเพราะไอ้คนจนที่ทำตัวโดดเด่น กำลังจะโดนจางห่ายที่บรรลุการกลั่นร่างขั้น8สั่งสอน
เห็นหลัวซิวเดินขึ้นเวทีประลองยุทธ์ แววตาของจางห่ายฉายความเยือกเย็น
ที่ผ่านมาเขาเป็นอัจฉริยะมาโดยตลอด อายุสิบห้าบรรลุการกลั่นร่างขั้น8 ถูกชื่นชมว่าจะกลายเป็นจอมยุทธ์ก่อนอายุสิบแปด
"หลัวซิว อย่าคิดว่าบรรลุการกลั่นร่างขั้น7ก็จะมีสิทธิ์มาเทียบชั้นกับฉัน ฉันจะทำให้แกรู้ว่าระหว่างพวกเราห่างกันเท่าไหร่!” จางห่ายพูดเสียงเยือกเย็น
"ตอนนี้ต่อให้แกคุกเข่าขอร้องฉัน ฉันก็ไม่มีวันปล่อยแกไป ชีวิตนี้แกถูกลิขิตให้ใช้ชีวิตได้แค่บนเตียงแล้ว"
มุมปากของจางห่ายแสยะยิ้มร้ายกาจ เขาจะทำลายเส้นลมปราณทั้งหมดบนตัวหลัวซิว ให้เขากลายเป็นคนพิการตลอดชีวิต ไม่สามารถฝึกยุทธ์ได้!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มหายุทธ์ สะท้านภพ
แปลต่อทีค่า รออ่านอยู่นะคะ🥺🥺...
มีต่อไหมครับ...
รออยู่นะครับ...
เรื่องเก่าอัพเดตบ้าง ไม่ใช่ลงแต่เรื่องใหม่...
เมื่อไรจะลงซักที...
เค้ายังแปลอยู่ไหมครับ...
ไม่ลงให้อ่านซักที...
รออานยุ...
รอต่อไปครับ...
ตอนใหม่ยังไม่ลงเลยครับ...