มหายุทธ์ สะท้านภพ นิยาย บท 2709

หลังจากสิ้นสุดการลงทะเบียนการแข่งขันรอบแรก ตระกูลเทียนฮวงก็ประกาศสถานที่จัดการแข่งขันรอบแรก ซึ่งตั้งอยู่บนแดนเทพโบราณที่ห่างจากเมืองเสว่น่า 38 ล้านไมล์!

ช่วงเวลาของการแข่งขันรอบแรกยังไม่ถึง ก็มีจอมยุทธ์จำนวนมากเร่งเดินทางไปแล้ว แต่พวกหลัวซิวกลับไม่ได้ทำอะไรบุ่มบ่าม

หากจะมุ่งหน้าไปยังแดนเทพโบราณ ก็ต้องออกจากเมืองเสว่น่า และทันทีที่ออกจากคูเมืองแห่งนี้ ก็เท่ากับเป็นความอันตรายต่อพวกเขา

ลิ่งฮู๋จื่อเซวียนเป็นคนแรกที่ออกจากคูเมืองก่อน จากนั้นผ่านไปไม่นานเขาก็กลับมา แล้วพูดด้วยสีหน้าอารมณ์ที่เข้มงวด: “ข้าพบคนในสำนักสรรพอสูรวนเวียนอยู่นอกเมือง แต่ไม่เห็นตาแก่ถังกู่สงนั่น”

แม้นลิ่งฮู๋จื่อเซวียนจะไม่เห็นถังกู่สง ทว่าขอแค่มีคนในสำนักสรรพอสูรวนเวียนเฝ้าติดตามสถานการณ์อยู่นอกเมือง หลัวซิวก็แทบจะสามารถยืนยันได้ร้อยทั้งร้อยเลยว่าถังกู่สงก็เฝ้าอยู่นอกเมืองเช่นกัน

สำนักสรรพอสูรเสียเปรียบอยู่ในเงื้อมมือเขาติดต่อกันหลายครั้งแล้ว หากถังกู่สงยังไม่ออกโรงด้วยตนเองละก็ เช่นนั้นสมองของเขาที่เป็นเจ้าสำนักแห่งสำนักสรรพอสูรก็มีปัญหาแล้วล่ะ

“เมื่อผู้แข็งแกร่งเทพมารระดับเก้าตั้งใจอำพรางตัว เจ้าก็ไม่มีทางค้นพบหรอก”หลัวซิวใช้นิ้วมือเคาะโต๊ะไม้ตามจังหวะเบา ๆ โดยส่วนใหญ่แล้วขอแค่เขาทำท่าทางนี้ ก็หมายความว่าเขากำลังไตร่ตรองอยู่

“แล้วจะหดตัวอยู่แต่ในเมืองหรือ?”ลิ่งฮู๋จื่อเซวียนขมวดคิ้วลง เขาสามารถออกไปจากเมืองได้จริง ๆ เพราะเขาไม่ได้รุกรานสำนักสรรพอสูร แต่ถ้าเกิดหลัวซิวไม่ออกไปละก็ เขาไม่ค่อยมั่นใจต่อเรื่องที่จะทำในแดนเทียนฮวงคนเดียว

ปัจจุบันเรื่องราวดำเนินการมาถึงขั้นนี้แล้ว การที่จะหาผู้อื่นมาร่วมมือกันอีกนั้น เห็นได้ชัดเจนเลยว่ามันเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้

“หนทางน่ะต้องมีอยู่แล้ว แต่ต้องใช้ระยะเวลาหน่อย”

สำหรับหลัวซิวแล้ว การหลบเลี่ยงการดักฆ่าของผู้แข็งแกร่งเทพมารระดับเก้าคนหนึ่งไม่ใช่เรื่องยากแต่อย่างใด อย่างไรเสียฝ่ายตรงข้ามอยู่ในที่สว่าง ส่วนตัวเองอยู่ในที่ลับ ซึ่งเป็นฝ่ายรุกโดยสิ้นเชิง

ยังเหลือเวลาอีกหลายวันกว่าการแข่งขันรอบแรกจะเริ่มต้นขึ้น หลัวซิวให้พวกลิ่งฮู๋จื่อเซวียนไปรอที่ห้องพักของตัวเอง จากนั้นเขาก็ให้ลาร์เฝ้าอยู่หน้าห้องตน แล้วทำการจัดวางตัวต้องห้ามอยู่รอบห้องพัก

“สหายลิ่งฮู๋ ครั้งนี้ต้องรบกวนเจ้าออกเดินทางหนหนึ่งแล้วล่ะ เจ้าเดินทางจากเมืองเสว่น่าไปฝั่งแดนเทพโบราณก่อน จากนั้นก็จัดวางตามผังค่ายนี้ ใช้ธงค่ายที่ข้าให้เจ้าจัดวางค่ายกลออกมา”

ในระหว่างที่พูดอยู่นั้น หลัวซิวก็หยิบแหวนเก็บของวงหนึ่งออกมายื่นให้ลิ่งฮู๋จื่อเซวียน

ภายในแหวนเก็บของวงนี้มีม้วนหยกและธงค่าย ซึ่งสิ่งที่บันทึกอยู่ในม้วนหยกก็คือผังค่าย

เมื่อได้ยินหลัวซิวพูดคำพูดเหล่านี้ ลิ่งฮู๋จื่อเซวียนก็เข้าใจความหมายของเขาทันที “สหายหลัวนี่ปราดเปรื่องเสียจริง วิธีการเช่นนี้เจ้าก็คิดออกมาได้อย่างนั้นรึ”

ที่ลิ่งฮู๋จื่อเซวียนพูดคำพูดเช่นนี้นั้น ก็ไม่ได้เป็นการสรรเสริญเยินยอเช่นกัน ยิ่งสนิทใกล้ชิดกับหลัวซิวมากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งค้นพบว่าบนตัวคนดังกล่าวมีความรู้สึกอย่างหนึ่งที่ลึกลับมาก และยิ่งเป็นสิ่งที่ทำให้ผู้คนคาดเดาไม่ได้มากเท่าไหร่ ผู้คนก็ยิ่งรู้สึกสงสัยมากเท่านั้น และยิ่งหวาดหวั่นมากด้วย

“แต่ทว่าสหายหลัว ข้าไม่ค่อยเข้าใจในด้านค่ายกลเลย ถ้าเกิดข้าจัดวางค่ายกลผิดพลาดล่ะจะทำอย่างไร?”ลิ่งฮู๋จื่อเซวียนถามเช่นนี้

“ผังค่ายที่ข้าให้เจ้าได้อธิบายรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ ทุกอย่างไว้แล้ว ถ้าเกิดแม้แต่การลอกเลียนแบบเจ้ายังทำไม่ได้ละก็ เช่นนั้นเจ้าก็โง่เง่าจนอับอายไปถึงตระกูลแล้วล่ะ!”หลัวซิวเบ้ปากแล้วตอบกลับ

เมื่อได้ยินคำพูดดังกล่าว จิตใจลิ่งฮู๋จื่อเซวียนก็สั่นไหวขึ้นมา ก่อนจะรีบหยิบม้วนหยกออกมา แล้วใช้ตัวสำนึกแผ่สำรวจภายใน จากนั้นวินาทีต่อไปสีหน้าเขาก็ดูตื่นเต้นดีใจขึ้นมา

“เรื่องนี้ฝากให้ข้าจัดการได้เลย รับประกันเลยว่าภารกิจจะสำเร็จลุล่วงแน่นอน!”

ลิ่งฮู๋จื่อเซวียนไม่พูดพร่ำทำเพลง นำของที่หลัวซิวมอบให้เขาออกจากเมืองเสว่น่าอย่างรวดเร็ว

“สหายหลัว เจ้ามอบอะไรให้เขาหรือ? ถึงทำให้เขาดีใจเช่นนั้น?”ถูโยวหมิงที่อยู่ข้าง ๆ ไม่ค่อยเข้าใจ ยิ่งกว่านั้นคือเขาไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าตกลงหลัวซิวคิดวิธีอะไรได้ ราวกับมีเพียงลิ่งฮู๋จื่อเซวียนคนเดียวเท่านั้นที่ฟังเข้าใจ

“ผังค่ายวาร์ฟล่องหน”หลัวซิวตอบกลับอย่างเรียบนิ่ง

วิธีที่เขาคิดได้นั้นเรียบง่ายมาก นั่นก็คือจัดวางค่ายวาร์ฟล่องหนระหว่างเมืองเสว่น่าและแดนเทพโบราณ

ในส่วนของเรื่องที่ว่าเหตุใดลิ่งฮู๋จื่อเซวียนจึงดีใจขนาดนั้นนั้น เป็นเพราะผังค่ายวาร์ฟล่องหนที่หลัวซิวให้เขาละเอียดมากเกินไป ละเอียดถึงขั้นที่แม้นจะเป็นคนที่ไม่เข้าใจเรื่องค่ายกลเลย ก็สามารถจัดวางมันออกมาได้อย่างสมบูรณ์แบบ

เมื่อเป็นเช่นนี้ มูลค่าของผังค่ายนั้นก็ไม่ธรรมดามาก ๆ แล้ว โดยส่วนใหญ่แล้วอุบายค่ายกลระดับสูงที่เป็นทำนองเดียวกันกับค่ายวาร์ฟล่องหน ล้วนถูกนักค่ายเทพจำนวนมากมองเป็นท่าไม้ตายสุดยอด ตลอดจนการถ่ายทอดสืบสานที่เป็นแกนกลาง ของประเภทนี้จึงได้มาไม่ง่ายอยู่แล้ว

ทว่าสำหรับหลัวซิวแล้ว เขาไม่สนใจมูลค่าของของประเภทนี้เลยด้วยซ้ำ ลิ่งฮู๋จื่อเซวียนก็ถือว่าช่วยเหลือตัวเองไปไม่น้อยเช่นกัน การมอบผลประโยชน์บางอย่างให้เขาก็ถือเป็นการตอบแทนบุญคุณเขาแล้ว

กลางท้องฟ้าที่ว่างเปล่านอกเมืองเสว่น่า เงาร่างของถังกู่สงอยู่ในสภาวะที่หลอมรวมเข้ากับอนัตตามาโดยตลอด นอกเสียจากมีผู้แข็งแกร่งที่อยู่ในแดนเดียวกันกับเขาตลอดจนแข็งแกร่งกว่าเขา มิเช่นนั้นก็จะไม่มีคนค้นพบพลังออร่าของเขาเลยแม้แต่น้อย

ไม่เพียงแค่ในเขตพื้นที่ที่เขาอยู่เท่านั้น ทุกเขตพื้นที่ที่อยู่รอบเมืองเสว่น่าล้วนมีเส้นสายของสำนักสรรพอสูร อีกทั้งจากเมืองเสว่น่าถึงแดนเทพโบราณก็ไม่มีค่ายวาร์ฟที่สามารถใช้งานได้เช่นกัน นอกเสียจากคนกลุ่มนั้นยืนยันที่จะหลบซ่อนอยู่ในเมืองเสว่น่า แล้วไม่ไปเข้าร่วมการแข่งขันคัดเลือกอัจฉริยะ มิเช่นนั้นไม่เร็วก็ช้าพวกเขาก็ต้องออกมาอยู่ดี

อย่างไรก็ตามถังกู่สงคิดอย่างไรก็คิดไม่ถึงว่าเขาเฝ้าคอยอยู่ที่นี่หลายวัน เมื่อเห็นว่าการแข่งขันคัดเลือกอัจฉริยะรอบแรกใกล้จะเริ่มต้นขึ้นแล้ว แต่กลับไม่พบคนกลุ่มนั้นออกมาจากเมืองเสว่น่าเลย

และในเวลานี้ บนภูเขาเล็ก ๆ ลูกหนึ่งที่อยู่ไม่ไกลจากแดนเทพโบราณ คลื่นปริภูมิที่สั่นสะเทือนก็แผ่ขยายออกไป บนแท่นบูชาวาร์ฟขนาดเล็กที่ถูกก่อสร้างขึ้นมาชั่วคราว มีเงาร่างหลายร่างที่เลือนลางค่อย ๆ ดูสมจริงขึ้น ก่อนจะเผยให้เห็นพวกหลัวซิว

ตำแหน่งที่ตั้งของแดนเทพโบราณคือป่ารกร้างว่างเปล่าที่กว้างใหญ่มาก อัจฉริยะสองแสนกว่าคนที่เข้าร่วมการแข่งขันรอบแรก รวมไปถึงจอมยุทธ์จากแดนต่าง ๆ ที่มาประสมโรง ทำให้ป่าที่รกร้างว่างเปล่านี่เต็มเปี่ยมไปด้วยผู้คนจนน่าทุกข์ใจ มองเห็นศีรษะของคนที่ถี่ยิบขยับไปมาอยู่ทั่วทุกแห่งหน

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มหายุทธ์ สะท้านภพ