แรงสั่นสะเทือนก็เป็นอุบายประเภทหนึ่งที่ช่วยเพิ่มพลังโจมตีได้เช่นกัน หากพลังโจมตีที่ธรรมดามาก ๆ สั่นสะเทือนหลายครั้ง ทุกครั้งที่สั่นสะเทือนพลังโจมตีก็จะเพิ่มทวีคูณ หลังจากเพิ่มขึ้นถึงระดับที่แน่นอนแล้ว มันก็จะกลายเป็นพลังที่น่าสยดสยองอย่างยิ่ง
ซึ่งหวงทงเทียนก็คือผู้แข็งแกร่งที่เชี่ยวชาญวิถีนี้อย่างไร้ข้อสงสัยเลย
“หมัดจ้านเทียน!”
ออร่ารอบกายหลัวซิวพุ่งพรวดขึ้นมาอย่างบ้าคลั่ง ปล่อยหมัดออกไปหนึ่งครั้ง วิถีไร้ลักษณ์วิวัฒนาการ พลังเวทย์ผลการฝึกตนที่แฝงซ่อนอยู่ในกำปั้นสั่นสะเทือนหลายครั้งจนนับไม่ถ้วน เห็นได้ชัดเจนเลยว่าเขาก็ใช้อุบายวิถีสั่นสะเทือนเช่นกัน
อย่างไรก็ตามหมัดนี้กลับถูกหวงทงเทียนต้านทานเอาไว้ได้อย่างง่ายดาย ก่อนจะพูดอย่างเรียบนิ่ง: “การยึดกุมวิถีสั่นสะเทือนของเจ้ายังเทียบเคียงกับข้าไม่ได้ การที่เจ้าใช้อุบายประเภทนี้มาจัดการข้า มันไม่ต่างอะไรจากการใช้ไข่ปาหินเลย อีกทั้งพลังอมตะที่เจ้าใช้ไม่ใช่พลังของตัวเจ้าเอง ซึ่งไม่มีทางเอาชนะข้าได้”
“ใช่หรือ? ตราสรรพสิทธิ์!”
หลัวซิวตะคอกเสียงดังลั่น ภายในวิชาตราประทับหนึ่งมีพลังอมตะแฝงซ่อนอยู่เป็นหมื่นวิชา เพียงชั่วพริบตาเดียว ร่างกายของหวงทงเทียนก็จมหายไปในพลังอมตะโจมตีที่นับไม่ถ้วน
“โอ๊ะ? ในที่สุดก็ใช้พลังอมตะของตัวเจ้าเองแล้วหรือ?”
ดวงตาของหวงทงเทียนเป็นประกายขึ้นมา แสงทองที่แวววาวจับตาผนึกรวมกันอยู่กลางฝ่ามือทั้งสองข้างของเขา ก่อนจะปล่อยวิชาตราประทับออกมาเช่นกัน ราวกับวิชาตราประทับนี้กลายเป็นหอกเทวเล่มหนึ่งที่แข็งแรงจนไม่อาจทลาย จะทำลายการขวางกั้นของพลังอมตะนับหมื่น
ตู้มม!
หอกเทวเฉียบคมอย่างยิ่ง ทะลวงพลังอมตะนับหมื่น แสงหอกดวงหนึ่งเหมือนดั่งสายฟ้า พุ่งตรงไปทางหว่างคิ้วหลัวซิวโดยตรง
“แม้นพลังอมตะที่เจ้าปลดปล่อยออกมาจะแข็งแกร่งมาก แต่กลับไม่ได้ประณีตสวยวิจิตรมากขนาดนั้น ในเมื่อพลังอมตะไม่ทรงพลังมากพอ ก็ไม่มีทางขัดขวางข้าได้”เสียงอันเย็นชาของหวงทงเทียนดังเข้าไปในหูหลัวซิว
“ท่านคิดว่าตราสรรพสิทธิ์ของข้าเรียบง่ายเช่นนี้หรือ?”
หลัวซิวสุขุมเรียบนิ่ง ร่างกายก็สูงตระหง่าน แข็งแรงไม่สั่นคลอน เพ่งมองแสงหอกที่ทิ่มแทงมาตรงหว่างคิ้วตน
“เวิ่ง!”
ทันใดนั้นเอง พลังอมตะนับหมื่นที่ถูกแสงหอกทะลวงก็ผนึกรวมกันอีกครั้ง ธาตุพลังเต๋าของพลังแห่งชิงเทียนที่ไม่ดับสูญหมุนเวียน
อีกทั้งไม่ได้มีเพียงพลังแห่งชิงเทียนเท่านั้น ยังมีพลังแห่งสิงเทียน พลังแห่งปรโลก พลังฉีกชั้นฟ้า พลังแห่งเวหาและพลังแห่งวัฏสงสาร สำหรับหลัวซิวในปัจจุบัน เขาสามารถใช้วิถีไร้ลักษณ์วิวัฒนาการวิถีสวรรค์และวิถีวัฏสงสารออกมาได้แล้ว
แม้นจะถูกผลการฝึกตนของตัวเองจำกัด พลังเทพสวรรค์และพลังเทพวัฏสงสารที่เขาวิวัฒนาการออกมาก็ไม่ใช่เล่น ๆ เช่นกัน
“ตู้มม!”
แสงหอกที่แข็งแรงจนไม่อาจทลายและไร้เทียมทานสลายหายไปแล้ว พลังอมตะนับหมื่นครอบคลุมพื้นที่ขนาดใหญ่แล้วม้วนซัดมา เงาร่างของหวงทงเทียนถูกโจมตีจนแตกสลาย พังทลายเป็นแสงฝนสีทอง
“โครมคราม……”
หลังจากหลัวซิวโค่นล้มหวงทงเทียนแล้ว ประตูหินที่อยู่ด้านหน้าก็เปิดออกเอง ราวกับกำลังต้อนรับให้เขามุ่งหน้าสู่ชั้นห้า
เมื่อย่างกรายสู่ชั้นห้า หลัวซิวก็สัมผัสได้ถึงธรรมเวชกาลร้างที่ลึกซึ้งมากยิ่งขึ้น อีกทั้งเขายังสัมผัสได้ด้วยว่าปฏิกิริยาระหว่างตัวเองและธรรมเวชกาลร้างแน่นแฟ้นมากขึ้น น่าจะเป็นเพราะเขาผ่านบททดสอบของชั้นสี่ และได้รับการยอมรับขั้นต้นจากอัญสมบัติเลิศล้ำอย่างหอคอยฮวง
เมื่อได้รับการยอมรับจากหอคอยฮวง ธรรมเวชกาลร้างที่แฝงซ่อนอยู่ในหอคอยฮวงย่อมต้องใกล้ชิดกับเขามากกว่าเดิมอยู่แล้ว ทำให้เขาตระหนักรู้ได้ง่ายยิ่งขึ้น
เขาใช้เวลาตระหนักธรรมเวชกาลร้างในชั้นสี่นานหนึ่งแสนห้าหมื่นปี สำหรับชั้นห้านั้น แม้นหลัวซิวจักมีความมั่นใจอย่างเต็มเปี่ยม แต่อันที่จริงเขาก็ไม่ค่อยมั่นใจเช่นกันว่าตนจะสำเร็จหรือไม่
ความมั่นใจคือความมั่นใจ แต่ก็ต้องรู้จักตนเองดีเช่นกันว่าตนเป็นเช่นไร
ธรรมเวชกาลร้างของชั้นห้ายิ่งลึกซึ้งมากจนไม่อาจคาดเดาได้ หลัวซิวตระหนักรู้อยู่ที่นี่นานสองหมื่นปี แต่กลับตระหนักความล้ำลึกในธรรมเวชกาลร้างของชั้นห้าได้ไม่ถึงสองส่วน
“ลึกซึ้งเกินไปแล้ว ยากเกินไปแล้ว……”
ท้ายที่สุดหลัวซิวก็ต้องถอนหายใจเฮือกหนึ่ง แม้นจะฝืนตระหนักรู้ต่อไป หากต้องการตระหนักรู้ธรรมเวชกาลร้างของชั้นห้าให้ได้โดยสิ้นเชิง เกรงว่าคงต้องใช้เวลาเป็นล้านปีเลย
“หากข้าตระหนักรู้ด้วยแดนเทพมารระดับเก้า มันต้องไม่มีทางยากเย็นเช่นนี้แน่นอน แต่น่าเสียดายที่สุดท้ายแล้วผลการฝึกตนของข้าก็ต่ำเกินไปอยู่ดี”
หลัวซิวถอนหายใจพลางส่ายหน้า สำหรับผู้แข็งแกร่งที่เป็นเทพมารระดับเก้าเป็นต้นไปแล้ว หอคอยฮวงก็เหมือนกับเขตต้องห้าม แรงกดดันตรงทางเข้าของหอคอยฮวงจะอ้างอิงตามผลการฝึกตนของตัวจอมยุทธ์ ในโลกหล้านี้ ตั้งแต่โบราณกาลมา ยังไม่มีผู้แข็งแกร่งเทพมารระดับเก้าเป็นต้นไปคนใดสามารถใช้อำนาจฝืนบุกเข้ามาในหอคอยฮวงได้
“เจ้าของหอคอยฮวงแต่ละยุคในอดีต พวกเขาฝ่าฟันขึ้นไปยังชั้นที่สูงกว่าของหอคอยฮวงอย่างไรกันนะ?”
หลัวซิวขมวดคิ้วลง ความล้ำลึกของธรรมในชั้นห้าถือเป็นขีดจำกัดสำหรับเทพมารระดับแปดแล้ว เขาที่มีวิถีไร้ลักษณ์ยังเป็นเช่นนี้เลย หากเปลี่ยนเป็นผู้อื่น ต่อให้มีความสามารถในการตระหนักรู้ที่แหกกฎสวรรค์มากเพียงใด ก็ไม่มีทางดีเลิศไปกว่าเขาแน่นอน
หลัวซิวมั่นใจความสามารถในการตระหนักรู้และศักยภาพในการอนุมานของตัวเองมาก ๆ ซึ่งเขาไม่ได้ถือดีและโอหัง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มหายุทธ์ สะท้านภพ
มาต่อๆ...
มีต่อไหมครับรออยู่นะครับ...
มึงๆ กูๆ เชี้ยไรเยอะแยะวะ นิยายจีนนะโว้ย อ่านเจอแล้วสดุดเสียรมตลอด...
แปลต่อทีค่า รออ่านอยู่นะคะ🥺🥺...
มีต่อไหมครับ...
รออยู่นะครับ...
เรื่องเก่าอัพเดตบ้าง ไม่ใช่ลงแต่เรื่องใหม่...
เมื่อไรจะลงซักที...
เค้ายังแปลอยู่ไหมครับ...
ไม่ลงให้อ่านซักที...