มหายุทธ์ สะท้านภพ นิยาย บท 2766

ธรรมเวชกาลร้าง เป็นธรรมที่ลึกซึ้งกว่าวิถีสวรรค์และวิถีวัฏสงสาร ธรรมประเภทนี้แทบจะอรรถาธิบายความล้ำลึกขั้นสุดท้ายของการกลั่นร่างเนื้อ หากสามารถเดินขึ้นไปถึงจุดสูงสุดของธรรมนี้ ก็จะสามารถบรรลุเป็นร่างเทวที่แข็งแกร่งไร้เทียมทานที่สุดในจักรวาล!

ครั้นเมื่อเจอหอคอยฮวงครั้งแรก วิถีไร้ลักษณ์ของหลัวซิวก็สัมผัสความล้ำลึกของธรรมเวชกาลร้างได้อย่างรวดเร็วและเฉียบแหลมแล้ว ทราบว่าหนังสือยุทธภัณฑ์ที่เขาเจอก็วิวัฒนาการมาจากธรรมเวชกาลร้างนี่แหละ

ซึ่งนี่ก็หมายความว่าบรรพศักดิ์สิทธิ์ผู้บุกเบิกหนังสือยุทธภัณฑ์ ก็ต้องเคยได้รับการตระหนักรู้ในธรรมเวชกาลร้างมาก่อนแน่นอน

แต่ทว่าวิถีหนังสือยุทธภัณฑ์ก็ยังไม่เหมือนธรรมเวชกาลร้างอยู่ดี เนื่องจากภายในวิถีหนังสือยุทธภัณฑ์มีความล้ำลึกของธรรมเวชกาลร้างแฝงอยู่ส่วนหนึ่งเท่านั้น ซึ่งไม่ใช่ทั้งหมด

ทว่าเนื่องจากเคยตระหนักรู้ในหนังสือยุทธภัณฑ์ ทำให้หลัวซิวตระหนักรู้ธรรมเวชกาลร้างได้ง่ายมากขึ้น เขาเพลิดเพลินอยู่กับการตระหนักรู้ธรรมประเภทนี้อย่างรวดเร็ว ไม่รู้ตัวเลยว่ากาลเวลาในโลกาภายนอกผ่านพ้นไปกี่ปีแล้ว

ในระหว่างที่ไม่รู้เนื้อรู้ตัวนั้น หลัวซิวรู้สึกว่าตัวเองตระหนักรู้ในปริภูมิพื้นที่ขาวโพลนแห่งนี้มาพันปีแล้ว แต่ในความเป็นจริงเนื่องจากได้รับผลกระทบจากธรรมเวชกาลร้าง เวลาในการเคลื่อนที่ของปริภูมิแห่งนี้แตกต่างจากโลกาภายนอกมาก ๆ เขารู้สึกว่าเวลาได้ผ่านพ้นไปพันปี ทว่าเวลาโลกาภายนอกเพิ่งจะผ่านไปไม่กี่ชั่วโมงเท่านั้น 

ในที่สุด หลัวซิวก็ตระหนักรู้ธรรมสุดล้ำลึกที่แฝงซ่อนอยู่ในเงาสะท้อนหอคอยฮวงตรงหน้าโดยสิ้นเชิง ภาพที่ปรากฏตรงหน้าเขาก็กลับมาชัดเจนเหมือนเก่า หยุดการอนุมาน

วิชากลั่นร่างของเขาได้รับการปรับให้สมบูรณ์แบบขึ้นอีกหนึ่งขึ้น เขาใช้วิถีไร้ลักษณ์วิวัฒนาการธรรมเวชกาลร้างที่ตนตระหนักรู้ได้ออกมา จนประกอบเป็นลายค่ายทั้งหลายหลอมรวมเข้ากับวิชาสลักแห่งตน ค่อย ๆ สลักหลอมรวมเข้าไปในร่างกายตัวเอง 

“เวิ่งง!”

ณ เสี้ยววินาทีนั้น มีรัศมีเทวที่งดงามแย้มบานออกมาจากตัวเขา มีออร่าธรรมดั้งเดิมที่มากมายมหาศาลจนทำให้ผู้คนเคารพยำเกรงรั่วไหลออกมาลาง ๆ

นำธรรมเวชกาลร้างสลักเข้าไปในร่างตน วิธีการประเภทนี้ไม่ได้ทำให้ร่างเนื้อของหลัวซิวได้รับการยกระดับแต่อย่างใด ทว่ากลับเป็นการเพิ่มศักยภาพร่างเนื้อของเขาอย่างเป็นนัย

ยกตัวอย่างเช่นปัจจุบันเขาอยู่ในแดนเทพมารระดับแปด มากสุดร่างเนื้อของเขาสามารถชุบถึงร่างราชาเทพระดับเก้าก็ถือเป็นขีดจำกัดแล้ว ซึ่งไม่มีทางบรรลุถึงร่างมกุฎเทพระดับเก้าแน่นอน นอกซะจากว่าผลการฝึกตนของเขาก็มีการทลายพันธนาการของแดนใหญ่ บรรลุถึงระดับเทพมารระดับเก้า

แต่มีการตระหนักรู้ในธรรมเวชกาลร้าง อีกทั้งสลักธรรมประเภทนี้หลอมรวมเข้าไปในร่างกายตัวเอง ขีดจำกัดของเขาจึงถูกบุกเบิกจนขยายออก ยกตัวอย่างเช่นปัจจุบันผลการฝึกตนของเขาอยู่ที่เทพมารระดับแปดช่วงกลาง อย่างมากสุดร่างเนื้อสามารถชุบถึงร่างราชาเทพระดับเก้าช่วงกลาง แต่วินาทีนี้กลับมีศักยภาพที่มากกว่า ซึ่งสามารถฝึกถึงร่างราชาเทพระดับเก้าช่วงปลาย!

สามารถพูดได้เลยว่าศักยภาพร่างเนื้อที่เพิ่มขึ้นนี้ ข้อดีของมันกลับอยู่เหนือผลการฝึกตนที่ได้รับการยกระดับ!

และในเวลานี้เอง เงาสะท้อนของหอคอยฮวงก็หายไป สิ่งที่เข้ามาทดแทนคือประตูหินอีกหนึ่งบาน ปรากฏในปริภูมิขาวโพลนที่อยู่ตรงหน้า 

หลัวซิวไม่มีความลังเลใจใด ๆ มุ่งหน้าเดินตรงไปทันที ใช้มือทั้งสองข้างกดลงบนประตูหิน ทุ่มสุดกำลังสามารถ ถึงจะผลักประตูหินดังกล่าวจนแง้มออกเล็กน้อย 

“ชั้นที่สามของหอคอยฮวงหรือ?”

หลังจากผลักประตูหินแล้วเดินเข้าไป สิ่งที่หลัวซิวเห็นก็ยังคงเป็นพื้นที่ที่ขาวโพลนอยู่เช่นเคย ราวกับเขาเดินมาจากอีกฝั่งหนึ่งของประตูหิน แล้วกลับมาถึงตำแหน่งในเมื่อครู่นี้อีกครั้ง ไม่มีการเปลี่ยนแปลงใด ๆ

แต่ทว่าประตูหินที่อยู่ด้านหลังเขากลับหายไปแล้ว 

สายตาของเขาจับจ้องไปข้างหน้า หากไม่มีอะไรผิดพลาดละก็ ที่นี่น่าจะยังมีเงาสะท้อนของหอคอยฮวงปรากฏอีก ส่วนเงาสะท้อนที่ปรากฏอีกครั้งนั้น ความล้ำลึกของธรรมเวชกาลร้างที่แฝงซ่อนอยู่ภายในจักลึกลับและมหัศจรรย์กว่าธรรมที่ตระหนักรู้ได้ในชั้นที่สอง!

ไม่มีเหตุการณ์สุดวิสัยเกิดขึ้นแต่อย่างใด ทันทีที่มีความคิดดังกล่าวผุดขึ้นมาในหัวหลัวซิว เงาสะท้อนของหอคอยฮวงก็ปรากฏแล้ว ซึ่งเหมือนอย่างที่เขาคาดการณ์เอาไว้เลย ความล้ำลึกของธรรมที่แฝงซ่อนอยู่ในเงาสะท้อนหอคอยฮวงหลังนี้ลึกซึ้งมากกว่าเดิม!

“ข้าเข้าใจแล้ว!”

ดูเหมือนหลัวซิวจักเข้าใจอะไรบางอย่าง เริ่มตั้งแต่ชั้นที่สองของหอคอยฮวง ทุก ๆ ชั้นน่าจะมีเงาสะท้อนของหอคอยฮวงหนึ่งหลัง ความล้ำลึกของธรรมที่แฝงซ่อนอยู่ภายในก็จะยิ่งอยู่ยิ่งสูงขึ้น ค่อย ๆ ก้าวหน้าไปตามลำดับ ทำให้ผู้คนได้ตระหนักความมหัศจรรย์ของธรรมเวชกาลร้าง

บางทีนี่อาจจะเป็นวิธีการเลือกนายของหอคอยฮวงก็เป็นได้ มีเพียงเข้าใจและตระหนักรู้ในธรรมเวชกาลร้างได้มากพอ สุดท้ายถึงจะได้รับการยอมรับจากหอคอยฮวง แล้วกลายเป็นเจ้าของอัญสมบัติเลิศล้ำชิ้นนี้ 

ในส่วนของฮวงจวินนั้น เขาแค่อาศัยผลการฝึกตนที่แข็งแกร่งของตัวเองมาควบคุมหอคอยฮวง ซึ่งไม่ใช่เจ้าของหอคอยฮวงแต่อย่างใด ไม่ได้รับการยอมรับจากหอคอยฮวง แม้นเขาก็มีการตระหนักรู้ในธรรมเวชกาลร้างเช่นกัน แต่กลับไม่มีวาสนาที่จะได้เข้ามาในหอคอยฮวง สิ่งที่ตระหนักรู้ได้จึงมีน้อยมาก ๆ 

“มิน่าล่ะอัจฉริยะผู้แข็งแกร่งจากแดนศักดิ์สิทธิ์ขั้นสุดยอดทั้งหลายถึงต่างทุ่มสุดชีวิตเพื่อช่วงชิงโควต้าหอคอยฮวง ดูท่ากองกำลังใหญ่ที่อยู่เบื้องหลังพวกเขาก็น่าจะทราบความเร้นลับที่อยู่ในหอคอยฮวงบ้างไม่มากก็น้อย”

หลัวซิวกำลังคาดคะเนในใจ หอคอยฮวงจะเปิดออกในทุก ๆ หนึ่งยุคตรีภพ การถ่ายทอดสืบสานของบางกองกำลังใหญ่ยาวนานอย่างยิ่ง ก้าวข้ามมาแล้วหลายยุคตรีภพ เคยเห็นหอคอยฮวงเปิดออกแล้วหลายครั้ง จากสติปัญญาของพวกเขา การที่จะศึกษาแล้วค้นพบความเป็นไปได้และความเร้นลับบางอย่าง ก็ไม่ใช่เรื่องยากเช่นกัน 

แต่ทว่าธรรมเวชกาลร้างลึกซึ้งมากจนไม่อาจคาดเดาได้ ซึ่งลึกซึ้งประณีตสวยวิจิตรกว่าวิถีสวรรค์และวิถีวัฏสงสารเสียอีก หากไม่มีความสามารถในการตระหนักรู้ที่ล้ำเลิศสูงส่ง ก็ไม่มีทางตระหนักรู้ได้มากด้วยซ้ำ หลัวซิวสันนิษฐานว่าจากอัจฉริยะผู้มีความฉลาดเป็นเลิศหนึ่งพันคนที่เข้ามาในหอคอยฮวง ส่วนมากก็น่าจะตระหนักรู้ได้แค่เปลือกนอกเท่านั้นแหละ

หากสิ่งที่ตระหนักรู้ได้เป็นเพียงเปลือกนอก ประโยชน์ก็มีน้อยมากถึงมากที่สุดเลย มากสุดแค่สามารถปรับให้วรยุทธ์ที่ตัวเองฝึกสมบูรณ์แบบขึ้นนิดหนึ่ง 

เนื่องจากคนอื่นไม่มีวิถีไร้ลักษณ์ หลัวซิวจึงสามารถตระหนักรู้ความมหัศจรรย์ของธรรมเวชกาลร้างได้อย่างรวดเร็ว สาเหตุหลักเป็นเพราะข้อดีที่วิถีไร้ลักษณ์ของเขาชำนาญมากที่สุดก็คือการอนุมาน!

ห้วงแท้พลังเต๋าที่ตระหนักรู้ได้จากชั้นที่สองของหอคอยฮวง เป็นเพียงเปลือกนอกของธรรมเวชกาลร้าง

มาตรแม้นว่าเป็นเช่นนี้ เขาก็ตระหนักรู้อยู่ในชั้นที่สองของหอคอยฮวงมานานเป็นพันปีเช่นกัน หากเปลี่ยนเป็นผู้อื่น คาดว่าคงต้องใช้เวลาเป็นหมื่นปี หรือนานกว่านี้ถึงจะสามารถตระหนักรู้ได้โดยสิ้นเชิง

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มหายุทธ์ สะท้านภพ