เพียงชั่วพริบตาเดียว จากการเข้าร่วมของศิษย์ตำหนักเวหาและวังชิงเทียน คนกลุ่มหนึ่งจึงเพ่งเล็งความสนใจมาบนตัวหลัวซิวอย่างรวดเร็ว แล้วทำการโอบล้อมเขาไว้ตรงกลาง
“วิชายิ่งเลิศของเผ่าฟ้ากูไม่อาจแพร่งพรายสู่โลกาภายนอก ไม่ว่ามึงจักเรียนรู้วิธีการใช้พลังแห่งสวรรค์อย่างไร วันนี้มึงก็จำเป็นต้องให้คำอธิบายที่สมเหตุสมผล!”สตรีนางหนึ่งที่รอบกายปกคลุมด้วยชี่เสวียนพูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา
การถ่ายทอดสืบสานของเผ่าฟ้าแห่งวังนภาสิบสอง แม้นต่างฝ่ายต่างจะไม่สามัคคีกัน แต่กลับไม่ยอมปล่อยให้คนนอกคนหนึ่งได้ครอบครองการถ่ายทอดสืบสานของเผ่าฟ้า
“ถูกต้อง เผ่าฟ้าของเรายึดกุมเคล็ดเต๋าสวรรค์ 12 ประเภท มึงเป็นคนนอกคนหนึ่งแต่ไม่นึกเลยว่าจะมีพลังเทวชิงเทียน หากมึงไม่ให้คำอธิบายที่สมเหตุสมผลละก็ ไม่ว่ามึงจะเป็นร่างที่ผู้ใดกลับชาติมาเกิดก็ตาม วันนี้ก็ต้องตายอยู่ที่นี่”มีศิษย์ที่มาจากตำหนักเลี่ยเทียนอีกคนหนึ่งก้าวเดินออกมา ด้านหลังมีดาบเทพเลี่ยเทียนลอยอยู่หนึ่งเล่ม มีห้วงแท้พลังเต๋าที่ฉีกกระชากทุกสรรพสิ่งแผ่กระจายออกมา
“หากมึงอยากมีชีวิตรอดต่อไปก็ได้เช่นกัน ขอแค่มึงทำลายวรยุทธ์ที่ฝึกพลังเทวชิงเทียนทิ้ง จากนั้นค่อยยกมือยอมแพ้ รอกูจับกุมตัวมึงกลับไปยังวังนภา หลังจากให้เจ้าศักดิ์สิทธิ์วังอัมพรสอบปากคำด้วยตนเองแล้ว คอยชี้ขาดความเป็นความตายของมึงอีกที!”
ศิษย์แห่งวังชิงเทียนเป็นผู้เอ่ยปากพูดอย่างเย็นชา วังชิงเทียนเป็นผู้นำของวังนภาสิบสอง ในเมื่อเขาเอ่ยปากพูด จึงแทบจะเป็นตัวแทนปณิธานของวังนภาสิบสองแล้ว
เพียงชั่วพริบตาเดียว อัจฉริยะผู้แข็งแกร่งจำนวนมากที่มาจากวังนภาสิบสองก็ปลดปล่อยพลังออร่าของตัวเองออกมา พลังเทวสวรรค์ทั้ง 12 ประเภทเชื่อมประสานกันลาง ๆ ทำให้หลัวซิวสัมผัสได้ถึงแรงกดดันที่มากล้น
“ดูเหมือนวิถีสวรรค์ทั้ง 12 จักมีต้นกำเนิดมาจากที่เดียวกัน!”
หลัวซิวหรี่ตาลงเล็กน้อย วิถีสวรรค์ทั้ง 12 ดูเหมือนจะไม่มีความสัมพันธ์อะไรต่อกัน ธาตุพลังเต๋าที่แฝงซ่อนอยู่ภายในก็ล้วนแตกต่างกันเช่นกัน แต่นึกไม่ถึงเลยว่าระหว่างวิถีสวรรค์ทั้ง 12 จักเชื่อมประสานกันได้ด้วย นี่จึงทำให้หลัวซิวยึดกุมคำถามที่เป็นกุญแจสำคัญหนึ่งคำถาม
หากวิถีสวรรค์ทั้ง 12 มีต้นกำเนิดมาจากที่เดียวกัน แล้ว‘ที่เดียวกัน’นั่นมันคืออะไรกันแน่?
ความคิดเหล่านี้กระพริบผ่านไปในหัวหลัวซิว เนื่องจากเขา ณ วินาทีนี้ไม่มีเวลาไปคิดอะไรมากเลยด้วยซ้ำ ตอนนี้วังนภาสิบสองกำลังจ้องเขาตาเป็นมัน เขาจำเป็นต้องรับมือกับสถานการณ์นี้ให้รอดไปได้ก่อน
“ให้กูทำลายผลการฝึกตนของข้าทิ้ง แล้วยกมือยอมแพ้? มึงคงไม่ได้ป่วยหรอกกระมัง?”หลัวซิวกวาดตามองเหล่าอัจฉริยะผู้แข็งแกร่งแห่งวังนภาสิบสอง แล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา
“เช่นนั้นก็หมายความว่ามึงรนหาที่ตายสินะ?”
มีจิตสังหารทะลุออกมาจากแววตาของสตรีที่รอบกายถูกปกคลุมด้วยชี่เสวียน ชี่เสวียนที่อยู่บนตัวนางกลายมาจากพลังเทพเสวียนเทียน ธรรมที่กล่าวถึงนั้นลึกซึ้งมากถึงมากที่สุด ลักษณะพิเศษของพลังเทพเสวียนเทียนก็แปลกประหลาดมากเช่นกัน
“แม่นาง กูว่าอาการมึงหนักไม่เบาเลยนะ”หลัวซิวยิ้มอ่อนพลางพูด
“ใกล้จะตายแล้วยังบังอาจจองหองอีกรึ?”แววตาของศิษย์แห่งวังชิงเทียนเป็นประกาย อัจฉริยะผู้แข็งแกร่งจากวังนภาสิบสองคนอื่น ๆ ก็ต่างปลดปล่อยจิตสังหารออกมาจากร่างกายเช่นกัน
“หึ! เผ่าฟ้าแล้วเจ๋งมากเลยหรือ? คนเยอะขนาดนี้แต่กลับรุมคนคนเดียว ช่างทำให้เผ่าฟ้าอับอายขายขี้หน้าเสียจริง”
และในเวลานี้เอง ก็มีเสียงที่หยาบกระด้างดังขึ้นมากะทันหัน ดาบเทพที่อยู่ด้านหลังศิษย์ตำหนักเลี่ยเทียนนั่นสั่นเทิ้ม กวาดตามองไปทางทิศทางที่เสียงดังกล่าวสะท้อนมาด้วยแววตาที่เยือกเย็น “ผู้ใดช่างกล้าหาญเยี่ยงนี้ บังอาจตำหนิเผ่าฟ้าของเราอย่างนั้นหรือ?”
บนตัวเขามีพลังเต๋าของพลังเทวฉีกชั้นฟ้าลอยวนเป็นเกลียวขึ้นไป ดาบเทพเล่มหนึ่งอยู่ในมือ ราวกับในโลกหล้านี้ไม่มีสิ่งใดสามารถต้านทานเขาได้ เมื่ออยู่ต่อหน้าดาบเทพ ทุกสรรพสิ่งล้วนจะถูกฉีกกระชากเป็นชิ้น ๆ ยับเยินหมดสิ้น
“ลูกพี่หงมึงเป็นผู้พูดเอง มึงมีปัญหาหรือ?”
มีเงาร่างที่กำยำร่างหนึ่งเดินออกมา ซึ่งเขาก็คือหงบูที่มาจากตระกูลหงแห่งโลกท่วมท้นนั่นเอง เห็นเพียงเขาก้าวเดินมาข้างกายหลัวซิว แล้วกวาดตามองผู้สืบทอดวังนภาสิบสองอย่างไม่หวาดหวั่น “กูไม่ชอบขี้หน้าที่จองหองพองขนของเผ่าฟ้าอย่างพวกมึงมากที่สุดแล้ว!”
“ยุคของสวรรค์ได้สิ้นสุดไปแล้ว ก็แค่มีการถ่ายทอดสืบสานสืบต่อกันมาเพียงเล็กน้อย พึ่งพาอำนาจบารมีของผู้อื่น คิดจริง ๆ หรือว่าพวกมึงเป็นผู้ไร้เทียมทานในโลกหล้า?”
ชายหนุ่มที่ร่างกายปกคลุมอยู่ในรัศมีเทวก็เดินออกมาเช่นกัน เดินมาข้างกายหลัวซิว “สวรรค์แข็งแกร่งมากเลยรึ? ท่านชายกูก็อยากรู้เหมือนกันว่าเมื่อเปรียบเทียบกับวิถีเต๋าไร้มลทินของกูแล้ว ฝ่ายใดจักแข็งแกร่งยิ่งกว่า!”
“สหายหลัวเป็นมิตรรักของข้า ฮวงหวูจี๋ข้าย่อมนิ่งดูดายไม่ได้อยู่แล้ว!”เวลานี้เจ้าเมืองน้อยแห่งเมืองต้าฮวงโบราณก็ไม่ได้หลบหนีเช่นกัน
หยุนยี่เทียนรู้สึกลังเลใจเล็กน้อย อย่างไรเสียเมืองหยุนหลงที่เขากำเนิดนั้น รุกรานกองกำลังอย่างวังนภาสิบสองไม่ได้เป็นอันขาด
“ข้าจักร่วมเคียงบ่าเคียงไหล่กับท่านชาย!”ฮู๋ชิงชิงไม่มีความลังเลใจใด ๆ แล้ว ในฐานะที่บำเพ็ญปรปักษ์ แดนศักดิ์สิทธิ์วิถีปีศาจก็เป็นศัตรูคู่อาฆาตกับวังนภาสิบสองตั้งแต่แรกอยู่แล้ว
“ไท่ซ่างฉิงต้องตายอยู่ในเงื้อมมือข้าแต่เพียงผู้เดียว”
สิ่งที่ทำให้หลัวซิวคิดไม่ถึงคือ เวลานี้ชีชีก็ก้าวออกมาเช่นกัน กอดขิมโบราณอาดูรเอาไว้ในอก
“เอ่อคือ……ข้าก็ขอประสมโรงด้วยคนก็แล้วกัน”
มีเงาดำร่างหนึ่งเบียดเข้ามากลางหมู่คน ซึ่งเขาก็คือเจ้าลิ่งฮู๋จื่อเซวียนนั่นเอง กำลังยืนยิ้มแป้นอยู่ข้างชีชี
“ท่านชายหลัว เราพบหน้ากันอีกแล้วนะ ท่านเคยช่วยชีวิตข้า”
มีสตรีอีกนานหนึ่งเดินออกมา หลัวซิวมองไปทางต้นตอของเสียง ก่อนจะประสานมือทำท่าคารวะ “ขอบพระคุณแม่นางหนิงอย่างยิ่ง”
ซึ่งสตรีนางนี้ก็คือหนิงหานหลิงนั่นเอง อดีตครั้นเมื่ออยู่ในมหาโลกาพันสาม นางเป็นเพื่อนสนิทของเหยียนซีโรว่ เมื่อนั้นหลัวซิวก็ทราบแล้วว่านางน่าจะกำเนิดจากกองกำลังใหญ่กองกำลังหนึ่งแห่งโลกมหาศักดิ์ทั้งแปด
เวลาล่วงเลยไปนานเช่นนี้แล้ว เมื่อได้พบหนิงหานหลิงอีกครั้ง ผลการฝึกตนของนางก็บรรลุถึงแดนเทพมารระดับแปดช่วงปลายแล้วเช่นกัน
จากการที่มีอัจฉริยะผู้แข็งแกร่งเดินมายืนข้างกายหลัวซิวอย่างต่อเนื่อง สีหน้าของผู้คนฝั่งวังนภาสิบสองก็ดูย่ำแย่ลง
เผ่าฟ้ายึดกุมโลกสวรรค์ ซึ่งเป็นกองกำลังอันดับหนึ่งในโลกมหาศักดิ์ทั้งแปดอย่างไร้ข้อกังขามาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว หากเผ่าฟ้าของพวกเขาต้องการฆ่าคน จักไม่มีผู้ใดกล้ายื่นมือเข้ามายุ่งเกี่ยว ทว่าวินาทีนี้กลับมีคนเดินออกมามากขนาดนี้ ทุกคนล้วนมีศักยภาพที่เกะกะระราน ซึ่งไม่ด้อยกว่าศิษย์วังนภาสิบสองเลย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มหายุทธ์ สะท้านภพ
มาต่อๆ...
มีต่อไหมครับรออยู่นะครับ...
มึงๆ กูๆ เชี้ยไรเยอะแยะวะ นิยายจีนนะโว้ย อ่านเจอแล้วสดุดเสียรมตลอด...
แปลต่อทีค่า รออ่านอยู่นะคะ🥺🥺...
มีต่อไหมครับ...
รออยู่นะครับ...
เรื่องเก่าอัพเดตบ้าง ไม่ใช่ลงแต่เรื่องใหม่...
เมื่อไรจะลงซักที...
เค้ายังแปลอยู่ไหมครับ...
ไม่ลงให้อ่านซักที...