มหายุทธ์ สะท้านภพ นิยาย บท 2786

สหการค้ายังไม่ได้เริ่มต้นขึ้น จำนวนคนที่เร่งเดินทางมาก็ยิ่งอยู่ยิ่งมาก พื้นที่ภายในห้องโถงใหญ่กว้างขวางมาก มีคนนับพันมารวมตัวกันที่นี่ ผู้ที่สามารถเดินทางมาที่นี่ได้นั้นอย่างน้อยก็อยู่ในแดนเทพมารระดับแปด เทพมารระดับเก้าก็สามารถมองเห็นได้ทั่วไปเช่นกัน แม้นปัจจุบันศักยภาพของหลัวซิวจะสามารถเทียบทัดราชาเทพระดับเก้าแล้ว แต่เขาก็รู้ตัวดีอยู่ว่าผู้คนที่มาเข้าร่วมสหการค้าในครั้งนี้ มีคนจำนวนมากที่แข็งแกร่งกว่าเขามาก ๆ 

ทั้งห้องโถงใหญ่เงียบสงบมาก แม้นจะมีคนพูดคุยกัน แต่เสียงก็ค่อนข้างเบา คนจำนวนมากล้วนสื่อสารกันผ่านตัวสำนึก 

“ก๊อง!”

เสียงระฆังที่ไพเราะดังก้องขึ้นมา มีเวทีหินเวทีหนึ่งค่อย ๆ เลื่อนขึ้นมากลางห้องโถงใหญ่รูปวงรี

รูปทรงของเวทีหินคือทรงกลม และมีรัศมีทั้งหลายมาผนึกรวมกันด้านบนเวทีหิน จนทั้งสี่ด้านประกอบเป็นจอภาพที่สะท้อนออกไปจากค่ายกล ไม่ว่าจะนั่งอยู่ในตำแหน่งใดในห้องโถง ก็ล้วนสามารถมองเห็นข้อมูลที่ปรากฏบนจอภาพเงาสะท้อน 

มีคลื่นสั่นกระเพื่อมออกไปจากหน้าจอค่ายกล จากนั้นก็มีชายที่รูปร่างลักษณะอ่อนโยนคนหนึ่งปรากฏบนหน้าจอ 

“ข้าน้อยก็ขอไม่พูดอะไรให้มากความแล้ว คาดว่าทุกท่านที่สามารถมาเข้าร่วมสหการค้าในครั้งนี้ล้วนเข้าใจกฎเกณฑ์ดีแล้ว สหการค้าที่วังนภาทั้งสิบสองของเราร่วมมือกันจัดตั้งขึ้นมาในครั้งนี้ ก็เพื่อหวังว่าจอมยุทธ์ในโลกมหาศักดิ์ทั้งแปดของเราจะสามารถยกระดับศักยภาพของตัวเอง แล้วรับมือกับมหันตภัยที่จะมาเยือนในอนาคต”

สหการค้าค่อนข้างคล้ายคลึงกับงานประมูล แต่ก็แตกต่างจากงานประมูลเช่นกัน ครั้นเมื่ออยู่สถานที่อื่น หลัวซิวก็เคยเข้าร่วมงานที่เป็นทำนองนี้เช่นกัน โดยส่วนใหญ่แล้วผู้ที่มาเข้าร่วมสหการค้าจะผลัดเปลี่ยนกันนำสมบัติออกมา จากนั้นคนอื่นก็จะแข่งประมูล ซึ่งผู้ที่เสนอราคาสูงที่สุดจะเป็นผู้ที่ได้ครอบครองสมบัติชิ้นนั้น 

หลังจากเงาร่างของชายวัยกลางคนบนหน้าจอเงาสะท้อนค่ายกลหายไปแล้ว สหการค้าก็ได้เริ่มต้นขึ้นอย่างเป็นทางการ 

“ชัวะ!”

มีเงาดำร่างหนึ่งปรากฏบนเวทีทรงกรมที่อยู่กลางห้องโถงใหญ่ ถัดจากนั้นเงาร่างของคนดังกล่าวก็ปรากฏบนหน้าจอเงาสะท้อนค่ายกล

นี่คือชายที่รูปร่างผอมสูงคนหนึ่ง ทว่าบนใบหน้ากลับสวมใส่หน้ากากหนึ่งใบ ซึ่งประโยชน์ของหน้ากากคือสามารถขวางกั้นการสำรวจของตัวสำนึก เห็นได้ชัดเจนเลยว่าฝ่ายตรงข้ามระมัดระวังมาก ๆ ไม่ยอมเปิดเผยตัวตนที่นี่ง่าย ๆ 

“สิ่งที่ข้าจะทำการค้าขายคือวรยุทธ์ระดับมหาจักรพรรดิยุทธ์หนึ่งวิชา ต้องการกรองแก้วโลหิตดั้งเดิม หากมีหินบรรพไท่ชูก็จักยิ่งดีเลย”

ภายใต้ผลกระทบจากค่ายกล เสียงของคนดังกล่าวก็สะท้อนเข้าไปในหูทุกคนอย่างชัดเจน 

หลัวซิวไม่สนใจวรยุทธ์ระดับมหาจักรพรรดิยุทธ์เลยแม้แต่น้อย อันที่จริงต่อให้เป็นเคล็ดเซียนระดับผู้สูงส่ง ก็ทำให้เขาเกิดความสนใจได้ยากมาก มีเพียงวรยุทธ์เคล็ดเซียนระดับประมุขเต๋าเท่านั้นถึงจะสามารถทำให้เขาหวั่นไหวได้อย่างแท้จริง 

ลิ่งฮู๋จื่อเซวียนก็เป็นเฉกเช่นเดียวกัน วรยุทธ์ที่เป็นการถ่ายทอดสืบสานของตระกูลลิ่งฮู๋ของพวกเขาก็คือระดับมหาจักรพรรดิยุทธ์นี่แหละ อีกทั้งยังเป็นวรยุทธ์ขั้นสุดยอดในบรรดาเคล็ดเซียนระดับมหาจักรพรรดิยุทธ์ด้วย

พวกเขาทั้งสองคนไม่สนใจ แต่ไม่ได้หมายความว่าคนอื่นจะไม่สนใจ อย่างไรเสียก็ไม่ใช่ทุกคนที่จะได้รับโอกาสในการฝึกวรยุทธ์เคล็ดเซียนของแดนศักดิ์สิทธิ์ขั้นสุดยอด เคล็ดเซียนระดับมหาจักรพรรดิยุทธ์หนึ่งวิชาดึงดูดผู้เข้าร่วมการประมูลได้เยอะมาก

ไม่นานนัก มูลค่าของวรยุทธ์ระดับมหาจักรพรรดิยุทธ์วิชานี้ก็เพิ่มขึ้นถึงกรองแก้วโลหิตดั้งเดิมสามล้านก้อน และตั้งแต่บัดนี้นี่เอง ช่วงราคาก็ค่อย ๆ เพิ่มขึ้นช้าลง

กรองแก้วโลหิตดั้งเดิมสามล้านก้อนดูเหมือนจะไม่เยอะ แต่ก็ต้องดูก่อนว่าผู้ใดเป็นผู้จ่าย กรองแก้วโลหิตเป็นหินแก้วดั้งเดิมชั้นสุดยอด ยิ่งไปกว่านั้นคือหากชื่อเสียงของวรยุทธ์ระดับมหาจักรพรรดิยุทธ์ไม่โด่งดังมากพอละก็ ต่อให้ได้รับมาแล้วก็ใช่ว่าจะสามารถฝึกถึงแดนมหาจักรพรรดิยุทธ์ได้เสมอไป

โดยส่วนใหญ่แล้วอัจฉริยะที่มั่นใจว่าอนาคตตนต้องสามารถบรรลุเป็นมหาจักรพรรดิยุทธ์ได้แน่นอน ล้วนกำเนิดจากแดนศักดิ์สิทธิ์ขั้นสุดยอด คนเหล่านั้นย่อมไม่ขาดแคลนวรยุทธ์ระดับนี้อยู่แล้ว ดังนั้นเมื่อนำวรยุทธ์ระดับมหาจักรพรรดิยุทธ์มาไว้ในสถานที่ประเภทนี้ มันก็มีมูลค่าเท่านี้เอง

สุดท้ายมูลค่าของวรยุทธ์ระดับมหาจักรพรรดิยุทธ์วิชานี้ก็เพิ่มขึ้นถึงกรองแก้วโลหิตดั้งเดิมสี่ล้านห้าแสนก้อน ถูกหญิงวัยกลางคนคนหนึ่งที่งดงามมากซื้อไป 

หลังจากยืนยันการซื้อขายแล้ว จะมีพนักงานเฉพาะทางของสหการค้านำม้วนหยกที่มีวรยุทธ์บันทึกส่งไปในมือหญิงวัยกลางคน หลังจากทั้งสองฝ่ายยืนยันของจริงเท็จเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็จะจ่ายกรองแก้วโลหิตดั้งเดิม จนสำเร็จการซื้อขายในครั้งนี้ 

ผู้ที่มีความมั่นใจในการมาเข้าร่วมสหการค้านั้น ในมือต้องมีสมบัติที่มีมูลค่าไม่ธรรมดาแน่นอน ถัดจากนั้นสมบัติที่คนที่สองที่ขึ้นไปเอาของมาคือต้นยาเซียนหนึ่งต้น

ยาเซียนต้นนี้คือผลโพธิคังจิน ซึ่งมีพลังเกฑณ์ธาตุทองที่ถูกหล่อเลี้ยงออกมาเองตามธรรมชาติแฝงซ่อนอยู่ภายใน หากกลั่นแปรมันโดยตรงละก็ จะสามารถทำให้ผู้แข็งแกร่งที่ฝึกวิถีทองได้ตระหนักรู้ในพลังเต๋า หากนำมันไปกลั่นเป็นยาละก็ ประสิทธิผลจะดีกว่ามาก

ในโลกมหาศักดิ์ทั้งแปด กองกำลังใหญ่ที่มีการสืบสานยาวนานมีเยอะมาก ทุกแดนศักดิ์สิทธิ์ขั้นสุดยอดล้วนอยากบ่มเพาะผู้แข็งแกร่งที่นับไม่ถ้วนออกมา ต่างจึงต้องมีนักกลั่นยาที่ตนบ่มเพาะอยู่แล้ว

มูลค่าที่แท้จริงของผลโพธิคังจินอยู่ที่เม็ดยาเซียนที่ผ่านการกลั่นด้วยผลโพธิคังจิน ดังนั้นจึงมีคนจำนวนมากเริ่มแข่งประมูล

หลัวซิวไม่ใช่จอมยุทธ์ที่ฝึกวิถีธาตุทอง ด้วยเหตุนี้จึงไม่ได้ให้ความสำคัญกับยาเซียนต้นนี้มากขนาดนั้น และเบื่อที่จะประมูลแล้วนำมันกลับไปกลั่นเป็นเม็ดยาอีก 

ต่อมาก็มีคนเดินขึ้นเวที แล้วนำสมบัติที่แตกต่างกันออกมาอย่างต่อเนื่อง แม้นสมบัติเหล่านี้จะไม่ธรรมดามาก แต่ล้วนไม่ใช่สิ่งที่หลัวซิวต้องการ

และในเวลานี้เองก็มีชายหนุ่มคนหนึ่งเดินขึ้นไปบนเวทีหิน แล้วหยิบก้อนหินที่มีรูปร่างลักษณะแปลกประหลาดออกมาหนึ่งก้อน หากไม่ใช่เพราะมีออร่าตรีภพแพร่กระจายออกมาจากก้อนหินก้อนนั้น คนจำนวนมากที่อยู่ในงานคงคิดว่าสิ่งที่เขาเอาออกมาเป็นเพียงก้อนหินทั่วไปก้อนหนึ่ง 

“ข้าคิดว่าน่าจะมีคนรู้จักเจ้าสิ่งนี้อยู่ นี่คือหินสลักตรีภพที่ข้าได้รับมาจากส่วนลึกของสมุทรตรีภพ มันผ่านการชะล้างจากออร่าตรีภพมายาวนานอย่างไม่รู้จบ ด้านบนมีพื้นผิวธรรมเวชตรีภพพรสวรรค์ประทับอยู่ หากท่านเป็นจอมยุทธ์ที่ฝึกวิถีตรีภพ ไม่แน่อาจตระหนักความล้ำลึกของตรีภพดั้งเดิมได้จากหินสลักตรีภพพรสวรรค์ก็เป็นได้”

ชายหนุ่มคนนี้พูดเก่งมาก ๆ เมื่อเขาพูดมูลค่าของหินสลักตรีภพออกมา ก็ทำให้ทุกคนที่อยู่ในงานฮือฮาขึ้นมาทันที 

จอมยุทธ์ที่สามารถฝึกถึงเทพมารระดับเก้าได้นั้น ล้วนทราบกันดีว่าวิถีตรีภพครอบจักรวาล และได้รับฉายาว่าเป็นหนึ่งในวิถียุทธ์ที่ฝึกยากที่สุด 

แม้แต่วิถีเวลาที่ลึกลับจนไม่อาจคาดเดาได้ รวมไปถึงวิถีปริภูมิ ก็ล้วนฝึกไม่ยากเท่าวิถีตรีภพ

เนื่องจากสิ่งที่ตรีภพครอบคลุมมีมากเกินไป ซึ่งภายในครอบคลุมการทำลายล้าง แล้วก็ธรรมชาติรังสรรค์ 

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มหายุทธ์ สะท้านภพ