มหายุทธ์ สะท้านภพ นิยาย บท 2787

เพื่อแข่งประมูลหินสลักตรีภพ ทำให้หลัวซิวสูญเสียกรองแก้วโลหิตดั้งเดิมไปหกล้านก้อน กรองแก้วโลหิตดั้งเดิมที่เหลืออยู่ในแหวนเก็บของมีไม่มากแล้ว ซึ่งเหลือเพียงสี่ล้านกว่าก้อน

บางทีกรองแก้วโลหิตเหล่านี้อาจจะไม่สามารถซื้อกรองแก้วจิตนภาได้ ทว่าหลัวซิวก็ไม่มีทางปล่อยให้สมบัติที่ใช้ชุบตัวสำนึก อีกทั้งยังสามารถยกระดับตัวสำนึกหลุดมือไปง่าย ๆ หรอกนะ 

ตอนแรกเริ่มหลัวซิวไม่ได้แข่งประมูล แต่สิ่งที่ทำให้เขารู้สึกแปลกใจคือราคาของกรองแก้วจิตนภาพุ่งสูงขึ้นไม่เร็วเท่าไหร่นัก ราคาเพิ่มขึ้นถึงกรองแก้วโลหิตสองล้านกว่าก้อนเท่านั้น แนวโน้มที่ราคาจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องก็หยุดลง 

“กรองแก้วจิตนภาถูกขนาดนี้เลยหรือ?”

สำหรับราคานี้ ตัวหลัวซิวเองก็รู้สึกงุนงงไปอย่างควบคุมไม่ได้เช่นกัน แต่เขาก็ตอบสนองกลับมาได้อย่างรวดเร็วมาก ไม่ใช่มูลค่าของกรองแก้วจิตนภาไม่สูง แต่ต้องดูก่อนว่ากลุ่มเป้าหมายคือคนประเภทใด

ในดาราจักรวาลที่กว้างใหญ่ไพศาลนี้ สิ่งที่ได้มายากมากที่สุดก็คือวรยุทธ์กลั่นวิญญาณและวรยุทธ์กลั่นร่าง ส่วนวรยุทธ์กลั่นวิญญาณกลับฝึกยากกว่าวรยุทธ์กลั่นร่างมาก 

ตัวสำนึกของจอมยุทธ์ส่วนมากล้วนยกระดับตามผลการฝึกตนที่เพิ่มขึ้น ยกตัวอย่างเช่นผู้แข็งแกร่งเทพมารระดับเก้าขั้นปฐมภูมิ ตัวสำนึกของเขาก็อยู่ในแดนเทพมารระดับเก้าขั้นปฐมภูมิเช่นกัน 

สำหรับผู้ที่ไม่เชี่ยวชาญวรยุทธ์และพลังอมตะกลั่นวิญญาณแล้ว ต่อให้ตัวสำนึกจะเพิ่มขึ้นเพียงหนึ่งแดนเล็ก ศักยภาพของตัวเราที่เพิ่มขึ้นก็จะไม่ชัดเจนเช่นกัน 

แต่ถ้าเกิดเป็นจอมยุทธ์ที่เชี่ยวชาญวิถีกลั่นวิญญาณ อีกทั้งฝึกวิญญาณอมตะละก็ เช่นนั้นก็จะแตกต่างกันแล้วล่ะ เพราะจอมยุทธ์กลั่นวิญญาณมีตัวสำนึกที่แข็งแกร่งตั้งแต่แรกอยู่แล้ว หากสามารถเพิ่มขึ้นได้อีกหนึ่งแดนเล็ก ศักยภาพที่เพิ่มขึ้นก็จะสังเกตเห็นได้ชัดเจนมาก 

อันที่จริงถึงแม้หลัวซิวจะมีเคล็ดเซียนชั้นยอดอย่างเคล็ดเทวกลั่นวิญญาณ แต่เขากลับยึดกุมวิญญาณอมตะบนวิถีกลั่นวิญญาณไม่มากเท่าไหร่ 

สาเหตุที่เขาคิดหาทุกวิถีทางเพื่อจะยกระดับตัวสำนึกของตัวเองนั้น แท้จริงแล้วก็ทำเพื่อให้เกราะป้องกันในตัวหยั่งรู้ของตัวเองแข็งแรงมากยิ่งขึ้น เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว มาตรแม้นว่าประสบพบเจอกับผู้แข็งแกร่งที่เชี่ยวชาญวิญญาณอมตะ เขาก็ไม่ถึงขั้นตกเป็นฝ่ายที่เสียเปรียบจนตอบโต้อะไรไม่ได้ 

อย่างไรเสียพละกำลังของคนคนหนึ่งก็มีจำกัด แม้นวิถีไร้ลักษณ์จะมีข้อได้เปรียบในด้านการอนุมาน ตัวหลัวซิวก็ไม่สามารถเพ็ญตนพร้อมกันได้หลาย ๆ ด้าน ไม่มีทางเก่งรอบด้าน

ปัจจุบันเขานำพละกำลังจิตใจเพ่งเล็งไปที่การปรับให้วิถีไร้ลักษณ์สมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้น รวมไปถึงเรื่องการยกระดับผลการฝึกตนของตัวเอง ตลอดช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้ เขาไม่มีเวลาไปฝึกด้านวิญญาณอมตะโดยเฉพาะเลย 

แต่การปรากฏของกรองแก้วจิตนภากลับเป็นการย้ำเตือนหลัวซิว วิถีไร้ลักษณ์รองรับได้ทุกอย่าง วิวัฒนาการทุกสรรพสิ่ง บางทีเขาก็ควรพึ่งพิงวิถีไร้ลักษณ์ แล้วอนุมานริเริ่มวิญญาณอมตะวิชาหนึ่งได้แล้ว

กรองแก้วจิตนภาถูกหลัวซิวซื้อไปด้วยกรองแก้วโลหิตสามล้านก้อน เขาแทบจะใช้จ่ายกรองแก้วโลหิตดั้งเดิมเกือบสิบล้านก้อนในทีเดียว จึงทำให้ลิ่งฮู๋จื่อเซวียนที่นั่งอยู่ข้างกายเขามองดูจนอึ้งทึ่งไปเลย  

“ข้าว่านะสหายหลัว นี่เจ้าทำเรื่องโหดเหี้ยมทารุณไร้ซึ่งมนุษยธรรมมาหรือเนี่ย? เจ้าไปเอากรองแก้วโลหิตที่มากมายเช่นนี้มาจากที่ใด?”ลิ่งฮู๋จื่อเซวียนอดไม่ได้ที่จะถาม 

แม้นเขาจะกำเนิดจากตระกูลลิ่งฮู๋ แต่จำนวนกรองแก้วโลหิตที่มีติดตัวก็มีไม่ถึงสิบล้านก้อน อย่างไรเสียกรองแก้วโลหิตก็เป็นทรัพยากรที่มีระดับสูงที่สุดในหินแก้วดั้งเดิม ซึ่งเป็นรองเพียงหินบรรพไท่ชูเท่านั้น 

มาตรแม้นว่าราชาเทพระดับเก้าส่วนมากจะได้รับกรองแก้วโลหิตดั้งเดิมมาเป็นจำนวนมาก ก็ไม่มีทางใช้จ่ายง่ายดายเช่นนี้ เนื่องจากหากพวกเขาต้องการยกระดับผลการฝึกตนของตนเอง ก็จำเป็นต้องมีทรัพยากรเช่นกัน ซึ่งไม่มีทางนำทรัพยากรทั้งหมดไปซื้อสมบัติได้แน่นอน 

“ข้าใช้หินบรรพไท่ชูแลกมาน่ะ”หลัวซิวยิ้มอ่อนพลางตอบกลับ 

“หินบรรพไท่ชู?”เมื่อลิ่งฮู๋จื่อเซวียนได้ยินคำตอบนี้ ก็ยิ่งซี๊ดปากอย่างควบคุมไม่ได้ “ไม่ว่าอย่างไรเจ้าก็เป็นผู้แข็งแกร่งผู้สูงส่งกลับชาติมาเกิด นี่เจ้าไม่ทราบมูลค่าที่แท้จริงของหินบรรพไท่ชูจริง ๆ หรือ?”

ก็ไม่แปลกหรอกที่ลิ่งฮู๋จื่อเซวียนจะตื่นเต้นขนาดนี้ อย่างไรเสียทรัพยากรอย่างหินบรรพไท่ชูเป็นสิ่งที่มีน้อยและหายากมาก ๆ จอมยุทธ์ที่มีโอกาสบรรลุสู่แดนผู้สูงส่งในอนาคต ขอแค่ได้รับหินบรรพไท่ชูมา ต่างก็จะเก็บสะสมเอาไว้กันทั้งนั้น เพื่อที่ว่าอนาคตหลังจากตนบรรลุถึงมหาจักรพรรดิยุทธ์ระดับเก้าแล้ว จะได้นำมันมาใช้เพื่อบรรลุสู่แดนผู้สูงส่ง 

ต่อให้อยู่ในแดนก่อนมหาจักรพรรดิยุทธ์ระดับเก้า ชี่บรรพไท่ชูที่แฝงซ่อนอยู่ในหินบรรพไท่ชูก็เป็นพลังที่มีระดับขั้นสูงมาก เมื่อการยกระดับของจอมยุทธ์ประสบพบเจอกับพันธนาการจุดตีบตัน หากสามารถดูดซับชี่บรรพไท่ชูมาฝึกตน อัตราการบรรลุสำเร็จก็จะเพิ่มสูงขึ้น 

ดังนั้นจึงแทบจะไม่มีคนนำหินบรรพไท่ชูไปแลกกับกรองแก้วโลหิต เนื่องจากทั้งสองสิ่งนี้ไม่ใช้ทรัพยากรที่อยู่ในระดับเดียวกันด้วยซ้ำ อยู่คนละระดับกันโดยสิ้นเชิงเลย

ยกตัวอย่างเช่นการใช้หินบรรพไท่ชูไปแลกกับกรองแก้วโลหิตนั้น มันก็ไม่ต่างอะไรจากการนำทองไปแลกกับเศษเหล็ก 

“ในเมื่อเจ้าทราบความเป็นมาของข้า เจ้ายังต้องมาบอกหลักการเหล่านี้กับข้าอยู่อีกหรือ?”หลัวซิวยังคงยิ้มอ่อนอยู่เช่นเคย “เจ้าทราบหรือไม่ว่าจากมหาจักรพรรดิยุทธ์ระดับเก้าบรรลุสู่แดนผู้สูงส่งนั้น ต้องใช้หินบรรพไท่ชูมากเท่าไหร่? หากเป็นเจ้าละก็ ใช้ประมาณหลักร้อยก้อนก็น่าจะบรรลุได้แล้ว ทว่าหากเปลี่ยนเป็นข้าละก็ แม้นหลักหมื่นก้อนก็ใช่ว่าจะเพียงพอเสมอไป หินบรรพไท่ชูก้อนหนึ่งไม่มีประโยชน์อะไรต่อข้า ดังนั้นการนำไปแลกกับกรองแก้วโลหิตดั้งเดิม แล้วซื้อทรัพยากรสมบัติที่เหมาะสมกับแดน ณ ปัจจุบันของข้า ถึงจะเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องที่สุดต่างหาก”

เมื่อได้ยินคำตอบดังกล่าว ลิ่งฮู๋จื่อเซวียนก็เบ้ปาก เขารู้สึกว่าที่หลัวซิวพูดมาก็มีเหตุผลเหมือนกัน จนถึงขั้นตอบโต้อะไรไม่ได้

สหการค้ายังคงดำเนินการต่อไปเรื่อย ๆ มีสมบัติอีกมากมายปรากฏอย่างต่อเนื่อง หลัวซิวก็นั่งนิ่งเฉยมาโดยตลอดเช่นกัน ส่วนลิ่งฮู๋จื่อเซวียนก็ประมูลไปหลายครั้งอยู่

หลังจากสหการค้าดำเนินการไปได้ครึ่งทาง ก็มีผู้อาวุโสที่อยู่ในชุดคลุมยาวขาวคนหนึ่งปรากฏบนเวทีหินทรงกลม บนใบหน้าเขามีแสงสีขาวที่ขมุกขมัวเป็นประกาย ทำให้ผู้คนมองเห็นใบหน้าเขาไม่ชัด ตัวสำนึกก็ไม่สามารถสัมผัสพลังออร่าของเขาได้เช่นกัน 

“สิ่งที่ข้าจะนำมาค้าขายคือพลังอมตะวิชาหนึ่ง……”

เสียงของผู้อาวุโสชุดคลุมยาวขาวต่ำทุ้มแหบแห้ง ให้ความรู้สึกเหมือนผ่านโลกมาอย่างโชกโชน เมื่อหลัวซิวได้ยินว่าคือพลังอมตะวิชาหนึ่ง เขาก็หมดอารมณ์ทันที เนื่องจากตัวเขาเองได้ริเริ่มพลังอมตะหลายประเภทที่มีพลานุภาพไร้ขอบเขต จึงไม่จำเป็นต้องตระหนักรู้พลังอมตะอื่น ๆ ด้วยซ้ำ นอกเสียจากเป็นพลังอมตะระดับประมุขเต๋า บางทีเขาอาจจะสามารถเรียนรู้อะไรจากภายในได้บ้าง 

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มหายุทธ์ สะท้านภพ