มหายุทธ์ สะท้านภพ นิยาย บท 279

พรึ่บ!

ฝ่าเท้าของหลัวซิวสั่นสะเทือนบนพื้น ดีดตัวขึ้นไปบนฟ้า หลบการจู่โจมของกรงเล็บแหลมคมได้อย่างง่ายดาย

หลงหมิงก็พุ่งขึ้นไปบนอากาศในโพรง ร่างมังกรสีเงินยาวกว่า 33 เมตร เลื้อยวนออกมา ยิ้มร้ายกาจ “คิดว่าตัวเองเป็นจักรพรรดิอสูรสิงห์ทิพย์ในสมัยโบราณเหรอ แค่สัตว์ขั้น 4 ในระดับสูงสุดเท่านั้น ท่านชายหลงอย่างฉันไม่กลัวแกหรอก!”

เสียงระเบิดดังสนั่น กรงเล็บอันแข็งแกร่งโจมตีไปบนกำแพงหิน หินแตกกระจายออกมา รอยร้าวขนาดใหญ่ แผ่กระจายออกไป 20 กว่าเมตร เกิดความสั่นสะเทือนไปทั้งโพรง

“ลงมือ!”

หลัวซิวแผดเสียงออกมา เอากระบี่อาถรรพ์ฟันเสือด้านหลังออกมา นี่เป็นครั้งแรกที่กระบี่ที่เพิ่งหลอมเสร็จ ได้ออกรบ!

เขาก้าวออกมา ฝีเท้าลอยเหนือพื้น ร่างของเขาไปอยู่เหนือหัวสิงห์ทิพย์อัคคีอร่ามทันที

อัคคีที่พลุ่งพล่านออกมาจากตัวสิงห์ทิพย์อัคคีอร่าม ระยะที่ใกล้ขนาดนี้ เหมือนร่างกายจะถูกแผดเผาเป็นเถ้า ตัวของหลัวซิวแดงไปทั้งตัว ถึงร่างเนื้อจะถึงร่างยุทธ์สูงสุด ขั้นสุดยอดแล้ว ก็รู้สึกทรมานมาก

“ตายซะเถอะ!”

เพลิงมรณะรวมตัว กระบี่อาถรรพ์ฟันเสือในมือ ฟาดฟันลงไปอย่างดุดัน จุดที่ความคมของกระบี่พาดผ่านไป เกิดเสียงระเบิดในอากาศ กระบี่เหมือนสายฟ้าสีดำ ดุดันแกร่งกล้าไร้เทียมทาน

พรึ่บ!

กระบี่นี้ หลัวซิวใช้แรงทั้งหมด เพลิงมรณะบวกกับพลังร่างเนื้อขั้นสูงสุด ทำให้เกราะเกร็ดที่อยู่บนหัวสิงห์ทิพย์อัคคีอร่ามแตกออก เลือดที่เหมือนอัคคีทะลักออกมา

“แฮ่! โฮก!……”

สิงห์ทิพย์อัคคีอร่ามได้รับความเจ็บปวด คำรามด้วยความโมโหอย่างบ้าคลั่ง ดวงตาทั้งสี่ดวงจ้องหลัวซิวเขม็ง มีอัคคีสีทองพุ่งออกมาสี่แสง

อัคคีที่มีสีทองอร่าม เป็นชีวีอัคคีอสูรที่สิงห์ทิพย์อัคคีอร่ามฝึกตน จากปริมาณที่กัดกินอัคคีอย่างต่อเนื่อง พลังที่ยกระดับชีวีอัคคีอสูร เป็นวิธีที่แข็งแกร่งที่สุดของเผ่าพันธุ์สิงห์ทิพย์อัคคีอร่าม

ถ้าสามารถเอาภูตอัคคีฟ้าดินกัดเซาะหลอมรวมกับชีวีอัคคีอสูร น่าจะมีโอกาสเป็นหนึ่งในคนที่แข็งแกร่งสุดในปฐพี

“พลังแปรเสวียนเทียน เพลิงมรณะ!”

หลัวซิวหมุนวิชาลับพลังแปรเสวียนเทียน เพลิงมรณะที่แผดเผาระหว่างฝ่ามือและนิ้ว มีพลานุภาพเพิ่มขึ้นทันที กลายเป็นฝ่ามือเปลวไฟดำขนาดใหญ่ พุ่งไปคว้าอัคคีสีทองอร่ามสี่แสงนั้น

ทั้งหมดเกิดขึ้นภายในระยะเวลาสั้นๆ หลงหมิงก็บินเข้ามา อ้าปากพ่น พลังการกดดันขนาดใหญ่ ทำให้ตัวของสิงห์ทิพย์อัคคีอร่ามกระเด็นออกไป เหมือนลูกกระสุน กระแทกลงบนกำแพงหินในโพรงอย่างแรง

“แควกแควกแควก......”

อัคคีอสูรทองกับเพลิงมรณะ กัดกินกันและกันอย่างต่อเนื่อง สิ่งที่ทำให้หลัวซิวแปลกใจก็คือ เพลิงมรณะของตัวเอง เหมือนจะไม่สามารถต้านทานอัคคีอสูรทองได้

ปรากฏการณ์นี้เกิดขึ้นเป็นครั้งแรก เมื่อก่อน หลัวซิวใช้เพลิงมรณะ ล้วนไม่เคยพ่ายแพ้ ไม่เคยมีอุปสรรค เห็นได้ชัดว่าสิงห์ทิพย์อัคคีอร่าม ที่ได้ฉายาว่าตัวประหลาดโบราณ ฝีมือต้องไม่ธรรมดาแน่นอน

สูญเสียพลังจิตแท้ในร่างกายไปเกือบครึ่ง หลัวซิวจึงขจัดอัคคีอสูรทองทั้งสี่แสงได้ ทว่าขณะนั้นสิงห์ทิพย์อัคคีอร่ามกับหลงหมิงก็ต่อสู้กันขึ้นมา

“ถ้าไม่มีหลงหมิง มีแค่ฉันเพียงคนเดียว ไม่ใช้ไพ่ไม้ตายต่างๆ คงสู้สิงห์ทิพย์อัคคีอร่ามไม่ได้” หลัวซิวพูดในใจ

การโจมตีของหลงหมิง ส่วนใหญ่ใช้พลังควบคุมเวลา เช่นการเคลื่อนย้ายมวลสาร ในขอบเขตเล็กๆ แทบจะสามารถหลบการโจมตีจำนวนมากได้ ทำให้คู่ต่อสู้ทำอะไรไม่ถูก

อีกทั้งยังมีพลังการโจมตีโซนอลหม่าน โซนทอร์นาโดก็แข็งแกร่งไร้เทียมทาน ทำให้สิงห์ทิพย์อัคคีอร่ามได้รับความเจ็บปวดอย่างต่อเนื่อง

แต่ผลการฝึกตนของหลงหมิง ต่ำกว่าสิงห์ทิพย์อัคคีอร่ามเล็กน้อย ตัวประหลาดโบราณสองตัวสู้กัน ได้รับบาดเจ็บทั้งสองฝ่าย เรียกได้ว่าเป็นสถานการณ์ที่สูสี

หลัวซิวพลิกฝ่ามือ เอาธงขลังสรรพสิ่งที่ได้จากแดนปริศนาออกมา

ธงขลังผืนนี้ ถูกเขาสลักค่ายกลเอาไว้สี่ประเภท แบ่งเป็นค่ายยากเย็น ค่ายคุ้มกัน ค่ายสังหารและค่ายเสวียน

ใช้การไหลของพลังจิตแท้ ปลุกเสกตัวสำนึก ธงขลังสรรพสิ่งสั่นอยู่ในมือ ลำแสงที่ก่อตัวจากลายเส้นสัญลักษณ์ของค่ายกล ส่องไปรอบๆ เรียงตัวเป็นค่ายกลอย่างรวดเร็ว ล็อกเขตพื้นที่นี้เอาไว้

ค่ายกลที่หลัวซิววาง เป็นค่ายกลสังหารยากเย็น ที่หลอมรวมระหว่างค่ายยากเย็นกับค่ายสังหาร

แสงค่ายที่แฝงไปด้วยออร่าแห่งความตาย ก่อตัวเป็นมังกรดำ อยู่กับหลงหมิง โจมตีสิงห์ทิพย์อัคคีอร่ามอย่างบ้าคลั่งขึ้นอีก

“โซนคุมขัง!”

พลังควบคุมเวลาแผ่ซ่านออกมา ล็อกพื้นที่บริเวณตัวสิงห์ทิพย์อัคคีอร่ามเอาไว้ มันชะงักแข็งเหมือนน้ำแข็ง

สิงห์ทิพย์อัคคีอร่าม คำรามอย่างโมโหไม่หยุด ถึงแม้ใช้กำลังหลุดจากพันธนาการของโซนคุมขังได้ แต่การขยับตัวก็ยังได้รับผลผลกระทบ หยุกชะงักอยู่ครู่หนึ่ง

แสงค่ายสังหารรวมตัวเป็นมังกรดำ ใช้โอกาสพุ่งออกไป ง้างกรงเล็บตะครุบ เกราะเกล็ดแตกกระจายรวมกับเลือด สาดกระจายไปทั่ว ทำให้กลางอากาศในโพรงแห่งนี้ มีเสียงร้องโอดครวญอย่างเจ็บปวดดังก้อง

หลังผ่านไปครู่หนึ่ง สิงห์ทิพย์อัคคีอร่าม เนื้อตัวเต็มไปด้วยเลือด อัคคีที่แผดเผาอยู่รอบๆ ก็ใกล้จะดับมอด หายใจรวยริน

หลัวซิวลอยตัวเหนือพื้นเข้ามา ใช้นิ้วแตะกลางอากาศ กดลงบนหน้าผากของสิงห์ทิพย์อัคคีอร่าม พลังตัวสำนึกทะลุเข้าไปในตัวหยั่งรู้ของมัน ส่งวิชาสยบวิญญาณเข้าไป

เมื่อมีการควบคุมของวิชาสยบวิญญาณ ตัวสำนึกของหลัวซิว สามารถตรวจสอบความทรงจำ ในตัวหยั่งรู้ของมัน เพื่อหาที่อยู่ของภูตอัคคีฟ้าดิน

ถึงหลงหมิงก็โดนเขาใช้วิชาสยบวิญญาณเอาไว้ แต่หลัวซิวไม่กล้าตรวจสอบความทรงจำในตัวหยั่งรู้ ของมังกรไร้ร่างตัวนี้ง่ายๆ เพราะมันมีชีวิตมาจากสมัยโบราณ ไม่แน่อาจมีไพ่ไม้ตายอะไรบางอย่าง ค่อยรอให้มันตรวจความทรงจำของเขา แล้วค่อยถือโอกาสโจมตีกลับ

“ภูตอัคคีอยู่ใต้ทะเลอัคคีแห่งนี้เหรอ”

เมื่ออ่านความทรงจำของสิงห์ทิพย์อัคคีอร่าม หลัวซิวรู้ที่อยู่ของภูตอัคคีแล้ว อยู่ตรงกลาง ส่วนลึกในทะเลอัคคีแห่งนี้

พื้นที่โพรงนี้ เพราะเป็นค่ายกลที่สร้างจากธรรมชาติ ที่แห่งนี้จึงมีพลังธาตุไฟก่อตัวอย่างแข็งแกร่ง ถึงกระทั่งที่สามารถรวมตัวเป็นของเหลวได้ จึงทำให้เป็นภาพเหมือนทะเลสาบ

ได้รับผลกระทบจากพลังจิตธาตุไฟอย่างรุนแรง หลัวซิวใช้พลังรับรู้แห่งชีวิต ที่ได้จากลูกแก้วความเป็นตาย ก็ไม่สามารถรู้ได้ชัดเจนว่า ลึกลงไปในทะเลอัคคีแห่งนี้ ยังมีอสูรจิตตัวอื่นๆ หรือเปล่า

ในความทรงจำของสิงห์ทิพย์อัคคีอร่าม มันรับรู้พลังจิตธาตุไฟได้รวดเร็วมาก มันสัมผัสได้ถึงพลังจิตธาตุไฟที่นี่ จึงมาตามหา แล้วพบภูตอัคคี แต่ไม่สามารถกัดกินได้ ภูตอัคคีบินเข้าไปในส่วนลึกของทะเลอัคคี ซ่อนตัวไม่ออกมา

ภูตอัคคี เป็นจิตที่เกิดจากการก่อตัวของพลังจิตธาตุไฟ ผ่านกาลเวลามาหลายปี มีสติมีความคิด สามารถไปไหนมาไหนได้ หลบซ่อนตัวได้ ดังนั้นจึงทำให้ตามหาได้ยาก

“โฮก!”

สิงห์ทิพย์อัคคีอร่ามยกกรงเล็บข้างหนึ่ง ชี้ไปยังตรงกลาง ข้างใต้ทะเลอัคคี สนทนากับหลัวซิว ผ่านสยบวิญญาณ ส่งความคิดมาว่า “นายท่าน ภูตอัคคีอยู่ด้านล่างตำแหน่งนี้”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มหายุทธ์ สะท้านภพ