นักยุทธ์ที่อยู่ในระดับเดียวกัน ถ้าแบ่งตามเกณฑ์การหลอมอาวุธ ก็มีข้อแตกต่างสูงต่ำทางด้านคุณภาพ
แต่ความแตกต่างนั้น เป็นความแตกต่างที่ละเอียดอ่อนมาก เว้นแต่เป็นคนระดับปรมาจารย์หลอมอาวุธ คนทั่วไปไม่มีทางดูออก
ปรมาจารย์หลอมอาวุธยิ่งระดับสูง ยิ่งมีชื่อเสียง นักยุทธ์ระดับเดียวกัน ที่หลอมออกมา ก็ยิ่งมีคุณภาพสูง นี่เป็นเหตุให้นักยุทธ์จำนวนมาก หาปรมาจารย์หลอมอาวุธที่มีชื่อเสียง
อาจารย์จุนหลู่ไม่ได้มีอะไรที่มีชื่อเสียงออกมา อยู่อย่างลึกลับ แต่ระดับการหลอมอาวุธสูงส่งมาก คุณภาพของกระบี่อาถรรพ์ฟันเสือเล่มนี้ ในบรรดาขั้นดินล่าง เรียกได้ว่ามีคุณภาพสูง
วัตถุดิบของเสือสองหัวเขมือบลึก หลัวซิวใช้โอกาสนี้จัดแจงมัน เอายาอสูรให้อาจารย์จุนหลู่ เป็นค่าตอบแทนเพิ่มเติม อาจารย์จุนหลู่ ลงมือผลิตหนังเสือเป็นเกราะหนังสามชุดด้วยตัวเอง
หลัวซิวเอาเกราะหนังเสือดำมาหนึ่งชุด ให้หลินเจียเอ๋อร์หนึ่งชุด เพราะถ้าไม่มีการแนะนำจากเธอ หลัวซิวคงไม่มีทางเจออาจารย์จุนหลู่ มาหลอมนักยุทธ์ให้ตัวเองได้ ส่วนชุดสุดท้าย อาจารย์จุนหลู่เก็บเอาไว้เป็นของสะสม
สวมเกราะหนังเสือดำเอาไว้ใต้ชุดคลุมยาวดำ แบกกระบี่อาถรรพ์ฟันเสือเล่มยาวใหญ่ไว้ด้านหลัง หลัวซิวก้าวออกจากเมืองร้าง ไปตามหาร่องรอยของภูตอัคคีต่อ
......
หลังผ่านไปอีกครึ่งเดือน หลัวซิวมาถึงตำแหน่งภูตอัคคี ที่ทำเครื่องหมายเอาไว้ แต่กลับไม่รับรู้ถึงลมปราณ Attrไฟสักนิด
บริเวณมุมเนินทราย ที่เป็นจุดไม่ค่อยน่าสนใจ หลัวซิวเห็นโพรงสีดำขลับโพรงหนึ่ง ขนาดประมาณกำปั้นเท่านั้น ถึงคนทั่วไปสังเกตเห็น ก็ไม่คิดว่ามีอะไร
“ที่ลับตาขนาดนี้ คงยังไม่มีใครเจอสินะ”
ระหว่างที่คิด หลัวซิวง้างมือไปตบ พลังจิตแท้ระเบิดออกมา ทำให้หินดินรอบๆ แตกออก โพรงที่ไม่น่าสนใจ เปิดกว้างออกเป็นหลายเท่า จนสามารถก้มลงไปได้
ก่อนลงไปในโพรง หลัวซิวสะบัดมือวางค่ายกลซ่อนงำ เมื่อเป็นเช่นนี้ ถ้าไม่ใช่ปรมาจารย์ค่ายกลขั้น4 ก็ไม่มีทางมองเห็นแม้แต่โพรงดำขนาดเท่ากำปั้นก่อนหน้านี้
ในโพรงมืดสนิท ไม่มีใครรู้ว่าด้านในมีอันตรายอะไรบ้าง หลัวซิวรวมพลังจิตแท้ไว้ที่ตาทั้งสองข้าง ผ่านไปครู่หนึ่ง จึงปรับตัวกับความมืดได้ ตัวสำนึกสังเกตความเคลื่อนไหวบริเวณรอบๆ
ระหว่างที่ค้นหาลึกลงไปอย่างระมัดระวัง ขณะเดียวกันหลัวซิวสังเกตสถานการณ์ในโพรงนี้อย่างละเอียด พบว่าโพรงแห่งนี้ไม่ได้ขุดโดยมนุษย์ ไม่มีร่องรอยขวานหรือสิ่วแม้แต่น้อย
แต่ถ้าสร้างจากธรรมชาติ ก็ไม่น่าจะใช่
“เหมือนกับ เหมือนกับช่องไฟที่เผาดินหินละลาย” ใช้มือวางลงบนกำแพงหินในโพรง ไม่มีความรู้สึกร้อนระอุ หรือเมื่อก่อนมี แต่หลังจากผ่านกาลเวลามาเนิ่นนาน ส่วนใหญ่จึงสลายหายไปแล้ว
หลัวซิวสามารถควบคุมอัคคีไฟได้ ถ้าพูดกันด้านความหมายบางอย่าง ถึงเป็นการฝึกตนธาตุไฟ มีสัมผัสในการรับรู้ออร่าอัคคีได้อย่างรวดเร็ว แต่ในนี้ กลับสัมผัสอะไรไม่ได้สักนิด
ไม่รู้ผ่านไปนานขนาดไหน ทางเดินในโพรงที่มืดสนิท มีความยาวแค่ไหน ราวกับว่ามันไม่มีปลายทาง
ในที่สุดแววตาของหลัวซิวเป็นประกาย รู้สึกถึงเศษของออร่าอัคคีที่หลงเหลืออยู่เล็กน้อย ถึงความรู้สึกนี้จะน้อยนิด แต่ก็ทำให้เขารู้สึกดีใจ
ในเมื่อมีออร่าอัคคี งั้นแสดงว่าที่นี่อาจมีภูตอัคคีฟ้าดินอยู่จริง!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มหายุทธ์ สะท้านภพ
มึงๆ กูๆ เชี้ยไรเยอะแยะวะ นิยายจีนนะโว้ย อ่านเจอแล้วสดุดเสียรมตลอด...
แปลต่อทีค่า รออ่านอยู่นะคะ🥺🥺...
มีต่อไหมครับ...
รออยู่นะครับ...
เรื่องเก่าอัพเดตบ้าง ไม่ใช่ลงแต่เรื่องใหม่...
เมื่อไรจะลงซักที...
เค้ายังแปลอยู่ไหมครับ...
ไม่ลงให้อ่านซักที...
รออานยุ...
รอต่อไปครับ...