มหายุทธ์ สะท้านภพ นิยาย บท 2800

ตั้งแต่ยุคไท่ชูเป็นต้นมา หอคอยนภากาศก็มี 12 ชั้นมาโดยตลอด 

ตั้งแต่ยุคไท่ชูจวบจนปัจจุบัน หลัวซิวและลู่ยู่จื่อจักกลายเป็นคนแรกที่ย่างกรายสู่ชั้นที่ 13 ของหอคอยนภากาศ

สำหรับหอคอยนภากาศ หลัวซิวเข้าใจดีมากว่าตนรู้ดีไม่เท่าลู่ยู่จื่อ ดังนั้นเขาก็ไม่ได้เป็นคนแรกที่เข้าไปเช่นกัน แต่เป็นการมองดูเงาร่างของลู่ยู่จื่อหายเข้าไปในทางเหนือนภา จากนั้นเขาถึงจะเดินตามเข้าไป 

แหงนหน้ามองขึ้นไป ปริภูมิฟ้าดินในชั้น 13 มีตรีภพที่เก่าแก่เชี่ยวกราก และมีอากาศที่คลุกเคล้าและสิ่งธรรมชาติต่าง ๆ ปรากฏอย่างต่อเนื่อง 

มีเงาดำร่างหนึ่งหายไปจากตำแหน่งที่อยู่ห่างไกลออกไปอย่างรวดเร็ว นั่นคือเงาหลังของลู่ยู่จื่อ เขามาถึงชั้น 13 ของหอคอยนภากาศก่อนหลัวซิวหนึ่งก้าว อีกทั้งหลังจากที่เขาเข้ามาแล้ว ก็หายจากไปไกลภายในพริบตา เห็นได้ชัดเจนเลยว่าสาเหตุที่เขาทุ่มเทพลังจิตมาที่นี่นั้น เขามาเพื่อบรรลุเป้าหมายบางอย่าง 

หลัวซิวไม่ได้ไล่ตามลู่ยู่จื่อไป แต่เป็นการเลือกที่จะบินไปยังอีกทิศทางหนึ่ง

หลังจากผ่านไปพักหนึ่ง จู่ ๆ เขาก็มองเห็นคูเมืองที่ใหญ่โตมโหฬารแห่งหนึ่ง ภายในคูเมืองดังกล่าวมีชี่มรณะที่พุ่งทะยานขึ้นฟ้าม้วนซัดปะทุ ญาณมรณะแข็งแกร่งที่นับไม่ถ้วนรวมกันอยู่ในเมือง ดวงตาสีแดงเถือกทั้งหลายเพ่งมองไปทางหลัวซิว

“เมืองคงกระพัน!”

ด้านบนคูเมืองแห่งนี้มีธงแห่งชัยชนะโบกสะบัด ด้านบนมีคำว่า‘เมืองคงกระพัน’สีแดงเถือกตัวใหญ่ ๆ เขียนติดอยู่ 

“ผู้ใดบังอาจบุกรุกเข้ามาในสถานนอนหลับใหลของบรรพศักดิ์สิทธิ์ จับกุมตัวมันมา!”

มีญาณมรณะตัวหนึ่งที่ร่างกายสูงใหญ่เอ่ยปากพูดด้วยน้ำเสียงที่แหบแห้ง ถัดจากนั้นก็มีรชนีปีศาจมรณาทั้งหลายที่มีชี่มรณะแฝงซ่อนอยู่ยิงออกมาจากเมืองคงกระพัน ครอบคลุมพื้นที่ขนาดใหญ่แล้วม้วนซัดไปทางหลัวซิว 

“ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม! ……”

หลัวซิวเรียกเตากลั่นนภาจื่อเซียวออกมา รชนีปีศาจทั้งหลายพุ่งชนเข้ากับเตาเซียน แสงอัคคีที่รุนแรงระเบิดแตก แต่กลับไม่สามารถทำลายเกราะป้องกันของเตาเซียน

และในเวลานี้เอง ก็มีญาณมรณะจำนวนมากคำรามพลางพุ่งออกมาจากเมืองคงกระพัน ญาณมรณะเหล่านี้มีสภาพรูปร่างที่แตกต่างกัน มีทั้งร่างมนุษย์ร่างมารและมีร่างปีศาจด้วย เอกลักษณ์ที่เหมือนกันของญาณมรณะทั้งหมดนี้ก็คือมีชี่มรณะที่เข้มข้นลอยวนเป็นเกลียวอยู่รอบกาย ไม่มีคลื่นออร่าชีวิตเลยแม้แต่น้อย

หลัวซิวเพิ่งมาถึงชั้นที่ 13 ของหอคอยนภากาศ ซึ่งไม่เข้าใจสถานการณ์ของที่นี่เลยด้วยซ้ำ เมื่อเห็นญาณมรณะที่ครอบคลุมพื้นที่ขนาดใหญ่พุ่งฆ่าเข้ามา เขาไม่ได้ถดถอยแต่อย่างใด แต่เป็นการก้าวเท้าเผชิญหน้าเข้าไป 

“โครม!”

เสียงระเบิดที่ดังกระหึ่มดังขึ้น ญาณมรณะตัวหนึ่งที่มีศักยภาพเทียบทัดเทพมารระดับเก้าถูกหลัวซิวใช้กำปั้นหนึ่งโจมตีจนกระเด็นออกไป ชี่มรณะที่ผนึกรวมอยู่บนตัวระเบิดแตกจนเสียงดัง 

ในขณะเดียวกัน ก็มีญาณมรณะอีกนับร้อยตัวปลดปล่อยพลังอมตะต่าง ๆ ออกมา ทว่าศักยภาพของญาณมรณะเหล่านี้ไม่มีตัวใดที่บรรลุถึงราชาเทพระดับเก้าเลย พลังโจมตีของพวกมันก็ไม่สามารถทำอะไรเกราะป้องกันที่แข็งแกร่งของหลัวซิวได้ด้วยซ้ำ 

ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม! ……

ทุกครั้งที่เสียงตู้มดังลั่นขึ้นมาครั้งหนึ่ง ก็จะมีญาณมรณะตัวหนึ่งถูกต่อยจนกระเด็นออกไป มีญาณมรณะบางตัวยิ่งถูกต่อยจนระเบิด ร่างกายแตกสลาย กลายเป็นชี่มรณะครอบคลุมพื้นที่ขนาดใหญ่แล้วสลายหายไปในอนัตตา  

แต่ว่าญาณมรณะที่คำรามพลางพุ่งออกมาจากเมืองคงกระพันมีมากเกินไป เพียงพริบตาเดียวหลัวซิวก็จมหายไปในญาณมรณะ ถึงแม้จะมีญาณมรณะถูกโจมตีจนกระเด็นออกไปอย่างต่อเนื่อง แต่ยังมีญาณมรณะที่มากกว่ากระโจนเข้ามา ทำให้ผนึกพื้นที่รอบกายหลัวซิวจนมิดชิด

“อัคคี!”

เพียงชั่วพริบตาเดียว อัคคีเทพที่ไร้ขอบเขตก็ลุกลามไปทั่วท้องฟ้า มีเปลวไฟลุกโชนออกมาจากเตากลั่นนภาจื่อเซียวเป็นวงกว้าง ทำการแผดเผาอนัตตาโดยรอบนับหมื่นไมล์จนกลายเป็นแดนอัคคีที่ร้อนผ่าว

หลัวซิวยึดกุมวิถีไร้ลักษณ์จนบรรลุถึงระดับของเกณฑ์ราชาเทพระดับเก้าแล้ว ซึ่งนั่นก็หมายความว่าพลังเกณฑ์ธาตุไฟที่เขาปลดปล่อยออกมา ก็บรรลุถึงระดับขั้นที่แทบจะสามารถเทียบทัดพลังโจมตีของราชาเทพระดับเก้าอย่างแน่นอน

มีเพียงผู้ที่อยู่ต่ำกว่าราชาเทพระดับเก้าเท่านั้นถึงจะสามารถเข้ามาในหอคอยนภากาศ และนี่เป็นกฎเกณฑ์ที่ไม่สามารถทำลายได้ ซึ่งญาณมรณะที่อยู่ชั้น 13 ของหอคอยนภากาศก็เป็นเฉกเช่นเดียวกัน ด้วยเหตุนี้ภายในเสี้ยววินาทีที่อาณาจักรเปลวไฟระเบิด ก็มีญาณมรณะจำนวนมากถูกแผดเผาจนกลายเป็นฝุ่นผง 

“ตู้มม!”

มีเงาดำร่างหนึ่งจุติลงมาจากฟ้า เท้าทั้งสองข้างย่ำลงบนกำแพงเมืองเมืองคงกระพัน คูเมืองที่เก่าแก่แห่งนี้จึงสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงครั้งหนึ่ง 

จากการที่วิชากลั่นร่างกลืนเศษณ์ค่อย ๆ พัฒนาขึ้นทุกวัน ร่างเนื้อของหลัวซิวเทียบทัดภัณฑ์ราชาเทพระดับเก้าแล้ว ซึ่งหนักอึ้งจนน่ากลัว ในวันธรรมดาเขาล้วนอยู่ในสภาวะปิดบังศักยภาพ และทันทีที่ระเบิดกำลังรบทั้งหมดออกมา ร่างเนื้อของเขาหนักอึ้งมากจนยิ่งสามารถบดขยี้ดาวเคราะห์ดวงหนึ่ง  

“คูเมืองแห่งนี้ก็เป็นอาวุธเทพของขลังชิ้นหนึ่งที่ไม่ธรรมดาเช่นกัน”

สายตาของหลัวซิวกวาดมองเมืองคงกระพันแห่งนี้ ภายใต้การม้วนซัดของอัคคีเทพ ทำให้ญาณมรณะที่อยู่ที่นี่ล้วนถูกเขาทำลายล้าง และนึกไม่ถึงเลยว่าเมืองคงกระพันแห่งนี้จะสามารถรองรับความหนักร่างเนื้อของเขาได้ด้วย จึงแสดงให้เห็นเลยว่าเป็นของขลังที่ไม่ธรรมดาชิ้นหนึ่ง

ในพื้นที่ชั้น 13 ของหอคอยนภากาศ ออร่าเกณฑ์มรณานิพพานเป็นสิ่งที่บริสุทธิ์ที่สุด เมืองคงกระพันแห่งนี้ก็เป็นสมบัติชิ้นหนึ่งที่มีเกณฑ์ความตายแฝงซ่อนอยู่เช่นกัน อย่างน้อยก็เป็นภัณฑ์มกุฎเทพระดับเก้าชิ้นหนึ่ง

แต่ทว่าจากการที่เวลาล่วงเลยไปอย่างยาวนาน พลานุภาพของเมืองคงกระพันแห่งนี้ลดฮวบ แทบจะร่วงหล่นลงมาเป็นภัณฑ์ราชาเทพระดับเก้าแล้ว 

“วิชากลั่นร่างกลืนเศษณ์!”

หลัวซิวยกมือทั้งสองข้างขึ้นมาประสานอินกลางหน้าอก จู่ ๆ ตรงจุดศูนย์กลางที่เขายืนอยู่ก็กลายเป็นระลอกคลื่นลูกหนึ่ง ก่อนจะทำการดูดกลืนดูดซับพละกำลังที่แฝงซ่อนอยู่ในเมืองคงกระพันแห่งนี้อย่างต่อเนื่อง 

ร่างเนื้อของเขาบรรลุถึงราชาเทพระดับเก้าขั้นสูงตั้งนานแล้ว หลังจากพละกำลังในเมืองคงกระพันแห่งนี้ถูกเขาดูดซับกลั่นแปรโดยสิ้นเชิงแล้ว ร่างเนื้อเขาก็ยังไม่สามารถทลายพันธนาการได้อยู่เช่นเคย ไม่สามารถก้าวเข้าสู่ร่างมกุฎเทพระดับเก้า

เมืองคงกระพันกลายเป็นฝุ่นผง ในขณะที่หลัวซิวกำลังจะออกเดินทางไปสำรวจสถานที่อื่น ๆ ต่ออยู่นั้น จู่ ๆ เขาก็พบว่ามีเมฆครึ้มกลิ้งไหลอยู่กลางนภาที่อยู่ห่างไกลออกไป ชี่มรณะมโหฬารพันลึกดั่งมังกร 

มีเงาร่างนับร้อยเป็นประกายระยิบระยับอยู่ในชี่มรณะที่มโหฬารพันลึก ซึ่งเงาดำทุกร่างล้วนนั่งควบอยู่บนมารร้ายมรณะตัวหนึ่ง มีพลังออร่าที่ทรงพลังตลบฟุ้งอยู่รอบกาย 

ในระหว่างที่พูดอยู่นั้น หลัวซิวก็พุ่งตรงไปทางญาณมรณะเทพมารระดับเก้าขั้นสูงนับร้อยตัวนั่นโดยตรง 

แม้แต่ตัวลู่ยู่จื่อเองก็ตกใจในพฤติกรรมดังกล่าวของหลัวซิวจนสะดุ้งเช่นกัน หากพุ่งเข้าไปอย่างบุ่มบ่ามเช่นนี้ละก็ ทันทีที่ถูกญาณมรณะนับร้อยตัวกักขัง ก็แทบจะไม่มีโอกาสหนีรอดออกมาได้เลย 

แต่ลู่ยู่จื่อเบื่อที่จะไปสนใจความเป็นความตายของหลัวซิว ในเมื่อมีคนช่วยตนรั้งท้าย เขาจึงรีบกระตุ้นความเร็วให้รวดเร็วถึงขีดสุดแล้วบินหนีไปด้านหน้า ขอแค่บินหนีออกไปจากขอบเขตที่แน่นอนแล้ว ก็จะสามารถหลุดพ้นจากการผนึกของปริภูมิ เมื่อเป็นเช่นนั้น เขาก็จะสามารถโคจรพลังอมตะปริภูมิเพื่อเคลื่อนไหวไปมาได้อย่างง่ายดาย 

“ตราสรรพสิทธิ์!”

หลัวซิวกางแขนทั้งสองข้างออก เพียงพริบตาเดียวก็มีวิถีนับหมื่นพรั่งพรูออกมา มีพลังอมตะต่าง ๆ ที่ลึกลับและมหัศจรรย์ถึงขีดสุดถูกปลดปล่อยออกมา คำรามปานน้ำหลากแล้วม้วนซัดไปทางญาณมรณะนับร้อย

มีญาณมรณะนับร้อย แต่พลังอมตะที่ถูกกระตุ้นออกมาจากตราสรรพสิทธิ์ของเขากลับมีเป็นหมื่นพลัง อีกทั้งพลานุภาพของทุกพลังอมตะก็แทบจะใกล้เคียงกับพลังโจมตีของผู้แข็งแกร่งราชาเทพระดับเก้าด้วย  

ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม! ……

เสียงระเบิดที่สะเทือนฟ้าสะเทือนดินดังก้องอยู่ในฟ้าดินอนัตตา ภายใต้การโจมตีปราบปรามของตราสรรพสิทธิ์ สภาพของญาณมรณะนับร้อยน่าอนาถ ทว่าพวกมันกลับร่วมมือกันดีมาก ๆ ประกอบเป็นค่ายรบ จึงเสียหายไม่มากนัก

แต่ว่าหลังจากพลังอมตะของตราสรรพสิทธิ์สลายหายไปแล้ว เงาร่างของหลัวซิวก็หายไปเช่นกัน ญาณมรณะนับร้อยเหมือนยืนเหม่อลอยอยู่กลางนภา เข้าสู่สภาวะเฉื่อยชา หลังจากผ่านไปพักหนึ่งถึงจะย้อนกลับไปยังเส้นทางเดิม ไม่รู้ว่าควรไปที่ใดดี

“เจ้าหมอนั่นถูกกำจัดทิ้งแล้วรึ?”

ลู่ยู่จื่อที่บินหนีออกไปไกลมาก ๆ แล้วหยุดเคลื่อนที่ เขาก็ได้ยินเสียงระเบิดลั่นฟ้าที่สะท้อนมาจากด้านหลังเช่นกัน แผ่ขยายตัวสำนึกออกไป เมื่อสังเกตเห็นว่าญาณมรณะนับร้อยย้อนกลับไปยังเส้นทางเดิม แววตาเขาก็ดูหวาดหวั่นขึ้นมากะทันหัน 

ชัวะ!

เสี้ยววินาทีที่ลู่ยู่จื่อหันหน้ากลับไป เขาก็เห็นว่าเงาร่างของหลัวซิวมายืนอยู่ด้านหลังเขาตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้

เมื่อเห็นรอยยิ้มจาง ๆ ตรงมุมปากหลัวซิว จึงทำให้ลู่ยู่จื่อเข้าใจแล้วว่าแม้นเขาเมื่อชาติปางก่อนจะบรรลุถึงแดนผู้แกร่งเลิศ แต่เมื่อเปรียบเทียบกับไท่ซ่างฉิงที่ได้รับสมญานามว่าเป็นหนึ่งเดียวตลอดกาล และพรสวรรค์เป็นหนึ่งแล้ว เขาก็แตกต่างจากฝ่ายตรงข้ามไม่น้อยเลย

หากไม่ใช่เพราะไท่ซ่างฉิงทลายกงล้อวัฏจักรธรรมแล้วดับสลายสูญสิ้นละก็ คนดังกล่าวต้องกลายเป็นผู้แกร่งเลิศได้อย่างแน่นอน และยิ่งมีโอกาสบรรลุถึงแดนประมุขเต๋าด้วย  

เขาอยากถามมาก ๆ ว่าหลัวซิวทำเช่นนี้ได้อย่างไร อย่างไรเสียต่อให้ผลสำเร็จเมื่อชาติปางก่อนจะสูงมากเพียงใด ศักยภาพที่สามารถปลดปล่อยออกมาได้ในภพชาตินี้ก็ถูกจำกัดโดยแดนผลการฝึกตนของตัวเองเช่นกัน ญาณมรณะนับร้อยตัวนั่นเป็นเทพมารระดับเก้าขั้นสูงทุกตัวเลยนะ ยิ่งกว่านั้นคือพลังอำนาจนี้สามารถสังหารราชาเทพระดับเก้าได้แล้ว  

“ผู้เพื่อนยุทธ์ลู่ ข้าคิดว่าเราควรมาพูดคุยกันดี ๆ หน่อยแล้วล่ะ”

ไม่รอให้ลู่ยู่จื่อได้สอบถาม หลัวซิวก็เป็นฝ่ายที่เอ่ยปากพูดก่อนแล้ว เขาเข้าใจดีมาก ๆ ว่าสาเหตุที่ลู่ยู่จื่อลงมือปฏิบัติการทันทีที่เข้าสู่ชั้น 13 ของหอคอยนภากาศนั้น ลู่ยู่จื่อต้องทราบเรื่องราวบางอย่างที่เกี่ยวกับสถานที่แห่งนี้โดยที่ผู้อื่นไม่ทราบแน่นอน

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มหายุทธ์ สะท้านภพ