มหายุทธ์ สะท้านภพ นิยาย บท 2801

เมื่อเผชิญหน้ากับคำถามของหลัวซิว ลู่ยู่จื่อก็ระแวดระวังขึ้นมา ก่อนจะตอบกลับอย่างเย็นชา: “ข้าไม่เข้าใจความหมายของผู้เพื่อนยุทธ์”

“เหตุใดผู้เพื่อนยุทธ์ถึงต้องแสร้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ด้วยเล่า? ทันทีที่เจ้าเข้ามาในชั้น 13 ก็มุ่งไปยังส่วนลึกอย่างอดใจรอไม่ไหวเลย เจ้าคิดว่าข้าเป็นคนโง่หรือ?”หลัวซิวแสยะยิ้มอย่างเยือกเย็นพลางถาม

“ต่อให้เป็นเช่นนี้ นี่ก็ไม่ใช่เหตุผลที่ผู้เพื่อนยุทธ์เจ้าสามารถสงสัยในตัวข้าได้นะ”ลู่ยู่จื่อยังคงปากแข็งมากอยู่เช่นเคย แล้วอธิบายอย่างสุขุมมากว่า: “ตั้งแต่ยุคไท่ชูเป็นต้นมา ชั้นที่ 13 ของหอคอยนภากาศก็ไม่เคยถูกเปิดออกเลย ข้าย่อมต้องอยากไปตามหาโอกาสและสมบัติในส่วนลึกของชั้น 13 อย่างอดใจรอไม่ไหวอยู่แล้ว”

จะว่าไปคำอธิบายนี้ก็ทำให้เขาจับจุดพิรุธไม่ได้เช่นกัน เหมือนดั่งโลกาแดนปริศนาที่ไม่เคยถูกผู้อื่นค้นพบมาก่อน ทันทีที่ค้นพบแล้ว ก็ต้องอยากพุ่งเข้าไปตามหาโชคโอกาสอย่างอดใจรอไม่ไหวอยู่แล้ว 

หากเปลี่ยนเป็นผู้อื่น บางทีหลัวซิวอาจจะเชื่อคำอธิบายนี้ครึ่งหนึ่ง แต่ถ้าเกิดเป็นลู่ยู่จื่อละก็ขฌ หลัวซิวกลับไม่เชื่อเลยแม้แต่น้อย 

“ผู้เพื่อนยุทธ์ลู่ ไม่ว่าอย่างไรชาติปางก่อนเจ้าก็อยู่ในแดนผู้แกร่งเลิศ ทว่าเจ้าที่อยู่ต่อหน้าข้ากลับเสแสร้งไม่จริงใจเช่นนี้ นี่ไม่ใช่ลักษณะท่าทีที่ควรมีขณะเผชิญหน้ากับผู้อาวุโสคนหนึ่งนะ”หลัวซิวพูดกระแทกเสียงต่ำ 

หากพูดถึงภูมิหลังแล้ว หลัวซิวอาวุโสกว่าลู่ยู่จื่อ ชาติปางก่อนครั้นเมื่อเขาเป็นผู้สูงส่ง ลู่ยู่จื่อยังเป็นเพียงมหาจักรพรรดิยุทธ์ระดับเก้า ซึ่งนับเป็นผู้อาวุโสของเขาได้จริง ๆ 

“ก่อนหน้านี้ผู้เพื่อนยุทธ์ก็บอกไปแล้วมิใช่หรือว่าชาติปางก่อนเหมือนดั่งควันที่สลายหายไปแล้ว ภพชาตินี้เจ้าเป็นเพียงหลัวซิว ไม่ใช่ไท่ซ่างฉิงมิใช่หรือ? ไยจึงหยิบยกเรื่องราวในอดีตกลับขึ้นมาใหม่เล่า?”สภาพของลู่ยู่จื่อเหมือนกับหมูที่ตายแล้วไม่กลัวน้ำร้อนลวก

“ดูท่าผู้เพื่อนยุทธ์ลู่ไม่มีความคิดที่จะพูดความจริงแล้วสินะ?”รูม่านตาของหลัวซิวหดลงเล็กน้อย แล้วหรี่ตาลง 

หากเป็นผู้ที่เข้าใจหลัวซิวก็จะทราบว่าทันทีที่เขาแสดงสีหน้าเช่นนี้ โดยส่วนใหญ่ก็เป็นจังหวะที่เขาจะแตกหักกับฝ่ายตรงข้ามแล้ว 

“ข้าพูดความจริงมาโดยตลอดเลย พื้นที่ในชั้น 13 ของหอคอยนภากาศกว้างใหญ่มาก ซึ่งมีโชคโอกาสที่นับไม่ถ้วน ขืนยังไม่ออกไปตามหาอีกละก็ ทันทีที่ถึงระยะเวลาที่กำหนดของหอคอยนภากาศ เจ้าและข้าต่างจะถูกส่งออกไป”

ดูเหมือนลู่ยู่จื่อจะไม่อยากผูกติดอยู่กับคำถามนี้ต่อ ทำท่าทางเหมือนเตรียมพร้อมที่จะจากไป

“ดูท่าข้าคงทำได้เพียงลงมือแล้วล่ะ ถึงจะสามารถทำให้ผู้เพื่อนยุทธ์ลู่พูดความจริงได้!”

หลัวซิวเบื่อที่จะพูดจาไร้สาระต่อแล้ว เงาร่างกระพริบภายในเสี้ยววินาที ก่อนจะปรากฏตรงหน้าลู่ยู่จื่อ

“ตราต้าฮวง!”

ทันทีที่ลงมือ หลัวซิวก็ใช้หนึ่งในพลังอมตะที่ทรงพลังที่สุดของตัวเองโดยตรง มือทั้งสองข้างของเขาประสานอิน แล้วกลายเป็นหอคอยฮวงหนึ่งหลัง มีแสงทองที่พร่างพราวแย้มบาน สยบทุกสรรพสิ่งที่อยู่ตรงหน้า 

“ธรรมเวชกาลร้าง?”

สีหน้าของลู่ยู่จื่อเปลี่ยนแปลงไปเล็กน้อย แล้วพูดอย่างสุขุม: “ใช่ว่าผู้เพื่อนยุทธ์หลัวจะสามารถโค่นล้มข้าได้เสมอไปนะ”

ในระหว่างที่พูดอยู่นั้น มือของลู่ยู่จื่อก็เริ่มประสานอินเช่นกัน เกณฑ์ปริภูมิผนึกรวมกันอยู่ข้างกายเขาอย่างรวดเร็ว แล้ววิวัฒนาการเป็นอาณาจักรหนึ่ง

พื้นที่ปริภูมิที่ว่างเปล่าในตอนแรกผนึกรวมกันอยู่รอบกายเขาจนกลายเป็นแก่นแท้ เหมือนดั่งป้อมปราการที่แข็งแรงอย่างยิ่ง ซึ่งสามารถต้านทานพลังโจมตีทั้งปวงได้ 

“ตู้มม!”

พลังอมตะของทั้งสองคนพุ่งชนเข้าด้วยกันอย่างรุนแรง เสียงปริภูมิที่แตกร้าวดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง ปริภูมิที่เหมือนดั่งแก่นแท้แตกกระเด็น

ตราต้าฮวงของหลัวซิวไม่ได้ทลายเกราะป้องกันปริภูมิของลู่ยู่จื่อแต่อย่างใดจจ ทว่ากลับทำให้ป้อมปราการปริภูมิถูกโจมตีจนเกิดเป็นรอยร้าว เต็มเปี่ยมไปด้วยรอยร้าวที่เหมือนดังใยแมงมุม  

“สังหารเทพ!”

หลัวซิวตวาดเสียงเบา โคจรตัวสำนักวิญญาณ ก่อนจะผันเป็นกระบี่เทพเล่มหนึ่งพร้อมกับเสียงคำราม มองข้ามการขวางกั้นของปริภูมิ เฉือนสับเข้าไปในตัวหยั่งรู้ของลู่ยู่จื่อ

สังหารเทพที่กล่าวถึงนั้น สังหารก็คือการเข่นฆ่า ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของการสังหารปราบปราม ส่วนเทพนั้นเป็นสัญลักษณ์ของช่องจิต ซึ่งเป็นวิญญาณดั้งเดิมของจอมยุทธ์ เพราะฉะนั้นพลังอมตะสังหารเทพ ก็คือพลังอมตะปราบปรามวิญญาณที่หลัวซิวริเริ่มขึ้นมาเพื่อทำลายช่องจิตดั้งเดิมของคู่ต่อสู้โดยเฉพาะ!

พลานุภาพของพลังอมตะนี้เทียบเคียงกับตราสรรพสิทธิ์และตราต้าฮวงไม่ได้ แต่ด้านการโจมตีวิญญาณกลับดุดันอย่างยิ่ง ทำให้คนยากที่จะต้านทาน 

แม้นผลการฝึกตนในภพชาตินี้ของลู่ยู่จื่อจะเป็นเพียงเทพมารระดับแปดขั้นสูง แต่ตัวสำนึกของเขากลับบรรลุถึงเทพมารระดับเก้าขั้นสูง ซึ่งไม่ด้อยกว่าหลัวซิวเลยแม้แต่น้อย 

ในตัวหยั่งรู้ของเขา ตัวสำนึกวิญญาณของทั้งสองคนพุ่งชนเข้าด้วยกันอย่างรุนแรง พลังตัวสำนึกอยู่ในระดับเดียวกัน แต่แค่กระบวนท่าเดียวเท่านั้น ลู่ยู่จื่อก็ถูกกดอัดไปแล้ว 

ตัวสำนึกของหลัวซิวเหมือนดังกระบี่เทพเล่มหนึ่ง ทิ่มแทงไปยังช่องจิตที่แวววาวจับตาปานดวงอาทิตย์ที่อยู่ใจกลางตัวหยั่งรู้ 

“พลังญาณเทว! เจ้าได้รับการถ่ายทอดสืบสานของบรรพศักดิ์สิทธไท่หุนหรือ?”

ลู่ยู่จื่ออุทานออกมาอย่างตะลึง เห็นได้ชัดเจนเลยว่าเขาทราบความเป็นมาของวรยุทธ์กลั่นวิญญาณที่หลัวซิวฝึกอยู่ 

ตั้งแต่โบราณกาลมา รวมไปถึงก่อนยุคสมัยที่เก่าแก่กว่ายุคไท่ชู เคยมีประมุขเต๋าอุบัติขึ้นมาในดาราจักรวาลเยอะมาก ๆ ทว่าตั้งแต่ยุคไท่ชูเป็นต้นมา วรยุทธ์พลังอมตะเก่าแก่ส่วนมากก็ล้วนขาดการสืบสานไปแล้ว สลายหายไปในสายน้ำแห่งกาลเวลา

จวบจนปัจจุบัน นอกเหนือจากคัมภีร์เต๋าที่สวรรค์ทั้ง 12 ริเริ่มแล้ว วรยุทธ์ที่เป็นวรยุทธ์ระดับประมุขเต๋าก็มีเพียงเคล็ดวัฏสงสารเลิศล้ำที่จ้าววัฏสงสารริเริ่มแล้วล่ะ 

แต่ว่าในยุคสมัยที่ไกลโพ้นกว่ายุคไท่ชู เคยมีผู้แข็งแกร่งระดับประมุขเต๋าสามท่านที่มีชื่อเสียงโด่งดังมาก ซึ่งได้แก่ประมุขเต๋าไท่ชิง บรรพศักดิ์สิทธไท่หุนและประมุขเต๋าไท่ยี่!

ประมุขเต๋าทั้งสามท่านนี้ก็ถูกคนรุ่นหลังเรียกขานว่าบรรพศักดิ์สิทธิ์จวินเวยเช่นกัน โดยทั้งสามต่างบรรลุถึงขั้นสูงสุดของวิถีภัณฑ์ วิถียารวมไปถึงวิถีค่าย สามารถพูดได้เลยว่าพวกท่านได้ริเริ่มวิถีใหม่แล้วบรรลุสู่แดนประมุขเต๋าสำเร็จ

ยกตัวอย่างเช่นประมุขเต๋าไท่ชิง ท่านก็ริเริ่มวิถีภัณฑ์ รวมไปถึงวิถีภัณฑ์กลั่นร่าง กลั่นร่างดั่งภัณฑ์ ฝึกชุบร่างเนื้อให้ถึงขีดสูงสุด บรรลุถึงระดับที่เทียบทัดอัญนภาเต๋าโดยอ้างอิงธรรมเวชกาลร้าง 

มีประตูสำนักเต๋าบานหนึ่งปรากฏตรงหน้าหลัวซิว ได้ยินเพียงเสียงตู้มดังลั่นขึ้น อนัตตานับหมื่นไมล์ถูกทลายจนกลายเป็นฝุ่นผง สำนักเต๋าไม่ขยับเลยแม้แต่น้อย ต้านทานหมัดอันดุดันของหลัวซิวเอาไว้ 

“ช่างเป็นร่างเนื้อที่แข็งแกร่งยิ่งนัก!”

จอมยุทธ์คนหนึ่งเชี่ยวชาญวิถีกลั่นวิญญาณและกลั่นร่างพร้อมกันได้ยากมาก ทว่าในด้านนี้หลัวซิวกลับทำถึงขั้นที่แทบจะใกล้เคียงกับคำว่าสมบูรณ์แบบ ไม่ว่าจะเป็นตัวสำนึกวิญญาณ เคล็ดวิชาพลังอมตะ หรือร่างเนื้อร่างเทว ทุกอย่างล้วนแข็งแกร่งถึงระดับขั้นที่น่าสยดสยองอย่างยิ่ง 

ต้องท้าวความก่อนว่าผลการฝึกตน ณ ปัจจุบันของเขาเป็นเพียงแดนเทพมารระดับแปดช่วงปลายเท่านั้น 

“ผู้เพื่อนยุทธ์ยังไม่มีความคิดที่จะอธิบายหน่อยรึ?”

หลัวซิวค่อย ๆ ดึงหมัดกลับมา เขาไม่มีความคิดที่จะแตกหักกับลู่ยู่จื่อโดยสิ้นเชิงแต่อย่างใด อย่างไรเสียการตระหนักรู้ในธรรมเวชเสวียนของลู่ยู่จื่อสูงส่งมาก หากพูดถึงระดับความสูงในการตระหนักรู้เกณฑ์แล้ว เขายังเทียบเคียงกับลู่ยู่จื่อไม่ได้ หากไม่ใช่เพราะภพชาตินี้เขายึดกุมวิถีไร้ลักษณ์ เขารู้ตัวเองดีอยู่ว่าจากแดนในปัจจุบัน เขาไม่มีทางใช่คู่ต่อสู้ของลู่ยู่จื่อแน่นอน 

ที่เขาแสดงศักยภาพของตัวเองออกมานั้น อันที่จริงมันก็เป็นทำนองเดียวกันกับการขู่บังคับเช่นกัน เพื่อให้ลู่ยู่จื่อใช้ดุลพินิจพิจารณาผลได้ผลเสียในเรื่องนี้ 

“ดูท่าเจ้าไม่เพียงได้รับการถ่ายทอดสืบสานของบรรพศักดิ์สิทธไท่หุน แม้แต่การถ่ายทอดสืบสานของบรรพศักดิ์สิทธิ์ไท่ชิงและไท่ยี่ เจ้าก็ล้วนยึดกุมแล้ว ชำนาญจุดเด่นของบรรพศักดิ์สิทธิ์ทั้งสามท่าน มิน่าล่ะเจ้าที่อยู่ในเทพมารระดับแปดช่วงปลายถึงมีศักยภาพที่แข็งแกร่งเช่นนี้”

ประสบการณ์ของลู่ยู่จื่อล้ำเลิศมาก แค่ประมือกับหลัวซิวสองกระบวนท่า ก็มองเงื่อนงำอะไรบางอย่างออกแล้ว 

หลัวซิวนิ่งเงียบไม่พูดอะไร ไม่ได้ปฏิเสธการคาดเดาของลู่ยู่จื่อ ส่วนความเงียบของหลัวซิวกลับทำให้ลู่ยู่จื่อรู้สึกหวาดหวั่นขึ้นมาอย่างควบคุมไม่ได้ 

เขาทุ่มเทแรงกายและแรงใจถึงจะมาถึงชั้น 13 ของหอคอยนภากาศ เขาจึงต้องมีจุดประสงค์อะไรบางอย่างอยู่แล้ว ส่วนวินาทีนี้เขาและหลัวซิวอยู่ในขั้นที่แทบจะแตกหักกันแล้ว หากหลัวซิวจะก่อความวุ่นวายละก็ ก่อนจะสิ้นสุดระยะเวลาสามปีที่กำหนด ใช่ว่าเขาจะสามารถได้ครอบครองของสิ่งนั้นเสมอไป 

“ศักยภาพของผู้เพื่อนยุทธ์น่าทึ่ง แซ่ลู่รู้สึกเคารพเลื่อมใสมาก ในเมื่อเป็นเช่นนี้ละก็ แซ่ลู่ก็มองข้ามเรื่องราวบางอย่างไปแล้วจริง ๆ จึงไม่ทันได้แจ้งให้ผู้เพื่อนยุทธ์ทราบ”

หลังจากลู่ยู่จื่อใช้ดุลพินิจพิจารณาแล้ว สุดท้ายเขาก็วางแผนที่จะเปิดเผยความลับอะไรบางอย่างต่อหลัวซิว

“ข้าน้อยจักฟังอย่างเคารพตั้งใจ”หลัวซิวพูดอย่างเรียบนิ่ง 

“อ้างอิงจากพระราชสาส์นโบราณที่ข้าได้รับมา ในชั้นที่ 13 ของหอคอยนภากาศมีประมุขเต๋าฝังอยู่ท่านหนึ่ง ซึ่งมีนามว่าประมุขเต๋าคงกระพัน และจุดประสงค์ที่ข้ามาชั้น 13 ของหอคอยนภากาศนั้น ก็เพื่อสำรวจสถานฌาปนของประมุขเต๋าคงกระพัน”ลู่ยู่จื่อกล่าวเช่นนี้ 

สถานฌาปนประมุขเต๋า?

เมื่อหลัวซิวได้ยินคำตอบดังกล่าวภด เขาก็รู้สึกตะลึงมากเช่นกัน ผู้แข็งแกร่งระดับประมุขเต๋าแทบจะกลายเป็นอมตะแล้ว ขอแค่ไม่ดับสลายสูญสิ้น ก็จะสามารถคงอยู่ในโลกใบนี้ได้ตลอดกาล แล้วผู้แข็งแกร่งประเภทนี้ดับสลายสูญสิ้นได้อย่างไรกันนะ?

มีสถานฌาปนของจ้าววัฏสงสารยุคที่แปดปรากฏขึ้นมาในหัวหลัวซิวอย่างควบคุมไม่ได้ รวมไปถึงสถานฌาปนของจ้าววัฏสงสารรุ่นที่สาม จ้าววัฏสงสารก็อยู่ในระดับประมุขเต๋าเช่นกัน บวกกับวังดับฟ้าที่เขาพบเจอในมหาโลกาพันสาม รวมไปถึงโลงศพเทวฝังสวรรค์ ตั้งแต่โบราณกาลมา ดูท่าจำนวนประมุขเต๋าที่ดับสลายสูญสิ้นไปก็มีไม่น้อยเช่นกัน!

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มหายุทธ์ สะท้านภพ