มหายุทธ์ สะท้านภพ นิยาย บท 2805

ในมุมมองของหลัวซิว ในเมื่อที่นี่เป็นสถานฌาปนของผู้แข็งแกร่งระดับประมุขเต๋าคนหนึ่ง เช่นนั้นมันก็ไม่มีทางมีตราประมุขเต๋าเพียงลูกเดียวแน่นอน

ตราประมุขเต๋าเท่ากับการถ่ายทอดสืบสานอีกประเภทหนึ่ง ซึ่งเนื้อแท้แก่นสารของมันแตกต่างจากช่องจิต

มิหนำซ้ำแม้ผู้แข็งแกร่งระดับประมุขเต๋าคนหนึ่งจะบาดเจ็บสาหัสแล้วดับสลายสูญสิ้น ร่างเนื้อของเขาก็จะถูกเก็บไว้แน่นอน แต่หลัวซิวค้นหาอยู่ในสถานฌาปนแห่งนี้นานมาก ๆ กลับไม่พบเบาะแสร่องรอยใด ๆ เลย

เขาลอยตัวขึ้นฟ้า ยิ่งบินยิ่งสูง ก่อนจะมองกราดลงมาจากที่สูง เพื่อเรียนรู้สำรวจสถานภาพของทั้งสุสานสถานฌาปน 

ในดวงตาทั้งสองข้างของเขา มีวิถีไร้ลักษณ์กำลังวิวัฒนาการอย่างต่อเนื่อง เวลาก็ล่วงเลยไปโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัวเช่นกัน 

“แผะ!”

ไม่รู้ผ่านไปนานเท่าไหร่ ในที่สุดลู่ยู่จื่อก็ทลายการขวางกั้นของชี่มรณะ แล้วยื่นมือออกไปคว้าตราประมุขเต๋ามา

เสี้ยววินาทีที่ฝ่ามือของเขาสัมผัสกับตราประมุขเต๋า ลูกแก้วสีดำลูกนั้นก็เหมือนหลอมละลายไปแล้วยังไงอย่างนั้น หลอมรวมเข้าไปในร่างกายเขา

เพียงชั่วพริบตาเดียว พลังเต๋าปริภูมิที่ลอยวนเป็นเกลียวอยู่รอบกายในตอนแรก ก็เกิดการเปลี่ยนแปลงด้วยความเร็วที่รวดเร็วมาก เปลี่ยนจากเกณฑ์ปริภูมิเป็นเกณฑ์ความตาย 

โครมคราม…… 

และในเวลานี้เอง ก็มีเสียงที่ดังสะเทือนเลื่อนลั่นสะท้อนมาจากตำแหน่งที่อยู่ห่างไกลออกไป ลู่ยู่จื่อมองไปทางต้นต่อของเสียง ก่อนจะมองเห็นภาพเหตุการณ์ที่น่าทึ่ง 

แผ่นดินใหญ่ผืนหนึ่งถูกพลังอมตะโจมตีจนระเบิดแตกออก มีโลงศพเทวโลงหนึ่งที่มีออร่าเย็นยะเยือกแพร่กระจายออกมาค่อย ๆ ลอยขึ้นมาจากใต้แผ่นดินใหญ่ที่ถูกระเบิดออก 

โลงศพเทวประมุขเต๋า! 

……

“ให้ตายเถอะ!”

ความรู้สึกวิงเวียนศีรษะหลังจากถูกวาร์ปส่งออกมาทำให้หลัวซิวหัวเสียจนกระอักเลือด หลัวซิวเพิ่งขุดค้นโลงศพเทวของประมุขเต๋าคงกระพันเจอ ไม่นึกเลยว่าก็สิ้นสุดระยะเวลาที่หอคอยนภากาศเปิดออกแล้ว ก่อนที่เขาจะถูกส่งออกมาภายในพริบตา

ในโลงศพเทวที่ฝังประมุขเต๋าคงกระพันมีลายเส้นพลังเต๋าที่ล้ำลึกถึงขีดสุดสุดไหลเวียนอยู่ หากให้เวลาเขาอีกนิดน้อย เขาก็ยิ่งสามารถเรียนรู้ผ่านพลังเต๋าที่ไหลเวียนอยู่ด้านบน แล้วอาศัยความสามารถในด้านการอนุมานของวิถีไร้ลักษณ์ ได้รับวรยุทธ์ที่ประมุขเต๋าคงกระพันเคยฝึก!

ตั้งแต่ได้ตระหนักรู้คัมภีร์เต๋าชิงเทียนในตำหนักกิ่งโยงพลังเป็นต้นมา หลัวซิวก็ได้รับผลประโยชน์เยอะมาก นี่จึงทำให้เขาเกิดความคิดที่อยากได้วรยุทธ์ระดับประมุขเต๋าที่มากกว่านี้ มีเพียงการทำเช่นนี้ วิถีไร้ลักษณ์ของเขาถึงจะสามารถดูดซับความล้ำลึกได้มากยิ่งขึ้น จนวิถีไร้ลักษณ์ของเขาสมบูรณ์และพัฒนาขึ้นอีกขั้น 

น่าเสียดายที่ต้องพลาดโอกาสในครั้งนี้ไปต่อหน้าต่อตา นี่จึงทำให้หลัวซิวอดไม่ได้ที่จะรู้สึกทอดถอนใจว่าระยะเวลาสามปีมันสั้นเกินไปจริง ๆ

ส่วนครั้งถัดไปที่หอคอยนภากาศจะเปิดออกนั้น ไม่มีผู้ใดทราบเลยว่าต้องรออีกนานเท่าไหร่ ถึงครานั้นเกรงว่าผลการฝึกตนของเขาคงอยู่เหนือราชาเทพระดับเก้าแล้ว

แต่เมื่อลองคิดในอีกมุมหนึ่ง ในเมื่อมีสถานฌาปนของประมุขเต๋าคงกระพันปรากฏในชั้นที่ 13 ของหอคอยนภากาศ ลู่ยู่จื่อก็เคยบอกเช่นกันว่าประมุขเต๋าคงกระพันเข้ามาในหอคอยนภากาศขณะที่บาดเจ็บสาหัสและใกล้จะดับสลายสูญสิ้น หรือว่าถ้าเกิดผลการฝึกตนบรรลุถึงแดนประมุขเต๋าแล้ว ก็จะไม่ถูกข้อจำกัดใด ๆ ผูกมัด สามารถเข้าไปในหอคอยนภากาศได้ตามอำเภอใจหรือ?

โอกาสที่การคาดคะเนนี้จะเป็นจริงนั้นสูงมาก เนื่องจากอ้างอิงจากสิ่งที่หลัวซิวทราบ อดีตเคยมีมหาจักรพรรดิยุทธ์ระดับเก้าตลอดจนผู้แข็งแกร่งระดับผู้สูงส่งเคยลองใช้อำนาจบุกเข้าไปในหอคอยนภากาศ แต่สุดท้ายกลับจบลงด้วยความล้มเหลว 

“ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเจ้าลู่ยู่จื่อทำสำเร็จหรือไม่”หลังจากถูกส่งออกมาจากหอคอยนภากาศแล้ว สายตาของหลัวซิวก็กวาดมองทุกคนที่อยู่ในที่เกิดเหตุ 

ตอนแรกจำนวนคนที่เข้าไปในหอคอยนภากาศมีเยอะมาก ทว่าหลังจากเวลาล่วงเลยไปสามปี จำนวนคนที่ถูกส่งออกมากลับมีน้อยกว่าเดิมเกือบครึ่ง มีคนส่วนน้อยที่ประสบพบเจอกับภยันตรายในหอคอยนภากาศแล้วดับสลายสูญสิ้น และแท้จริงแล้วจำนวนคนที่มากกว่ากลับตายอยู่ในเงื้อมมือของจอมยุทธ์คนอื่น ๆ

หลัวซิวไม่เห็นร่องรอยของเจ้าลู่ยู่จื่อนั่นในกลุ่มคน แต่จู่ ๆ กลับเห็นลู่เมิ่งเหยา เนื่องจากพื้นที่ภายในหอคอยนภากาศกว้างใหญ่มาก บวกกับต่อมาเขาก็ร่วมมือกับลู่ยู่จื่อเพื่อสำรวจชั้นที่ 13 ของหอคอยนภากาศ ดังนั้นจึงไม่เคยพบนางตลอดมา

ครั้นเมื่ออยู่ในสถานแตกสลาย เขามองเห็นนางเพียงแวบเดียว ซึ่งจุดประสงค์ที่เขาเดินทางมาโลกสวรรค์นั้น ก็มาเพื่อตามหานาง

เขาก็เคยได้ยินฮู๋ชิงชิงพูดถึงเรื่องราวของลู่เมิ่งเหยาเช่นกัน ดูเหมือนอุปนิสัยของนางจะเปลี่ยนไปจากอดีตเยอะมาก ๆ กลายเป็นศิษย์ของหอมกุฎดาบ

เงาร่างกระพริบทีหนึ่ง หลัวซิวก็มาถึงตรงหน้าลู่เมิ่งเหยาแล้ว ทว่าใบหน้าที่คุ้นเคยนั่นกลับทำให้เขารู้สึกห่างเหินแปลกหน้ามาก มาตรแม้นว่าเขาจะยืนอยู่ตรงหน้านาง บนใบหน้านางก็ไม่มีความรู้สึกใด ๆ เลยแม้แต่น้อย

แต่เมื่อลองคิดในอีกมุมหนึ่ง หลัวซิวก็รู้แล้วว่าตัวเองคิดมากเกินไป ไม่ว่าจะเป็นการมองเห็นเพียงแวบเดียวในสถานแตกสลายหรือวินาทีนี้ เขาล้วนใช้วิถีไร้ลักษณ์เปลี่ยนแปลงโฉมหน้าของตนแล้ว การที่ลู่เมิ่งเหยาจำเขาไม่ได้นั้น ก็ถือเป็นเรื่องที่ปกติมาก 

เมื่อคิดเช่นนี้ เขาจึงเอ่ยปากสอบถาม “เจ้ายังจำสำนักเซียวเหยาแห่งโลกแสงดาวได้หรือไม่?”

“โอหัง!”

เสียงตวาดตำหนิหนึ่งดังขึ้นกะทันหัน ถัดจากนั้นก็มีพลังออร่าที่เกะกะระรานอย่างยิ่งระเบิดออกมา ทำให้หลัวซิวที่ไม่ทันได้ตั้งตัวถูกกระทบจนก้าวถอยหลังกลับไปหลายก้าว

ในขณะเดียวกัน บัดนี้หลัวซิวถึงจะสังเกตเห็นว่ามีหญิงวัยกลางคนคนหนึ่งยืนอยู่ข้างกายลู่เมิ่งเหยา เมื่อครู่ก็เป็นหญิงวัยกลางคนคนนี้นี่แหละที่ใช้พลังอำนาจบีบให้เขาถดถอย ซึ่งเป็นยอดฝีมือคนหนึ่งที่ลึกซึ้งมากจนไม่อาจคาดเดาได้ 

“ข้าเป็นสหายเก่าของนาง”หลัวซิวมองไปทางหญิงวัยกลางคนพลางอธิบาย 

หญิงวัยกลางคนทำเสียงหึอย่างเยือกเย็นทีหนึ่ง แล้วมองไปทางลู่เมิ่งเหยา แต่กลับเห็นลู่เมิ่งเหยาส่ายหน้าอย่างเย็นชา “ข้าไม่รู้จักเขา”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มหายุทธ์ สะท้านภพ