มหายุทธ์ สะท้านภพ นิยาย บท 2809

โลกใบนี้กว้างใหญ่มาก แต่บางครั้งมันก็เล็กมากถึงมากที่สุด การปรากฏตัวของเมิ่งเชียนชางไม่ได้ทำให้จิตใจของหลัวซิวเกิดการเปลี่ยนแปลงใด ๆ เพราะเขารู้ดีตั้งแต่แรกอยู่แล้วว่าท้ายที่สุดแล้วเรื่องราวระหว่างเขาและเมิ่งเชียนชางก็ต้องถูกจัดการให้เรียบร้อยอยู่ดี 

เมิ่งเชียนชางที่อยู่ที่นี่ไม่ได้ใช้ชื่อจริงแต่อย่างใด แต่ชื่อซางเซี่ย เมื่อได้ยินชื่อดังกล่าวจากคำวิพากษ์วิจารณ์ของกลุ่มคนที่อยู่บริเวณรอบ ๆ หลัวซิวก็รู้สึกเสียใจเล็กน้อย

แน่นอนอยู่แล้วว่าชางนั่นหมายถึงเมิ่งเชียนชาง ส่วนเสี้ย ก็คือเมิ่งเสี้ยอย่างไร้ข้อสงสัยแล้วล่ะ

ความสัมพันธ์ของพวกเขาพี่น้องดีมากมาโดยตลอด ทว่าเนื่องจากไท่ซ่างฉิง ทำให้พี่น้องคู่นี้เป็นศัตรูต่อกัน และเป็นเพราะเหตุนี้นี่เอง เมิ่งเชียนชางถึงได้โกรธแค้นเขามากมาโดยตลอด

พรสวรรค์ของเมิ่งเชียนชางแข็งแกร่งมาก มิเช่นนั้นก็คงไม่ถูกการถ่ายทอดสืบสานของประมุขเต๋าวัฏสงสารเลือกจากอสูรจิตหมื่นล้านดวง เขาโค่นล้มคู่ต่อสู้บนเวทีประลองยุทธ์คนแล้วคนเล่า ไม่นานนักชื่อซางเซี่ยก็กลายเป็นประเด็นที่ผู้คนต่างพากันวิพากษ์วิจารณ์ 

เมื่อป้ายลำดับตัวเลขที่อยู่ในมือหลัวซิวสว่างขึ้น เขาก็กระโดดขึ้นฟ้า แล้วร่วงลงบนเวทีประลองยุทธ์เวทีหนึ่ง

ชื่อเหวิ้นเต้านี้ เป็นชื่อที่ตั้งขึ้นมาโดยมีความหมายแฝงว่าการย่างกรายสู่จุดสูงสุดบนวิถียุทธ์ แต่ไม่ว่าความหมายแฝงจะเป็นอย่างไร ชื่อดังกล่าวก็เป็นชื่อที่ทุกคนในโลกมหาศักดิ์ทั้งแปดล้วนไม่ทราบเลย 

ทว่าเมื่อเห็นหลัวซิวปรากฏบนเวทีประลองยุทธ์ ก็มีสายตาที่รวดเร็วและเฉียบคมทั้งหลายสอดส่องมาอยู่ดี และต้นเหตุของสายตาทั้งหมดนี้ ย่อมต้องเป็นเรื่องที่เขาเคยรุกรานเทพธิดาทั้งสามแห่งหอมกุฎดาบบนสนามจัตุรัสกลางเมืองอยู่แล้ว 

เสี้ยววินาทีที่หลัวซิวปรากฏบนเวทีประลองยุทธ์ คู่ต่อสู้ของเขาก็ปรากฏเช่นกัน คนดังกล่าวคือชายอัปลักษณ์ที่บนใบหน้ามีไฝหลายเม็ด 

โดยส่วนใหญ่แล้ว หน้าตาของจอมยุทธ์จักไม่น่าเกลียดมากเท่าไหร่นัก เพราะมีวรยุทธ์และยาจำนวนมากที่สามารถทำให้โฉมหน้าและบุคลิกลักษณะของตัวเองพัฒนาไปในทิศทางที่ดีขึ้น 

แต่ก็มีคนบางส่วนที่แสวงหาพลังโดยเฉพาะ แล้วมองข้ามเรื่องอื่น ๆ สาเหตุที่ทำให้โฉมหน้าของตัวเองดูอัปลักษณ์น่าเกลียดปานนี้ ก็น่าจะเป็นเพราะฝึกเคล็ดวิชาบางอย่างที่ชั่วร้าย

หลังจากเดินขึ้นเวทีประลองยุทธ์แล้ว ชายอัปลักษณ์หน้าไฝไม่พูดอะไรเลยสักคำ แต่หลัวซิวกลับสามารถสัมผัสออร่าที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความชั่วร้ายได้จากตัวเขา และผลการฝึกตนของคนดังกล่าวก็ไม่ต่ำด้วย อยู่ในแดนเทพมารระดับแปดขั้นสูง 

มีออร่าผลการฝึกตนเทพมารระดับแปดช่วงปลายแพร่กระจายออกไปจากตัวหลัวซิว นี่จึงทำให้มีรัศมีแห่งความดูหมิ่นปรากฏบนใบหน้าชายอัปลักษณ์หน้าไฝ ก่อนที่เขาจะพูดอย่างเย็นชา “ถ้าเกิดมึงไสหัวลงไปจากเวทีตั้งแต่ตอนนี้ละก็ กูสามารถไว้ชีวิตมึงได้หนหนึ่ง มิเช่นนั้นละก็เมื่อจอมเทพทมิฬกูลงมือ กูไม่เคยปล่อยให้ผู้ใดมีชีวิตรอดไปได้เลยนะ”

ในระหว่างที่พูดอยู่นั้น ก็มีออร่าที่ชั่วร้ายแพร่กระจายออกมาจากตัวชายอัปลักษณ์หน้าไฝ อาณาจักรประเภทนี้มีคุณสมบัติพิเศษในการกัดกร่อน ราวกับพิษยังไงอย่างนั้น ซึ่งจะทำการกัดกร่อนอาณาจักรเกณฑ์ของคู่ต่อสู้ 

“ธรรมเวชมืดหรือ?”

หลัวซิวพูดพึมพำในใจ ทุกสรรพสิ่งในโลกหล้ามีทั้งด้านบวกและด้านลบ ซึ่งกฎเกณฑ์ธรรมทั้งปวงในโลกหล้าก็เป็นเฉกเช่นเดียวกัน ส่งผลกระทบต่อกันและกัน 

แม้แต่เทียนเต้าก็มีด้านบวกและลบเช่นกัน มีการสาดส่องและหล่อเลี้ยงจากแสงสว่าง ย่อมมีการกัดกร่อนและทำลายล้างจากความมืดอยู่แล้ว

เกณฑ์ประเภทหนึ่งก็สามารถพัฒนาเป็นเส้นทางที่แตกต่างกันได้ ยกตัวอย่างเช่นสิ่งที่ชายอัปลักษณ์หน้าไฝตรงหน้านี้เน้นฝึกก็คือพลังการกัดกร่อนกัดเซาะในเกณฑ์ความมืด ใช้พลังของเกณฑ์ความมืดไปคัดกรอกกัดเซาะพลังเกณฑ์อื่น ๆ 

“เวิ่งง!”

หลัวซิวโคจรวิถีไร้ลักษณ์ มีรัศมีเทวที่แวววาวจับตาแย้มบานออกมาจากตัวเขา เขา ณ วินาทีนี้ราวกับกลายร่างเป็นเทพแห่งแสงตะวัน รัศมีเทวที่อยู่รอบกายสาดส่องทุกสรรพสิ่งในโลกหล้าให้สว่าง 

“ไอ้ชาติชั่ว ไม่นึกเลยว่าสิ่งที่มึงฝึกจะเป็นเกณฑ์สว่างที่ต่ำทราม!”

ใบหน้าของชายอัปลักษณ์หน้าไฝดุร้ายน่ากลัว ในฐานะที่เป็นผู้ฝึกเกณฑ์ความมืด สัญชาตญาณจึงรังเกียจและกีดกันผู้ที่ฝึกเกณฑ์สว่างง่ายมาก 

“ครึก……ครึก……ครึก……”

มีเสียงที่น่าขนลุกดังออกมาจากคอของชายอัปลักษณ์หน้าไฝ ถัดจากนั้นก็มีควันดำแผ่กระจายออกมาจากตัวเขา แล้วผนึกรวมกันอยู่ด้านหลังเขาจนกลายเป็นเงาของงูดำตัวใหญ่ตัวหนึ่ง

“ชิ่ว!”

หลังจากเงางูดำปรากฏแล้ว มันก็โจมตีมากะทันหัน ความเร็วเร็วปานสายฟ้า ภายใต้การฟาดหางงู มันจึงปกคลุมไปทั้งเวทีประลองยุทธ์ ทำให้หลัวซิวไม่มีพื้นที่ที่สามารถหลบหลีกได้เลยแม้แต่น้อย 

“สว่างอุบาทว์ ไปตายซะเถอะ!”ชายอัปลักษณ์หน้าไฝพูดอย่างดุดัน

แม้นความคิดของเขาจะดิบดีมาก แต่กลับไม่รู้ระดับความสูงต่ำของตัวเอง ไม่เข้าใจว่าระหว่างตนและหลัวซิวแตกต่างกันเยอะมาก 

กระบี่ร่องฟ้าปรากฏในมือ ก่อนที่หลัวซิวจะฟาดฟันออกไป กระบี่นี้ยังได้รับการปลุกเสกจากธาตุพลังเต๋าของพลังฉีกชั้นฟ้าและพลังแห่งเวหาด้วย มาตรแม้นว่าเป็นเกราะป้องกันภัณฑ์ราชาเทพระดับเก้าชิ้นหนึ่ง ก็ล้วนสามารถถูกเขาทำลายล้างได้ 

“ฮิฮิ……”

ชายอัปลักษณ์หน้าไฝหัวเราะอย่างเยือกเย็น เสี้ยววินาทีที่กระบี่ร่องฟ้าพุ่งชนเข้ากับเงางูดำ หลัวซิวกลับสัมผัสแรงกระทบกระเทือนไม่ได้เลยแม้แต่น้อย กระบี่ทะลุผ่านงำงูดำโดยตรง ราวกับพลังโจมตีนี้ได้โจมตีเข้ากับอากาศที่ว่างเปล่า 

“พลังโจมตีวิญญาณ?”

รูม่านตาของหลัวซิวหดลง เขาก็นึกไม่ถึงเช่นกันว่าเจ้าอัปลักษณ์นี่จะเป็นยอดฝีมือที่เข้าใจเรื่องพลังโจมตีวิญญาณด้วย

เพียงชั่วพริบตาเดียว จิตสำนึกของหลัวซิวก็ถูกฉุดกระชากเข้าไปในตัวหยั่งรู้ มีงูดำที่ใหญ่โตมโหฬารตัวหนึ่งปรากฏในตัวหยั่งรู้ของเขา จากนั้นมันก็พุ่งตรงไปยังจุดศูนย์กลางของตัวหยั่งรู้ หวังจะกลืนกินวิญญาณดั้งเดิมของเขา

หากเปลี่ยนเป็นจอมยุทธ์คนอื่น บางทีอาจจะถูกชายอัปลักษณ์นี่เล่นงานแล้ว แต่หลัวซิวกลับแตกต่างกัน เนื่องจากเขาก็เชี่ยวชาญพลังอมตะด้านวิญญาณเช่นกัน

ตรงใจกลางตัวหยั่งรู้ ญาณเทวร่างมนุษย์ของหลัวซิวกระตุกยิ้มมุมปากอย่างเยือกเย็นเหมือนมนุษย์ ในมือเขากำลังเล่นลูกแก้วที่มีสีขาวดำตัดสลับกันหนึ่งลูก ซึ่งลูกแก้วลูกนี้ก็คือสมบัติที่เปลี่ยนแปลงโชคชะตาในภพชาตินี้ของเขา ลูกแก้วความเป็นตาย!

“ตู้มม!”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มหายุทธ์ สะท้านภพ