มหายุทธ์ สะท้านภพ นิยาย บท 2808

หลัวซิวเพิ่งกลับมาได้ไม่นาน ฮู๋ชิงชิงก็กลับมาแล้วเช่นกัน ช่วงนี้นางเที่ยวสืบเสาะข่าวคราวที่เกี่ยวข้องกับลู่เมิ่งเหยาในทั่วทุกมุมเมืองศักดิ์สิทธิ์ชิงเทียนเลย แน่นอนว่านางก็ได้ยินเรื่องราวที่เกิดขึ้นในสนามจัตุรัสกลางเมืองศักดิ์สิทธิ์ชิงเทียนเช่นกัน 

เพราะชื่อที่หลัวซิวใช้คือเหวิ้นเต้า ดังนั้นเมื่อฮู๋ชิงชิงได้ยินชื่อดังกล่าว นางก็รู้แล้วว่าฝ่ายตรงข้ามคือหลัวซิว

“ท่านชาย ท่านน่าจะยังไม่ทราบอิทธิพลของเทพธิดทั้งสามสินะ? เนื่องจากท่าน มีอัจฉริยะจากวังนภาสิบสองรวมไปถึงแดนศักดิ์สิทธิ์ขั้นสุดยอดจำนวนมากล้วนไปลงทะเบียนเข้าร่วมการประลองยุทธ์แล้วนะเจ้าคะ ซึ่งในจำนวนคนทั้งหมดนี้ยังมีผู้ที่ได้รับโควต้าเข้าไปในสถานแหล่งเต๋าไม่น้อยด้วย”

ข่าวคราวที่ฮู๋ชิงชิงนำกลับมาค่อนข้างรอบด้าน ในส่วนของเหล่าอัจฉริยะที่ได้รับโควต้าแล้วแต่ยังเข้าร่วมการประลองยุทธ์นั้น ไม่ต้องให้ฮู๋ชิงชิงอธิบาย หลัวซิวก็รู้แล้วว่าต้องมาเพราะตนเองแน่นอน ซึ่งต้องการสังหารตนบนเวทีประลองยุทธ์ หรือไม่ก็ดูหมิ่นเหยียดหยามตน เพื่อใช้วิธีการนี้มาทำให้เทพธิดาทั้งสามรู้สึกดีต่อตัวเอง 

“ช่างเป็นแผนยืมมือผู้อื่นฆ่าที่ดีเยี่ยมยิ่งนัก”

หลัวซิวไม่ได้กังวลอะไรหรอกนะ ต่อให้จำนวนคนที่มาเข้าร่วมการประลองยุทธ์จะมีมากเพียงใด คู่ต่อสู้ของเขาที่อยู่บนเวทีประลองยุทธ์ก็จะมีเพียงคนเดียวเท่านั้น ซึ่งจะไม่ถูกรุมโจมตี ข้อจำกัดของจอมยุทธ์ที่มาเข้าร่วมการประลองยุทธ์คือต้องมีผลการฝึกตนต่ำกว่าราชาเทพระดับเก้า หลัวซิวรู้สึกว่าไม่มีผู้ใดสามารถโค่นล้มตนบนเวทีประลองยุทธ์ได้จริง ๆ

หลัวซิวกลั่นยาเซียนนภาเต๋าได้ทั้งหมดหกขวด เขามอบให้ฮู๋ชิงชิงขวดหนึ่ง เดิมทีนางก็เป็นผู้แข็งแกร่งระดับผู้สูงส่งกลับชาติมาเกิดอยู่แล้ว หากมีการช่วยเหลือจากยาเซียนนภาเต๋า เช่นนั้นแดนยุทธ์ของนางก็จะมีการพัฒนาอย่างก้าวกระโดด

อีกทั้งแดนเกณฑ์ยิ่งสูงเท่าไหร่ เช่นนั้นเมื่อถึงขั้นตอนการผนึกรวมกงล้อเทพ ก็จะมีโอกาสผนึกรวมกงล้อเทพที่มีคุณภาพดีกว่าได้มากเท่านั้น

จากการที่เวลาล่วงเลยไปโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว ขั้นตอนการประลองยุทธ์ก็ถูกจัดตั้งขึ้นตามระยะเวลาที่กำหนดไว้

บนสนามจัตุรัสกลางเมืองศักดิ์สิทธิ์ชิงเทียน มีวิธีประลองยุทธ์ที่สูงและตรงตั้งอยู่หลายเวที เวทีประลองยุทธ์เหล่านี้ล้วนก่อสร้างขึ้นมาจากหินเทวระดับสูง อีกทั้งมีลายค่ายคุ้มกันที่แข็งแกร่งสลักอยู่ ต่อให้ผู้แข็งแกร่งราชาเทพระดับเก้าต่อสู้เข่นฆ่าอยู่ด้านบน ก็จะไม่มีควันหลงใด ๆ สะท้อนออกมา 

ความโหดเหี้ยมของโลกยุทธ์ ส่งผลให้กฎเกณฑ์การประลองยุทธ์ในครั้งนี้ก็เรียบง่ายมาก ๆ นั่นก็คือโค่นล้มคู่ต่อสู้ แม้นจักตายก็ไม่เป็นไร!

จอมยุทธ์ที่ลงทะเบียนเข้าร่วมการแข่งขันล้วนได้รับตัวเลขที่เรียงตามลำดับ แต่ละคนจะทยอยขึ้นไปบนเวทีประลองยุทธ์โดยอิงจากการประกาศตามลำดับ 

จำนวนรอบการแข่งขันของหลัวซิวถูกจัดอยู่ช่วงท้าย ๆ ดังนั้นช่วงเริ่มต้นเขาจึงไม่ได้ขึ้นเวที แต่เป็นการยืนอยู่ในกลุ่มคนด้านล่างเวที แล้วมองไปทางเวทีประลองยุทธ์เวทีหนึ่งอย่างเรื่อยเปื่อย 

ชายหนุ่มคนหนึ่งที่สีหน้าอารมณ์เย็นชาเดินขึ้นเวทีประลองยุทธ์ และเสื้อผ้าที่อยู่บนตัวเขาคือเสื้อผ้าของตำหนักเลี่ยเทียน

“นั่นมันเลี่ยหงเฟิ่งมิใช่หรือ? เขาเป็นยอดฝีมือของตำหนักเลี่ยเทียนเชียวนะ เมื่อพูดตามหลักแล้วเขาน่าจะได้รับโควต้าที่สามารถเข้าไปในสถานแหล่งเต๋าโดยตรงเลยสิ เหตุใดจึงมาเข้าร่วมการแข่งขันคัดเลือกประเภทนี้อีก?” 

“เจ้าจะไปเข้าใจอะไรเล่า? แม้นเหล่าอัจฉริยะแห่งแดนศักดิ์สิทธิ์ขั้นสุดยอดไม่จำเป็นต้องเข้าร่วมการแข่งขันคัดเลือก แต่ทว่าสำหรับพวกเขาแล้ว การแข่งขันคัดเลือกก็เป็นการฝึกฝนประเภทหนึ่งเช่นกัน เมื่อโค่นล้มคู่ต่อสู้ต่าง ๆ นานา ก็จะสามารถขัดเกลาพลังอมตะของตน อีกทั้งยังสามารถขัดเกลาตัวธรรมของตนได้อีกด้วย”

หลัวซิวได้ยินเสียงซุบซิบวิพากษ์วิจารณ์จากกลุ่มคน และเขาก็เห็นด้วยกับคำพูดประเภทนี้เช่นกัน แต่นี่ก็ทำให้เขาเข้าใจด้วยว่าการแข่งขันคัดเลือกที่ดูธรรมดาเรียบง่ายนี้ ดูเหมือนจะสลับซับซ้อนขึ้นมาเช่นกัน 

“แหะ ๆ ได้ยินมาว่าเดิมทีเหล่าอัจฉริยะแห่งแดนศักดิ์สิทธิ์ขั้นสุดยอดทั้งหลายไม่มีแผนการที่จะเข้าร่วมการแข่งขันคัดเลือก แต่ดูเหมือนจะเป็นเพราะมีชายหนุ่มคนหนึ่งรุกรานเทพธิดาทั้งสามแห่งหอมกุฎดาบ อัจฉริยะจำนวนไม่น้อยจึงลงทะเบียนเพื่อเอาใจเทพธิดาทั้งสาม ส่วนพวกศัตรูคู่แค้นของอัจฉริยะเหล่านั้นก็ต่างพากันลงทะเบียนเช่นกัน ดังนั้นอัจฉริยะแห่งแดนศักดิ์สิทธิ์ขั้นสุดยอดจำนวนมากจึงแจ้นไปลงทะเบียนประลองยุทธ์กันหมดแล้ว”

“ผู้ใดบังอาจกล้าหาญเช่นนั้น? รุกรานเทพธิดาทั้งสามไม่ว่า ยังก่อให้เกิดปฏิกิริยาห่วงโซ่ที่ยิ่งใหญ่ขนาดนี้ด้วย แล้วจักให้เด็กตาดำ ๆ อย่างเราอยู่อย่างไร? เกรงว่านอกเหนือจากเหล่าอัจฉริยะแห่งแดนศักดิ์สิทธิ์ขั้นสุดยอดแล้ว คนอื่น ๆ ก็อย่าคิดว่าจะสามารถขึ้นไปเป็นหนึ่งในสิบได้เลย”

หลัวซิวที่อยู่ในกลุ่มคนใช้มือลูบ ๆ จมูกตัวเอง เขาคิดไม่ถึงจริง ๆ ว่าเรื่องเล็กน้อยแค่นั้นจะก่อให้เกิดเรื่องราวที่มากมายขนาดนี้ คาดว่าการแข่งขันคัดเลือกในครั้งนี้ จะทำให้ผู้คนที่ได้รับโควต้าในตอนแรกสูญเสียโอกาสในครั้งนี้แล้ว

แต่ทว่าดูเหมือนครั้นเมื่ออยู่ในหอคอยนภากาศ เนื่องจากเขาและลู่ยู่จื่อกวาดล้างหินนภาพลังเต๋าอย่างบ้าคลั่ง จึงทำให้คนจำนวนมากเสียโอกาสไปตั้งนานแล้ว

คู่ต่อสู้ของเลี่ยหงเฟิ่งหน้ามุ่ยเดินขึ้นเวทีประลองยุทธ์ เห็นได้ชัดเจนเลยว่าเขาก็นึกไม่ถึงเช่นกันว่าตนจะได้พบเจอกับคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งขนาดนี้ตั้งแต่เริ่มต้น 

ซึ่งผลลัพธ์ก็อยู่ในการคาดหมายทุกประการเช่นกัน ศักยภาพของคู่ต่อสู้แตกต่างจากเลี่ยหงเฟิ่งมากเกินไป ประมือกันเพียงสิบกว่ากระบวนท่าเท่านั้น พลังฉีกชั้นฟ้าที่มีลักษณะพิเศษในการฉีกกระชากทุกสรรพสิ่ง ก็ทำลายล้างเกราะป้องกันอาวุธเทพของฝ่ายตรงข้าม 

น่าจะเป็นเพราะเลี่ยหงเฟิ่งไม่มีความคิดที่จะสังหารคนที่นี่ ดังนั้นเขาก็แค่ทำให้คู่ต่อสู้บาดเจ็บสาหัส ซึ่งยังไม่ถึงแก่ชีวิต 

“สภาพจิตใจของคนดังกล่าวก็ถือว่าไม่เลวเลย”

จากโลกทัศน์ของหลัวซิว ย่อมดูออกอยู่แล้วว่าเลี่ยหงเฟิ่งลงมืออย่างปราณีแล้ว เดิมทีปราณกระบี่ฉีกชั้นฟ้าเล่มหนึ่งของเขาสามารถสังหารคู่ต่อสู้ได้เลย แต่เขากลับดึงพลานุภาพส่วนหนึ่งกลับมากะทันหัน มิเช่นนั้นวินาทีนี้คู่ต่อสู้คงกลายเป็นศพร่างหนึ่งไปแล้ว 

ขั้นตอนการประลองยุทธ์ในรอบนี้ดำเนินการไปได้รวดเร็วมาก หลังจากการประลองยุทธ์หนึ่งได้สิ้นสุดลงแล้ว จากนั้นก็จะมีคนอื่น ๆ เดินขึ้นเวทีต่อ และหลัวซิวก็ศึกษาสำรวจเวทีประลองยุทธ์ทุกเวทีด้วย เพื่อดูว่าบนเวทีประลองยุทธ์เหล่านี้มียอดฝีมือที่สามารถทำให้เขาใส่ใจได้หรือไม่

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มหายุทธ์ สะท้านภพ