มหายุทธ์ สะท้านภพ นิยาย บท 281

“โอ๊ย !......”

ในขณะที่ถูกภูตอัคคีกลืนกิน ถึงแม้หลัวซิวจะมีจิตแท้ปราณเป็นตายสองระดับและกลายเป็นร่างอัคคี แต่ก็อดไม่ได้จะจะส่งเสียงร้องโอดครวญออกมาด้วยความเจ็บปวด ร่างกายของเขาสั่นสะท้านอย่างรุนแรง ชุดคลุมยาวสีดำกลายเป็นจุณในทันที

เขากัดฟันแน่น มีเอกซึมไหลออกมาจากซอกฟัน จากนั้นก็ถูกลมหายใจที่ร้อนผ่าวทำให้ระเหยกลายเป็นไอ ตอนนี้เขาต้องทนกับความเจ็บปวดทรมานจากการเผาไหม้ ทั้งจิตวิญญาณและร่างกายเหมือนจะพังทลายลงได้ทุกเมื่อ

ในความทรงจำของหลัวซิวตั้งแต่ได้เป็นปรมาจารย์กลั่นยาขั้นดินระดับ 9 และพิชิตภูตอัคคีได้เป็นครั้งแรก ก็จะต้องอดทนจากความเจ็บปวดจากการแผดเผาของภูตอัคคี

เพราะมีเพียงแค่การทำให้ร่างกายคุ้นชินกับการถูกแผดเผาจากภูตอัคคีเท่านั้น ถึงจะมีโอกาสกลั่นแปรภูตอัคคีเข้าสู่ร่างกายได้ และสามารถพิชิตภูตอัคคีได้อย่างสมบูรณ์

ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน นักยุทธ์ผู้แข็งแกร่งส่วนใหญ่ที่พยายามพิชิตภูตอัคคี มักจะล้มเหลวตั้งแต่ขั้นแรก

ภายใต้การแผดเผาของภูตอัคคี ไม่ว่าจะเป็นร่างกายหรือจิตวิญญาณก็ไม่อาจหลีกหนีจากการเผาไหม้ได้ ความเจ็บปวดเช่นนี้ เป็นความเจ็บปวดที่คนทั่วไปไม่อาจทานทนได้

เสียงร้องโหยหวนดังออกมาจากปากของหลัวซิว ทำให้สิงห์ทิพย์อัคคีอร่ามที่อยู่ห่างออกไปหลายร้อยเมตรต้องตกใจไม่น้อย ดวงตาขนาดใหญ่เต็มไปด้วยความตื่นตกใจ

บนท้องฟ้าเหนือพื้นที่ฝังศพ หลงหมิงซึ่งอยู่ในร่างของมังกรสีเงิน ก็รู้สึกตกใจจนรูม่านตาหดลงเมื่อได้ยินเสียงกรีดร้องของหลัวซิว

ท่าทีของเขาเปลี่ยนไปอย่างมาก และหวังว่าหากเด็กหนุ่มผู้นี้ถูกภูตอัคคีแผดเผาจนตายก็คงจะดี แต่ด้วยสาเหตุของวิชาสยบวิญญาณ หากเขาถูกแผดเผาจนตาย วิญญาณหยั่งรู้ของตนเอง ก็คงจะได้รับผลกระทับจากวิชาสยบวิญญาณเช่นกัน......

เวลาค่อย ๆ ผ่านไปอย่างช้า ๆ ภายใต้การแผดเผาของภูตอัคคี หลัวซิวร้องโหยหวนอย่างทรมานมานานกว่าสองชั่วยามแล้ว เสียงของเขาค่อย ๆ แหบพร่ายิ่งขึ้น และคอของเขาก็แทบจะแตกอยู่แล้ว

อันที่จริงแล้ว ตัวของหลัวซิวก็มีความทุกข์ที่พูดออกมาไม่ได้ ภูตอัคคีกลืนกินถือเป็นหนึ่งในสิบอันดับแรกของภูตอัคคี แม้ว่าจะอยู่ในอันดับที่ 9 แต่ภูตอัคคีธรรมดาก็ไม่อาจเทียบได้ติด ต่อให้เป็นผู้แข็งแกร่งระดับราชายุทธ์ขั้นสูงมาด้วยตนเอง โอกาสที่จะพิชิตภูตอัคคีได้ ก็มีไม่เกิน 30%

และถ้าหากเป็นการมาของจักรพรรดิยุทธ์ โอกาสที่จะชนะก็อาจสูงขึ้นเล็กน้อย แต่ก็ไม่มีทางสูงกว่ามากนัก

ภูตอัคคีมีสติปัญญา ถึงแม้ความแข็งแกร่งของเจ้าจะสามารถระงับภูตอัคคีที่ยังไม่โตเต็มวัยได้ แต่ถ้าหากมันไม่ยินดีให้เจ้าพิชิตและเป็นเจ้านายของมัน ต่อให้ผลการฝึกตนของเจ้าจะสูงส่งแค่ไหนก็ไร้ประโยชน์

ภูตอัคคีในตอนนี้ ยังอยู่ในช่วงกำลังเจริญเติบโตในระดับราชายุทธ์ ถึงแม้จะเป็นเช่นนี้ แต่ถ้าหากไม่ใช่เพราะหลัวซิวมีพลังจิตแท้ปราณเป็นตาย 2 ระดับคอยปกป้องร่างกายอยู่ คงไม่อาจทนมาได้ถึงสองชั่วยาม และคงจะถูกเผาไหม้เป็นจุณไปแล้ว

ในระหว่างสองชั่วยามที่ผ่านมานี้ ร่างกายของหลัวซิวถูกแผดเผาด้วยความร้อนที่ปลดปล่อยออกมาจากภูตอัคคีจนแดงฉาน ส่วนเลือดที่ไหลเวียนอยู่ภายในร่างกายก็เหมือนกับน้ำเดือด จนเขาแทบอยากจะฉีกหน้าอกของเขา แล้วปล่อยให้เลือดที่เดือนพล่านอยู่ภายในร่างกายพุ่งออกมา

“เผาพอหรือยัง ?”

ทันใดนั้น หลัวซิวก็หยุดร้องโหยหวน เขาพยายามข่มความเจ็บปวดของร่างกายที่เกิดจากการแผดเผา แล้วหัวเราะเยาะออกมาหนึ่งครั้ง

เปลวไฟสีแดงเพลิงรอบ ๆ ตัวเขากลายเป็นใบหน้าของเด็กทารก และหันมาฉีกยิ้มให้เขาด้วยท่าทีเยาะเย้ย

“อาหาร ข้าจะกิน......” น้ำเสียงแผ่วเบาดังก้องอยู่ใกล้ ๆ และเข้ามาในหูของหลัวซิว

“เห็นข้าเป็นอาหารอย่างนั้นหรือ ?”

สีหน้าของหลัวซิวหมองหม่นลงทันที เขานั่งขัดสมาธิ ทันใดนั้น เปลวไฟแห่งปราณเป็นตายสองระดับบนร่างกายของเขาก็หายไป รูขุมขนทั่วร่างกายของเขาทั้ง 18,000 รูเปิดออก แล้วกลืนร่างสีแดงฉานของภูตอัคคีเข้าไปอย่างบ้าคลั่ง

“สำเร็จหรือล้มเหลวอยู่ที่นี่ !”

ในช่วงเวลาเพียงสั้น ๆ ภูตอัคคีกลืนกินทั้งหมดก็เข้าไปอยู่ในร่างกายของเขา วงล้อชีวิตแห่งเหล่าทวยเทพในจุดตันเถียนชี่ไห่หมุนอย่างรวดเร็ว และผนวกรวมภูมิอัคคีกลืนกินเอาไว้ที่เดียวกัน และหมุนอยู่รอบวงล้อชีวิตแห่งเหล่าทวยเทพ ราวกับวงล้อแห่งไฟ

ภูตอัคคีหนึ่งตน จะต้องอยู่ในที่ที่มีพลังงานแห่งไฟมาบรรจบกัน เพื่อหล่อเลี้ยงชีวิตอย่างไม่มีที่สิ้นสุด พลังงานที่บรรจุอยู่ภายในนั้นน่าสะพรึงกลัวแค่ไหน ไม่มีใครสามารถรู้ได้

แต่ถ้าหากต้องการพิชิตภูตอัคคี ขั้นตอนที่สองที่สำคัญที่สุดก็คือ การนำรับภูตอัคคีเข้าสู่ภายในร่างกาย และประทับตราของตนเองลงไปในทุก ๆ ลำแสงของภูตอัคคี จึงจะสามารถพิชิตได้สำเร็จ และทำให้มันกลายเป็นจิตวิญญาณแห่งไฟ ที่ตนเองนั้นสามารถจัดการและควบคุมได้ตามต้องการ !

นี่ถือเป็นเรื่องที่อันตรายอย่างสูง โดยเฉพาะอย่างยิ่งกันคนที่ยังไม่บรรลุถึงแดนราชายุทธ์อย่างหลัวซิว แทบที่จะไม่มีโอกาสที่จะสำเร็จได้เลย ถือได้ว่าเป็นการเดิมพันด้วยชีวิตอย่างสมบูรณ์

หากโชคดี กลั่นแปรภูตอัคคี และเกิดใหม่

หากโชคร้าย จะถูกเผาไหม้เป็นจุณ หลงเหลือเพียงความว่างเปล่า

ในความทรงจำของหลัวซิว ปรมาจารย์กลั่นยาขั้นดินระดับ 9 ผู้นั้น เคยพิชิตการกลั่นแปรภูตอัคคีตนหนึ่ง ถึงแม้จะไม่ใช่หนึ่งในสิบของภูตอัคคีใหญ่ แต่ก็ไม่แตกต่างกันมากนัก และน่ากลัวพอ ๆ กัน

แต่ปรมาจารย์กลั่นยาขั้นดินระดับ 9 ผู้นั้น กลั่นแปรภูตอัคคีตอนที่เขามีผลการฝึกตนอยู่ในระดับมกุฎยุทธ์ แต่หลัวซิวเพิ่งจะมีผลการฝึกตนอยู่เพียงแค่ผู้ฝึกจิตขั้น 7......

ภูตอัคคีกลืนกินกำลังปล่อยพลังงานที่รุนแรงมหาศาลอยู่ที่จุดตันเถียน หลัวซิวนั่งขัดสมาธิอยู่ตรงกลางหลุมดำ ร่างกายของเขาสั่นไหวอย่างรุนแรง ราวกับถูกฟ้าผ่า

ความเจ็บปวดบนร่างกายที่ถูกเผาไหม้นั้น แทบจะชาจนไร้ความรู้สึก แต่สิ่งที่เจ็บปวดยิ่งกว่าคือจิตวิญญาณ

หลัวซิวกัดฟันแน่นและหลับตาลง ร่างกายของเขาเป็นสีแดงฉาน แต่ใบหน้ากลับซีดเผือด

ตอนนี้ ความคิดทั้งหมดของเขาถูกรวบรวมอยู่ที่จุดตันเถียน จิตสำนึกควบรวมกันจนกลายเป็นรูปร่างของกระบี่ และพุ่งเข้าใส่เปลวไฟสีแดงฉานที่กำลังลุกโชนอย่างบ้าคลั่ง และประทับตราออร่าของตนเองลงไป

ส่วนวงล้อชีวิตแห่งเหล่าทวยเทพก็หมุนอย่างรวดเร็ว พลังจิตแท้ปราณเป็นตายสองระดับบีบอัดอย่างต่อเนื่อง เพื่อผนึกภูตอัคคีเอาไว้ในจุดตันเถียน หากปล่อยให้มันหนีออกไปได้ มันจะต้องโจมตีแบบทำลายล้างอย่างแน่นอน และจะทำให้ร่างกายของเขาถูกเผาไหม้เป็นจุณจนไม่เหลือซาก

เวลาค่อย ๆ ผ่านไปอย่างช้า ๆ นี่เป็นการยื้อยุดกับเทพแห่งความตาย ภูตอัคคีกลืนกินยังคงโจมตีอย่างต่อเนื่อง และพยายามที่จะเจาะทะลุผ่านพลังจิตแท้อย่างต่อเนื่อง เพื่อเผาหลัวซิวให้มอดไหม้

และก่อนที่พลังจิตแท้ของตนเองจะหมดลง หากไม่สามารถประทับตราออร่าของตนเองเข้าไปในทุก ๆ รังสีของภูตอัคคีกลืนกินได้ เกรงว่าแม้แต่เปลวไฟเพียงเล็กน้อย ก็ทำให้เขาตายโดยไร้ที่ฝังได้

ครืน......

ภายในร่างกายของหลัวซิวยังคงส่งเสียงดังสนั่นออกมา ภูตอัคคีกลืนกินตนนี้กำลังโจมตีการปิดผนึกของพลังจิตแท้

การโจมตีของภูตอัคคีในทุกครั้ง จะทำให้ร่างกายของหลัวซิวสั่นไหวอย่างรุนแรง และมีรอยแตกเล็ก ๆ เกิดขึ้นบนผิวหนังของหลัวซิว ราวกับว่าจะพังทลายลงได้ตลอดเวลา

ในขณะเดียวกันนี้ หลัวซิวก้ยังคงโคจรสำนึกอย่างต่อเนื่อง เพื่อประทับตราของตนเองลงในภูตอัคคี เขารู้สึกได้อย่างชัดเจนว่า ทุกครั้งที่ประทับตราลงไป ความเชื่อมโยงระหว่างเขาและภูตอัคคีกลืนกินก็จะยิ่งใกล้ชิดกันมากขึ้นเรื่อย ๆ

หลังจากที่เขาประทับตราของตนเองลงไปในภูตอัคคีได้เกือบครึ่ง ดูเหมือนว่าภูตอัคคีจะเริ่มสัมผัสได้ถึงอันตราย จึงยิ่งปลดปล่อยพลังที่บ้าคลั่งออกมามากยิ่งขึ้น และกลายร่างเป็นสัตว์ประหลาดเปลวไฟ โจมตีพลังจิตแท้ที่ผนึกอยู่รอบ ๆ ตัวของมันอย่างดุเดือด

ตอนนี้ เปลวไฟพลังงานสูงได้ถูกควบแน่นจนกลายเป็นทะเลเพลิงและหมุนอย่างรุนแรง พลังงานไฟทั้งหมดพุ่งตรงเข้ามาอย่างบ้าคลั่ง ทุกสิ่งที่อยู่ห่างจากหลุมดำในรัศมี 100 เมตรจะถูกดูดและกลืนกินทั้งหมด ส่วนภูตอัคคีที่อยู่ในจุดตันเถียนของหลัวซิว เมื่อได้รับแรงเสริมจากความแข็งแกร่งนี้ ก็ยิ่งบ้าคลั่งขึ้นเรื่อย ๆ

ดูเหมือนสถานการณ์จะเริ่มเลวร้ายขึ้น

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มหายุทธ์ สะท้านภพ