มหายุทธ์ สะท้านภพ นิยาย บท 2813

สำหรับหลัวซิวแล้ว เขาไม่ได้เก็บเรื่องฆ่าเซียนตะปูกาฬมาใส่ใจเลยด้วยซ้ำ อย่างไรเสียศักยภาพของเซียนตะปูกาฬนี่ที่อยู่ในทั้ง 33 คนก็ไม่ถือว่าอยู่ขั้นสุดยอดเช่นกัน 

สายตาของหลัวซิวจับจ้องไปยังทิศทางของภูเขาแหล่งเต๋าที่สี่ พบว่าฮู๋ชิงชิงได้เริ่มต่อสู้กับจอมยุทธ์ที่ชื่อเหยียนเหอนั่นแล้ว และเห็นได้ชัดเจนเลยว่าสถานการณ์การต่อสู้เอนไปทางฮู๋ชิงชิง การที่นางจะคว้าชัยเป็นเพียงเรื่องเวลาเท่านั้น 

ในขณะเดียวกัน ก็มีเสียงระเบิดที่ดังสนั่นหูสะท้อนมา หลัวซิวมองไปทางต้นต่อของเสียง ก่อนจะมองเห็นเงาร่างของซางเซี่ยและสิงซาทั้งสองคนปรากฏ เห็นได้ชัดเจนเลยว่าลาดเลาการประมือในเมื่อครู่นี้เกิดจากพวกเขาทั้งสองคน

สิงซาสมกับเป็นชายผู้มีกำลังรบเกะกะระรานที่สุดในหมู่วัยรุ่นยุคใหม่แห่งเผ่าฟ้าจริง ๆ ถึงแม้ทั้งคู่จะไม่ได้รับบาดเจ็บจากการประมือในเมื่อครู่นี้ ทว่าขอแค่เป็นผู้ที่มีสติปัญญาความรู้ก็จะดูออกอยู่ว่า สิงซาเป็นฝ่ายได้เปรียบเล็กน้อย 

“ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม! ……”

ระหว่างทั้งสองปะทะกันอย่างต่อเนื่อง พลังอมตะทั้งหลายระเบิดจนเกิดเป็นคลื่นพลังที่น่ากลัว ทว่าพื้นที่ภายในสถานแหล่งเต๋ากลับมั่นคงอย่างยิ่ง ต่อให้เป็นการต่อสู้ระดับนี้ ก็ไม่สามารถทำให้ปริภูมิพื้นที่แห่งนี้สั่นไหวได้เลยแม้แต่น้อย

หลัวซิวขมวดคิ้วลงเล็กน้อย หากซางเซี่ยนั่นคือเจ้าเมิ่งเชียนชางนั่น เหตุใดเรื่องราวดำเนินการมาถึงขั้นนี้แล้ว เจ้าหมอนั่นยังต้องปิดบังศักยภาพอีก ไยเขาจึงไม่ใช้พลังวัฏสงสารที่ตัวเองถนัดมากที่สุด?

ตั้งแต่เริ่มต้นกระทั่งบัดนี้ หลัวซิวสังเกตมาโดยตลอดเลยว่าพลังอมตะที่ซางเซี่ยปลดปล่อยและธาตุพลังเต๋าที่ใช้ ล้วนเป็นเกณฑ์ประเภทต่าง ๆ ที่ค่อนข้างธรรมดา 

ถ้าเกิดใช้พลังวัฏสงสารละก็ จากศักยภาพของเมิ่งเชียนชาง ต่อให้ไม่สามารถสังหารสิงซา แต่อย่างน้อยก็สามารถประคองสถานการณ์ให้อยู่ในระดับที่สูสี

หลัวซิวหรี่ตาลงเล็กน้อย หากเมิ่งเชียนชางไม่ใช้พลังวัฏสงสารสักทีละก็ เช่นนั้นก็มีคำอธิบายเพียงอย่างเดียวเท่านั้น นั่นก็คือเขาไม่อยากเปิดเผยตัวตนของตัวเอง เนื่องจากทันทีที่ปลดปล่อยพลังวัฏสงสารออกมาละก็ เท่ากับเป็นการบอกผู้อื่นว่าเขาก็คือผู้สืบทอดของประมุขเต๋าวัฏสงสาร

ซางเซี่ยไม่ได้พูดอะไรมากนัก มองสิงซาด้วยแววตาที่เรียบนิ่งรอบหนึ่ง ก่อนจะหันหลังแล้วเดินไปยังทิศทางของภูเขาแหล่งเต๋าที่สอง

การกระทำเช่นนี้ของเขา ไม่ต่างอะไรจากการบอกว่าตนสละสิทธิ์ในการแก่งแย่งภูเขาแหล่งเต๋าที่หนึ่ง

ยอมที่จะละทิ้งโอกาสอย่างภูเขาแหล่งเต๋าที่หนึ่ง แต่ก็ต้องปิดบังศักยภาพที่แท้จริงของตัวเอง วิธีการเช่นนี้ของเมิ่งเชียนชางทำให้หลัวซิวรู้สึกไม่ค่อยเข้าใจ 

เพราะจากความเข้าใจของเขาที่มีต่อเมิ่งเชียนชาง เจ้าหมอนี่ไม่ใช่คนที่ชอบอดกลั้นอะไรหรอกนะ

ตำแหน่งของภูเขาแหล่งเต๋าที่สองถูกนักพนตชิงหมางยึดครองไปแล้ว อีกทั้งเนื่องจากความเกรงกลัวที่มีต่อวังชิงเทียน ดังนั้นจึงไม่มีผู้ใดไปแก่งแย่งกับนักพนตชิงหมาง

ทว่าจากการที่ซางเซี่ยมาถึงละแวกใกล้เคียงของนักพนตชิงหมาง ย่อมหลีกเลี่ยงการต่อสู้ในครั้งนี้ไม่ได้อยู่แล้ว 

“ภูเขาแหล่งเต๋าที่สองเป็นของข้า รบกวนผู้เพื่อนยุทธ์ไปเลือกภูเขาแหล่งเต๋าอื่นเถิด”

นักพนตชิงหมางที่อยู่บนยอดเขาภูเขาแหล่งเต๋าที่สองค่อย ๆ ลุกขึ้น มองไปทางเมิ่งเชียนชางที่หกระเหินเดินฟ้ามาด้วยแววตาที่เย็นชา

ซางเซี่ยไม่พูดอะไรสักคำ ยังคงมุ่งหน้าตรงไปยังภูเขาแหล่งเต๋าที่สองอยู่เช่นเคย 

“ขอล่วงเกินผู้เพื่อนยุทธ์หน่อยแล้วกัน!”

น้ำเสียงของนักพนตชิงหมางเรียบนิ่งมาก ทว่ากลับไม่มีการออมมือเลยแม้แต่น้อย ศิลาเทวแท่นหนึ่งบินออกมาจากร่างกาย แล้วลอยอยู่เหนือศีรษะ 

ในประมุขเต๋าสวรรค์ทั้ง 12 แห่งยุคไท่ชู ประมุขเต๋าทุกคนล้วนเคยทิ้งอัญสมบัติสวรรค์เอาไว้ และถูกเรียกว่าอาวุธเทพประมุขเต๋าหรืออาวุธเทพเทียนเต้า

ทว่าในจำนวนทั้งหมดนี้กลับมีเพียงประมุขเต๋าชิงเทียนเท่านั้นที่ทิ้งอาวุธเทพประมุขเต๋าไว้สามชิ้น ซึ่งได้แก่ศิลาเทวชิงเทียน ไฟเทวรวมไปถึงฮู้เทว

ส่วนประมุขเต๋าสวรรค์อีก 11 คนที่เหลือทิ้งอาวุธเทพประมุขเต๋าไว้เพียงชิ้นเดียว

นักพนตชิงหมางเดินออกมาจากภูเขาแหล่งเต๋าที่สอง เหนือศีรษะมีศิลาเทวลอยอยู่ มือขวารองไฟไทวไว้ ตรงหว่างคิ้วมีฮู้เทวชิ้นหนึ่งเป็นประกายระยิบระยับ 

สมบัติทั้งสามชิ้นนี้ไม่ใช่อาวุธเทพประมุขเต๋าของแท้ แต่เป็นของเลียนแบบที่กลั่นโดยอ้างอิงจากการถ่ายทอดสืบสานที่ประมุขเต๋าชิงเทียนทิ้งไว้ ซึ่งต่างก็มีพลานุภาพที่ไม่ธรรมดาเช่นกัน 

หลัวซิวไม่ได้สนใจการต่อสู้ในครั้งนี้มากเท่าไหร่นัก เพราะสุดท้ายแล้วไม่ว่าภูเขาแหล่งเต๋าที่สองจะตกเป็นของผู้ใด ก็ล้วนไม่มีความเกี่ยวข้องอะไรกับเขา 

“อ๊าก! ……”

เสียงกรีดร้องที่น่าเวทนาดังขึ้น หลัวซิวเงยหน้ามองขึ้นไป จากนั้นก็เห็นว่าเหยียนเหอถูกฮู๋ชิงชิงโค่นล้มในทิศทางของภูเขาแหล่งเต๋าที่สี่ บริเวณหน้าอกมีบาดแผลหนึ่งจุด แล้วมีเลือดสีแดงสดพุ่งกระฉูดออกมา 

“ขอขอบพระคุณอย่างยิ่งที่ออมมือ”เหยียนเหอรีบหยิบยาออกมาหนึ่งเม็ด อีกทั้งไม่ได้รู้สึกเคียดแค้นใด ๆ เพราะถูกฮู๋ชิงชิงโค่นล้ม ในทางตรงกันข้ามเขากลับก้มคำนับให้ฮู๋ชิงชิง 

ฮู๋ชิงชิงแค่ผงกหัว บางทีอาจเป็นเพราะอยู่กับหลัวซิวมานาน สภาพจิตใจของนางสงบกว่าอดีตมาก แม้แต่ขณะที่ต่อสู้กับผู้อื่น นางก็ไม่อยากฆ่าคนเช่นกัน 

เพราะการออมมือของฮู๋ชิงชิง สภาพอาการบาดเจ็บของเหยียนเหอจึงไม่สาหัสแต่อย่างใด หลังจากกินยาฟื้นฟูลงไปแล้ว เขาก็รีบมุ่งหน้าไปแย่งชิงภูเขาแหล่งเต๋าที่ห้ากับผู้อื่นต่อ 

ซางเซี่ยถอนตัวออก ฝั่งภูเขาแหล่งเต๋าที่หนึ่งจึงเหลือคู่ต่อสู้แค่สิงซาและโยว่เซียงเอ๋อร์สองคนแล้ว หลัวซิวก็รีบเดินตรงไปอย่างไม่ลังเลใจเช่นกัน

เมื่อเห็นกิริยาท่าทางของหลัวซิว รูม่านตาสิงซาก็หดลงกะทันหัน เมื่อครู่แม้นเขาจะประมือกับซางเซี่ย แต่เนื่องจากซางเซี่ยเป็นผู้ที่ถอนตัวออกด้วยตนเอง ดังนั้นเขาจึงไม่ได้สูญเสียผลการฝึกตนมากเท่าไหร่นัก

“ไสหัวกลับไปซะ!”

สิงซาตะคอกเสียงดังลั่น จากนั้นก็มีหอกยุทธ์ที่มีอัสนีม่วงเป็นประกายปรากฏในมือเขาหนึ่งเล่ม เขากำเนิดจากวังสิงเทียน ดังนั้นattrพลังเต๋าที่ฝึกย่อมต้องเป็นเทวทัณฑ์เทียนเต้าอยู่แล้ว!

“ตู้ม!”

เพียงพริบตาเดียว ทั้งสองก็พุ่งชนกันอย่างดุดันกลางอากาศ พลังที่บ้าระห่ำม้วนซัดไปทั่วท้องฟ้า เสียงระเบิดที่ดังสนั่นหูดังก้องอย่างต่อเนื่อง ก่อนที่เงาร่างของทั้งสองจะถดถอยกลับไปพร้อมกัน

กระบี่ร่องฟ้าที่ถูกปกคลุมอำพรางออร่าโดยรัศมีเทวสั่นเทิ้ม ทำให้ง่ามนิ้วหลัวซิวยังรู้สึกชาเล็กน้อย สิงซาที่อยู่ฝั่งตรงข้ามก็ไม่ได้ดีไปกว่ากันเช่นกัน เห็นได้ชัดเจนเลยว่ามือข้างที่กำหอกยุทธ์อัสนีม่วงสั่นเทาเล็กน้อย 

ช่างเป็นพลังที่แข็งแกร่งยิ่งนัก!

หลัวซิวแอบรู้สึกตะลึง ศักยภาพของสิงซานี่อยู่เหนือขอบข่ายของเทพมารระดับเก้าโดยสิ้นเชิงแล้ว 

“สามารถสังหารเซียนตะปูกาฬ ดูท่าเจ้าก็มีศักยภาพอยู่บ้างนี่ แต่ถ้าเกิดมีแค่นี้ละก็ เจ้ายังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของข้า!”

ในระหว่างที่พูดอย่างเยือกเย็นอยู่นั้น สิงซาก็พุ่งสังหารเข้ามาอีกครั้ง จิตสังหารที่น่าเกรงขามรอบกายผนึกรวมกันที่หอกยุทธ์อัสนีม่วง 

ใบหน้าหลัวซิวไร้อารมณ์ มือกำกระบี่ร่องฟ้าแล้วพุ่งตรงเข้าไปเช่นกัน การปะทะในครั้งนี้ เห็นได้ชัดเจนเลยว่าทั้งสองต่างยกระดับพลัง ซึ่งทรงพลังกว่าการโจมตีในเมื่อครู่นี้มาก ๆ 

หอกยุทธ์และกระบี่เทพยังไม่ได้พุ่งชนเข้าด้วยกัน ก็มีคลื่นสั่นกระเพื่อมออกไปจากปริภูมิพื้นที่ที่อยู่บริเวณรอบ ๆ แล้ว นี่จึงทำให้ผู้ที่มองเห็นภาพเหตุการณ์ดังกล่าวล้วนขวัญหนีดีฝ่อ เพราะปริภูมิพื้นที่ในสถานแหล่งเต๋าเป็นสิ่งที่แทบจะไม่สามารถทำให้สั่นคลอนได้ การที่สามารถทำให้ปริภูมิเกิดเป็นคลื่นได้นั้น มันจึงเป็นเรื่องที่น่าสยดสยองมาก ๆ อยู่แล้ว  

“ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม! ……”

การประสานงาของหอกยุทธ์และกระบี่เทพไม่ได้มีเพียงครั้งเดียวเท่านั้น และภายในเสี้ยววินาทีที่ประสานงากัน ทั้งคู่ก็ปะทะกันไปสิบกว่ากระบวนท่าแล้ว คลื่นพลังที่มากมายมหาศาลพัดกระพือ ราวกับคลื่นยักษ์ซัดนภา ทำให้เหล่าจอมยุทธ์ที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกลรีบถอยหลังกลับอย่างรวดเร็ว จิตสังหารที่บ้าระห่ำเชี่ยวกราก ทำให้คนจำนวนมากล้วนสัมผัสได้ถึงความกลัวที่ส่งตรงมาจากส่วนลึกของวิญญาณ 

สีหน้าของโยว่เซียงเอ๋อร์ที่ยืนชมการต่อสู้อยู่ใกล้ที่สุดเปลี่ยนไป นางคิดมาโดยตลอดเลยว่าศักยภาพของตัวเองไม่ค่อยต่างจากสิงซามากเท่าไหร่นัก ดังนั้นถึงได้เลือกที่จะแก่งแย่งภูเขาแหล่งเต๋าที่หนึ่งกับสิงซา แต่เมื่อนางเห็นสถานการณ์ที่เกิดจากการต่อสู้ของสิงซา นางถึงจะเข้าใจว่าศักยภาพของตัวเองแตกต่างจากสิงซาไม่น้อยเลย

“แคว็ก!”

มีเสียงแตกร้าวดังขึ้น ถัดจากนั้นก็มีเงาดำร่างหนึ่งกระเด็นออกมาจากคลื่นพลังที่บ้าระห่ำ พลางกระอักเลือดเฮือกหนึ่ง

ทุกคนล้วนเพ่งตามองไป เมื่อเห็นว่าเงาร่างที่กระเด็นออกมาคือสิงซา จึงมีความเหลือเชื่อปรากฏในสายตาของคนจำนวนมาก

ในขณะเดียวกัน เงาร่างของหลัวซิวก็ถดถอยกลับไปเช่นกัน ทว่าสถานการณ์ดีกว่าสิงซาเล็กน้อย ชุดคลุมยาวดำบนตัวเขาเสียหายหลายจุด บนตัวยังมีบาดแผลอีกเล็กน้อย เห็นได้ชัดเจนเลยว่าศักยภาพของสิงซาไม่ได้อ่อนกว่าเขาเท่าไหร่นัก

สิงซามองหลัวซิวด้วยความตะลึง หากบอกว่าเมื่อครู่เขายังมีความมั่นใจที่เต็มเปี่ยมละก็ เช่นนั้นหลังจากผ่านการประมือในครั้งนี้แล้ว เขาก็สัมผัสได้อย่างลึกซึ้งเลยว่าชายหนุ่มผู้มีนามว่าเหวิ้นเต้านี้น่ากลัวมากเพียงใด 

ต้องท้าวความก่อนว่าตั้งแต่ที่เขาสิงซาประสบความสำเร็จในด้านการฝึกตนเป็นต้นมา เขาก็เป็นผู้ไร้เทียมทานในหมู่คนที่อยู่แดนเดียวกันมาโดยตลอด ยิ่งกว่านั้นคือเขาเป็นผู้ที่สามารถข้ามขั้นสังหารผู้ที่อยู่เหนือกว่าตนได้ตลอดมา 

หากผลการฝึกตนของเหวิ้นเต้านี่อยู่ในระดับเดียวกันกับตนเอง เขายังพอยอมรับได้อยู่ อย่างไรเสียในโลกหล้านี้ เมื่ออยู่ในแดนเดียวกันใช่ว่าจะไม่มีคนที่สามารถเอาชนะตนได้

แต่สิ่งที่ทำให้สิงซาไม่สามารถยอมรับได้คือ คลื่นผลการฝึกตนที่แพร่กระจายออกมาจากตัวเหวิ้นเต้านั่นเป็นเพียงเทพมารระดับแปดช่วงปลาย!

นี่มันมีความหมายว่าอย่างไร? เขาสิงซาที่มีผลการฝึกตนเทพมารระดับเก้าช่วงปลายก็สามารถต่อกรกับราชาเทพระดับเก้าช่วงปลายได้แล้ว ซึ่งนี่ก็เป็นผลการรบที่เขาภาคภูมิใจมาโดยตลอดด้วย

ส่วนชายหนุ่มผู้มีนามว่าเหวิ้นเต้านี่มีผลการฝึกตนเทพมารระดับแปดช่วงปลาย ก็สามารถเอาชนะตัวเองได้แล้ว เช่นนั้นอนาคตหากหมอนี่บรรลุถึงแดนเทพมารระดับเก้าช่วงปลาย ก็สามารถต่อกรกับมกุฎเทพระดับเก้าได้แล้วมิใช่หรือ?

ณ บัดนี้วินาทีนี้ ฝั่งภูเขาแหล่งเต๋าที่สอง นักพนตชิงหมางเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ ซางเซี่ยย่างเท้าเดินขึ้นไปบนยอดเขาภูเขาแหล่งเต๋าที่สอง สายตาผนึกรวมไปที่หลัวซิว 

“นั่นเจ้าหรือ? ไท่ซ่างฉิง……”

ผู้คนในโลกต่างว่ากันว่าผู้ที่เข้าใจเจ้ามากที่สุดต้องเป็นคู่ต่อสู้เจ้าอย่างแน่นอน และในฐานะที่เมิ่งเชียนชางเป็นศัตรูคู่แค้นเมื่อชาติปางก่อนของไท่ซ่างฉิง สามารถพูดได้เลยว่าเขาเข้าใจไท่ซ่างฉิงดีกว่าทุกคนที่อยู่รอบกายไท่ซ่างฉิงเสียอีก

สายตาของเขาเพ่งมองไปบนกระบี่เทพในมือหลัวซิวที่ถูกปกคลุมโดยรัศมีเทว ถึงแม้เขาจะสัมผัสออร่าคุ้นเคยใด ๆ ไม่ได้เลย แต่สัญชาตญาณกลับทำให้เขารู้สึกว่ากระบี่เทพเล่มนั้น ก็คือกระบี่ร่องฟ้า คือกระบี่เทพชีวีที่น้องสาวเขาเมิ่งเสี้ยเคยฝึกเซ่น!

“ไม่นึกเลยว่าเจ้าจะแข็งแกร่งถึงขั้นนี้แล้ว”ซางเซี่ยขมวดคิ้วลงเล็กน้อย ต่างก็กลับชาติมาเกิดผ่านวัฏสงสารเหมือนกัน แต่เขากลับยังคงเดินอยู่บนเส้นทางเก่าอยู่เช่นเคย แม้นจะบรรลุถึงแดนราชาเทพระดับเก้าได้ราบรื่นมาก แต่ก็ทำให้เมิ่งเชียนชางค้นพบอุปสรรคบนวิถียุทธ์ของตนเช่นกัน 

บังเอิญถึงช่วงเวลาที่หอคอยฮวงเปิดออกพอดี เขาจึงตัดผลการฝึกตนของตัวเองทิ้งอย่างเด็ดเดี่ยวมาก แล้วไปแสวงหาโชคโอกาสในหอคอยฮวง แม้นจะตรัสรู้ความล้ำลึกของธรรมเวชกาลร้างในหอคอยฮวงได้เล็กน้อย ทว่าเขากลับไม่ได้รับการยอมรับจากหอคอยฮวง

ต่อมาเขาก็ได้ยินอีกว่าสถานแหล่งเต๋าในโลกสวรรค์กำลังจะเปิดออก เพื่อผนึกรวมกงล้อเทพที่สมบูรณ์แบบออกมา เขาจึงละทิ้งกงล้อเทพชั้นสูงทั้งสี่วงที่เขาเคยผนึกได้ เพียงเพื่อจะแสวงหากงล้อเทพที่สมบูรณ์แบบที่สุด ทำให้ทุกย่างก้าวบนวิถียุทธ์ของเขาล้วนเป็นสัญลักษณ์ของขั้นสูงสุดประเภทหนึ่ง

ส่วนเมิ่งเชียนชางก็นึกไม่ถึงเช่นกันว่าเขาทำถึงขั้นนี้แล้ว แต่ก็ยังมีคนแข็งแกร่งกว่าเขาอีก สำหรับชายผู้มีนามว่าเหวิ้นเต้านั่น แม้นเขาจะไม่มีหลักฐานใด ๆ แต่ก็มั่นใจแปดในสิบเลยว่าเขาก็คือไท่ซ่างฉิง!

มีความรู้สึกเคียดแค้นผุดขึ้นมาในใจเขา เขายอมให้อัจฉริยะคนอื่น ๆ อยู่เหนือตนได้ แต่กลับไม่อาจยอมให้เจ้าไท่ซ่างฉิงนั่นอยู่เหนือตน!

ในอดีตชาติ เขาที่มีผลการฝึกตนมหาจักรพรรดิยุทธ์ระดับเก้าก็สามารถต่อกรกับไท่ซ่างฉิงที่อยู่ในแดนผู้สูงส่งได้เชียวนะ!

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มหายุทธ์ สะท้านภพ