“น้องสาวเอ๊ย เหตุใดเจ้าจึงโง่เขลาเช่นนี้เล่า? ทั้ง ๆ ที่ข้าดีเลิศกว่าไท่ซ่างฉิง เหตุใดเมื่อปีนั้นเจ้าและคนอื่น ๆ ล้วนเลือกที่จะติดตามไท่ซ่างฉิง แล้วห่างไกลจากข้า?”
ทุกครั้งที่นึกถึงเรื่องนี้ เมิ่งเชียนชางก็จะรู้สึกเจ็บปวดหัวใจมาก ในขณะเดียวกันความโกรธแค้นที่มีต่อไท่ซ่างฉิงก็เข้มข้นมากยิ่งขึ้นด้วย
หลังจากกลับชาติมาเกิดผ่านวัฏสงสาร ไท่ซ่างฉิงก็หลุดพ้นจากการควบคุมของตัวเองตั้งนานแล้ว ตอนแรกเริ่มเขาไม่ได้นำเรื่องนี้มาใส่ใจแต่อย่างใด ทว่าเมื่อได้พบเจอไท่ซ่างฉิงในโลกร้างอีกครั้ง เขากลับพบว่าไท่ซ่างฉิงเติบโตถึงขั้นที่ใกล้จะอยู่เหนือขอบเขตที่ตนสามารถควบคุมได้แล้ว
ส่วนในสถานแหล่งเต๋าในครั้งนี้ เขาก็ได้พบกับไท่ซ่างฉิงอีกครั้ง ซึ่งศักยภาพของเจ้าหมอนั่นสามารถเคียงบ่าเคียงไหล่กับตัวเองได้แล้ว สิ่งที่ทำให้เขาไม่สามารถยอมรับได้คือศักยภาพสูสีกัน แต่ผลการฝึกตนของหลัวซิวกลับต่ำกว่าเขาหนึ่งแดนใหญ่เลย!
นี่หมายความว่าอย่างไร? นี่หมายความว่าอนาคตเมื่ออยู่ในแดนเดียวกัน เขาต้องไม่ใช่คู่ต่อสู้ของไท่ซ่างฉิงแน่นอน! ผลลัพธ์เช่นนี้ทำให้เมิ่งเชียนชางไม่สามารถยอมรับได้ และยอมรับไม่ได้ด้วย!
“เหวิ้นเต้าน่าจะไม่ใช่ชื่อจริงของเจ้าสินะ? จากศักยภาพของเจ้า ไม่มีทางเป็นผู้ต่ำต้อยที่ไร้ชื่อเสียงแน่นอน ตกลงเจ้าเป็นผู้ใดกันแน่?”สายตาของสิงซาเพ่งมองไปทางหลัวซิวพลางถาม
“ข้าเป็นผู้ใดไม่สำคัญแต่อย่างใด หากเจ้ายังคิดที่จะสู้อีกก็สู้ต่อได้เลย หากไม่อยากสู้ก็หลีกไปซะ”หลัวซิวพูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา
“เจ้าอย่าได้จองหองมากนัก!”สิงซาตะคอกอย่างเยือกเย็น “แม้นข้าจะยอมรับว่าศักยภาพของเจ้าแข็งแกร่งมาก ทว่าจากผลการฝึกตนเทพมารระดับแปด ศักยภาพระดับนี้คงเป็นขีดจำกัดของเจ้าแล้วสินะ? ใช่ว่าข้าจักไม่มีอุบายในการสังหารเจ้านะ!”
“โอ๊ะ? เจ้ามีอุบายอะไรก็ปลดปล่อยออกมาให้เต็มที่เถอะ”หลัวซิวไม่เก็บมาใส่ใจ
แม้ศักยภาพของสิงซานี่จะแข็งแกร่งมากก็จริง แต่เจ้าหมอนี่กลับบอกว่ามีอุบายที่สามารถสังหารตนได้ละก็ หลัวซิวกลับรู้สึกดูหมิ่นมาก
ความดูหมิ่นนี้ไม่ใช่การดูถูก แต่เป็นความมั่นใจที่มาจากตนเอง สิงซาคิดเองเออเองว่ามีอุบายไพ่เด็ดที่ทรงพลัง แล้วหลัวซิวเขาไม่มีหรือ?
ไม่ว่าจะเป็นศิลาเทวชิงเทียนหรือฮู้เทวชิงเทียน เขาก็ยังไม่ได้งัดออกมาเลย ยิ่งกว่านั้นคือเขายังไม่ได้ปลดปล่อยพลังอมตะที่ทรงพลังที่สุดที่เขาริเริ่มเช่นกัน
“ในเมื่อเจ้าอยากตาย เช่นนั้นข้าก็จักทำให้เจ้าได้สมความปรารถนาเอง!”
สิงซาตะคอกเสียงดังลั่นประโยคหนึ่ง เพียงพริบตาเดียวพลังออร่ารอบกายก็พุ่งสูงขึ้นด้วยระดับความเร็วที่บ้าคลั่งอย่างยิ่ง อัสนีเทวทัณฑ์สวรรค์สีม่วงทั้งหลายปรากฏบนตัวเขา อีกทั้งอัสนีเทวเหล่านี้ผนึกรวมกันอย่างต่อเนื่อง และมีออร่าที่น่ากลัวยิ่งกว่าแพร่กระจายออกมา
เมื่อเผชิญหน้ากับพลังออร่าที่พุ่งขึ้นอย่างบ้าระห่ำของสิงซา หลัวซิวยังคงสุขุมอยู่เช่นเคย สีหน้าอารมณ์เรียบนิ่งมาโดยตลอด ไม่ว่าสิงซาจะปลดปล่อยอุบายพลังอมตะที่ทรงพลังมากเพียงใดออกมา หลัวซิวก็มั่นใจว่าตนสามารถรับมือได้อย่างง่ายดาย เนื่องจากไม่ว่าจะเป็นฮู้เทวชิงเทียนหรือเตากลั่นนภาจื่อเซียว เกราะป้องกันของสองสิ่งนี้ล้วนไม่ใช่สิ่งที่เทพมารระดับเก้าช่วงปลายที่ยังผนึกรวมกงล้อเทพออกมาไม่ได้สามารถทลายได้
เมื่อเห็นสีหน้าที่เย็นชาของหลัวซิว สิงซาก็โกรธเกรี้ยวมากกว่าเดิม ทว่ายิ่งโกรธเกรี้ยวมากเท่าไหร่ สิงซากลับยิ่งใจเย็นลงมากเท่านั้น จู่ ๆ จิตใจก็เข้มงวดขึ้นมา!
ซึ่งความเข้มงวดประเภทนี้เป็นสัญชาตญาณที่มาจากส่วนลึกของหัวใจ สัญชาตญาณประเภทนี้บอกกับเขาว่า แม้เขาจะทุ่มสุดกำลังสามารถปลดปล่อยพลังอมตะวิชานั้นออกมา ก็ไม่สามารถโค่นล้มชายที่อยู่ตรงหน้านี้ได้แน่นอน
แม้นสิงซาจะไม่อยากเชื่อสัญชาตญาณนี้ก็ตาม แต่เขากลับไม่กล้าลองพนันดูสักตั้ง เพราะต่อให้เขาทุ่มสุดกำลังสามารถโค่นล้มชายคนนี้ได้แล้ว ทันทีที่ตัวเองบาดเจ็บสาหัสหรือสูญเสียผลการฝึกตนมากเกินไปละก็ ภูเขาแหล่งเต๋าที่หนึ่งนี่ก็ไม่มีทางตกเป็นของตัวเองแน่นอน ในทางตรงกันข้ามกลับจะถูกผู้ที่รอฉกฉวยโอกาสแย่งชิงไป!
สิงซาย่อมไม่มีทางทำเรื่องที่ทำให้ผู้อื่นได้เปรียบเช่นนี้อยู่แล้ว ดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงสละสิทธิ์ไม่เอาภูเขาแหล่งเต๋าที่หนึ่ง
“ข้าสามารถยกภูเขาแหล่งเต๋าลูกนี้ให้เจ้าได้อยู่ แต่ทว่าหลังจากออกไปจากสถานแหล่งเต๋าแล้ว ทางที่ดีเจ้าอย่าได้พบเจอข้าจะดีกว่านะ!”
สิงซาพูดด้วยน้ำเสียงที่เยือกเย็นประโยคหนึ่ง จากนั้นเขาก็บินตรงไปยังภูเขาแหล่งเต๋าที่สอง ภูเขาแหล่งเต๋าที่สอง ณ วินาทีนี้ถูกยึดครองโดยเมิ่งเชียนชาง
หลัวซิวต้องฟังความหมายแฝงที่ซ่อนอยู่ในคำพูดของสิงซาออกอยู่แล้ว สิงซา ณ วินาทีนี้ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา เช่นนั้นอนาคตก็ยิ่งไม่มีทางใช่คู่ต่อสู้ของเขา สิงซาคิดเองเออเองว่าเมื่อผนึกรวมกงล้อเทพออกมาได้แล้ว จะสามารถยกระดับศักยภาพเพิ่มขึ้นได้อีกสองสามเท่า แล้วศักยภาพของหลัวซิวจะหยุดนิ่งอยู่กับที่ได้หรือ?
หลัวซิวย่างเท้ามุ่งหน้าตรงไปยังภูเขาแหล่งเต๋าที่หนึ่ง ในส่วนของโยว่เซียงเอ๋อร์นั้น หลังจากได้พบเห็นศึกการต่อสู้ระหว่างเขาและสิงซา นางจึงเป็นผู้ถอนตัวออกด้วยตนเอง
เมื่อมาถึงยอดเขาของภูเขาแหล่งเต๋าที่หนึ่ง หลัวซิวก็สัมผัสได้ถึงพลังงานเต๋าที่เข้มข้นถึงขีดสุด ยิ่งกว่านั้นคือพลังงานเต๋าของที่นี่เข้มข้นถึงขั้นที่สามารถกีดกันตัวสำนึก ซึ่งนี่ไม่ได้หมายความว่าที่นี่มีพลังที่จำกัดตัวสำนึก แต่มันเกิดจากพลังงานเต๋าที่เข้มข้นมากเกินไป
การแย่งชิงภูเขาแหล่งเต๋าทั้ง 33 ลูกยังไม่จบ ยืนอยู่บนภูเขาแหล่งเต๋าที่หนึ่งแล้วเบิ่งมองไปทางภูเขาแหล่งเต๋าที่สอง หลัวซิวมองเห็นของขลังอาวุธเทพที่แข็งแกร่งอย่างวัฏจักรที่ใหญ่โตมโหฬารหนึ่งวง ตำหนักวัฏสงสารและกระบี่วัฏสงสาร
ท้ายที่สุดแล้วเมิ่งเชียนชางก็อดกลั้นต่อไปไม่ไหวอยู่ดี เขาสละสิทธิ์ในการแย่งชิงภูเขาแหล่งเต๋าที่หนึ่ง ถอนตัวแล้วเลือกภูเขาแหล่งเต๋าที่สองที่อยู่รองลงมา เมื่อเผชิญหน้ากับการพูดฉอด ๆ ของสิงซา สุดท้ายเขาก็เปิดเผยศักยภาพที่แท้จริงของตัวเองออกมาอยู่ดี
ถึงแม้เมิ่งเชียนชางจะใช้พลังวัฏสงสารและอาวุธเทพที่กลายมาจากเศษกงล้อวัฏจักรธรรม จากระดับศักยภาพของสิงซา ก็ไม่ค่อยแตกต่างจากเขามากเท่าไหร่นัก ทว่าขณะที่ต่อสู้กับหลัวซิวทำให้สิงซาสูญเสียผลการฝึกตนไปไม่น้อยแล้ว เดิมทีคิดว่าเมื่อเผชิญหน้ากับเมิ่งเชียนชางที่ถอนตัวออกเอง ฝ่ายตรงข้ามจะยกภูเขาแหล่งเต๋าที่สองให้เขา แต่กลับนึกไม่ถึงเลยว่าจะมีศึกสงครามที่ยิ่งใหญ่ปะทุ
สุดท้ายสิงซาก็เลือกที่จะถดถอยอีกครั้ง ออกจากภูเขาแหล่งเต๋าที่สองด้วยร่างกายที่เต็มเปี่ยมไปด้วยบาดแผล แล้วมุ่งหน้าไปยังภูเขาแหล่งเต๋าที่สาม
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มหายุทธ์ สะท้านภพ
แปลต่อทีค่า รออ่านอยู่นะคะ🥺🥺...
มีต่อไหมครับ...
รออยู่นะครับ...
เรื่องเก่าอัพเดตบ้าง ไม่ใช่ลงแต่เรื่องใหม่...
เมื่อไรจะลงซักที...
เค้ายังแปลอยู่ไหมครับ...
ไม่ลงให้อ่านซักที...
รออานยุ...
รอต่อไปครับ...
ตอนใหม่ยังไม่ลงเลยครับ...