“ฮ่าฮ่า……”
เมื่อได้ยินคำพูดของหลัวซิว อัจฉริยะผู้มีความฉลาดเป็นเลิศทั้งสี่คนที่มาพร้อมกับสิงซาก็หัวเราะเสียงดังลั่นอย่างควบคุมไม่ได้
“พวกมึงหัวเราะอะไร?”หลัวซิวหรี่ตาแล้วมองไปทางพวกเขาทั้งสี่คน
“มึงถามว่าพวกกูหัวเราะอะไรอย่างนั้นหรือ? พวกกูหัวเราะที่มึงไม่รู้จักสำเนียกตัวเอง แม้นมึงจะเป็นบุคคลที่แข็งแกร่งมากจนน่าทึ่ง แต่ยึดกุมภูเขาแหล่งเต๋าที่หนึ่งฝึกตนมานานเจ็ดปี แต่กลับฝึกถึงแค่แดนเทพมารระดับแปดขั้นสูง ยิ่งกว่านั้นคือแม้แต่กงล้อเทพวงแรกยังผนึกรวมออกมาไม่ได้เลย!”
“ส่วนพวกกูล้วนผนึกรวมกงล้อเทพออกมาได้แล้ว โดยเฉพาะศิษย์พี่สิงซายิ่งผนึกรวมกงล้อเทพออกมาได้สี่วง อีกทั้งผลการฝึกตนยังบรรลุถึงแดนเทพมารระดับเก้าขั้นสูงด้วย!”
“ครั้นเมื่อยังผนึกรวมกงล้อเทพออกมาไม่ได้ บางทีศักยภาพของมึงอาจจะสามารถต่อกรกับศิษย์พี่สิงซาได้ ทว่าปัจจุบันระหว่างมึงและศิษย์พี่สิงซากลับแตกต่างกันเยอะมาก นี่มึงยังไม่เข้าใจช่วงระยะความต่างในนี้อีกหรือ?”
สิงซาก็เคยพูดคำพูดที่เป็นทำนองนี้เช่นกัน ขณะที่เพิ่งเข้ามาสถานแหล่งเต๋าครั้งแรก สิงซารู้สึกว่าศักยภาพของเหวิ้นเต้านี่ไม่ด้อยกว่าตนเอง แต่ถ้าเกิดหลังจากผ่านไปไม่กี่ปีแล้วตัวเองผนึกรวมกงล้อเทพออกมาได้ และถ้าเกิดเหวิ้นเต้านี่ถูกพันธนาการโดยผลการฝึกตนละก็ เขาต้องไล่ตามฝีเท้าตนไม่ทันแน่นอน เช่นนั้นช่วงระยะความต่างของศักยภาพก็จะห่างกันมากขึ้น
และสำหรับจอมยุทธ์ทั่วไปแล้ว วิธีพูดเช่นนี้มันถูกต้องจริง ๆ แต่ถ้าเกิดพูดจากมุมมองความหมายบางอย่าง จะจัดหลัวซิวอยู่ในขอบข่ายทั่วไปไม่ได้เลยด้วยซ้ำ
“ฮ่าฮ่า! ……”ทันใดนั้นเอง หลัวซิวก็แหงนหน้าขึ้นฟ้าหัวเราะเสียงดังลั่นเช่นกัน
“มึงหัวเราะอะไร!?”เมื่อเห็นว่าเขาหัวเราะเสียงดังลั่นอย่างอุกอาจ ก็มีจิตสังหารพรั่งพรูออกมาจากทั้งสี่คนที่อยู่ข้างกายสิงซาแล้วตะคอกเสียงดังลั่น
“กูหัวเราะที่พวกมึงโง่เง่าไร้ปัญญา หัวเราะที่พวกมึงตาถั่ว! ผู้ใดเป็นคนบอกว่ากูผนึกรวมกงล้อเทพออกมาไม่ได้?”
ในระหว่างที่พูดอยู่นั้น ร่างกายหลัวซิวก็สั่นเทิ้มทีหนึ่ง ถัดจากนั้นก็มีเงาลวงกงล้อเทพวงหนึ่งที่เลือนลางปรากฏหลังศีรษะเขา
ผู้ที่เห็นภาพเหตุการณ์ดังกล่าวไม่ได้มีเพียงพวกเขาทั้งสี่คนเท่านั้น แม้แต่ตัวสิงซาเองก็มึนงงไปด้วย เนื่องจากเขาคิดอย่างไรก็คิดไม่ถึงว่ากงล้อเทพที่เหวิ้นเต้านี่ผนึกรวมออกมาได้จะเป็นเช่นนี้
โดยทั่วไปแล้ว ยิ่งเป็นกงล้อเทพที่มีลักษณะใกล้เคียงกับแก่นแท้มากเท่าไหร่ คุณภาพก็จะยิ่งสูงมากเท่านั้น ศักยภาพยิ่งแข็งแกร่ง พลานุภาพยิ่งมาก
อย่างไรก็ตามกงล้อเทพแบบเลือนลางที่เขาผนึกรวมออกมากลับมีคุณภาพที่แย่กว่ากงล้อเทพชั้นล่างไม่น้อยเลย
สำหรับสิงซาแล้ว ถ้าเกิดกงล้อเทพที่เหวิ้นเต้าผนึกรวมออกมามีคุณภาพสมบูรณ์แบบ เขาก็จะไม่รู้สึกแปลกใจอะไรเลย ในทางตรงกันข้ามการที่เขาผนึกรวมกงล้อเทพที่เทียบเคียงกับชั้นล่างไม่ได้ด้วยซ้ำออกมา กลับทำให้สิงซารู้สึกแปลกใจยิ่งกว่า
“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า……”
ทั้งสี่คนที่อยู่ข้างกายสิงซาหัวเราะหนักมาก “กงล้อเทพขยะที่ไม่ได้มาตรฐานเช่นนี้ มึงก็กล้าเอาออกมาทำให้ตัวเองอับอายขายขี้หน้าเนาะ?”
“เจ้าหนู นี่มึงแจ้นมาขายโง่โดยเฉพาะหรือ?”
จู่ ๆ ก็มีจิตสังหารพุ่งออกมาจากดวงตาของคนคนหนึ่ง จากนั้นเขาก็ลงมือโจมตีอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย ดาบเทพเล่มหนึ่งถูกเขาเรียกออกมา แล้วพุ่งสับไปทางหลัวซิว
ในขณะเดียวกัน กงล้อเทพสองวงที่อยู่หลังศีรษะสั่นเทิ้มจนเสียงดังหึ่ง ๆ ภายใต้การปลุกเสกจากกงล้อเทพสองวง พลานุภาพของการโจมตีในครั้งนี้จึงทรงพลังมากยิ่งขึ้น ซึ่งสามารถเทียบทัดราชาเทพระดับเก้าได้แล้ว
คนดังกล่าวคืออัจฉริยะที่กำเนิดจากตำหนักเลี่ยเทียน ผลการฝึกตนเทพมารระดับเก้าช่วงปลายแต่ก็สามารถเทียบทัดราชาเทพระดับเก้าแล้ว!
“ตู้มม!”
เมื่อเผชิญหน้ากับพลังโจมตีประเภทนี้ หลัวซิวปล่อยหมัดออกไปหนึ่งที หมัดของเขาจึงพุ่งชนเข้ากับดาบเทพ แล้วเกิดเป็นเสียงเหล็กที่กระทบกัน สะเก็ดไฟแตกกระเด็น
ดาบเทพที่มีพลานุภาพเป็นหนึ่งไม่เป็นรองหมุนแล้วกระเด็นออกไป เงาร่างของหลัวซิวหายวับไปกับที่ ก่อนจะปรากฏตรงกลางสิงซาทั้งห้าคนในวินาทีถัดไป
กงล้อเทพไร้ลักษณ์ที่เลือนรางกำลังโคจรอยู่หลังศีรษะเขา หลัวซิวกระตุกยิ้มมุมปากเยือกเย็นเล็กน้อย “ในเมื่อพวกมึงบอกว่ากงล้อเทพของกูเป็นขยะที่ไม่ได้มาตรฐาน เช่นนั้นก็ให้พวกมึงได้พบเห็นรู้จักพลานุภาพของมันหน่อยก็แล้วกัน!”
“เวิ่ง!”
เพียงพริบตาเดียว กงล้อเทพไร้ลักษณ์ก็โคจรอย่างรวดเร็ว จากลักษณะที่เลือนรางในตอนแรกผันเป็นลักษณะที่เป็นแก่นแท้ภายในพริบตา ราวกับกลายเป็นอาวุธเทพของขลังชิ้นหนึ่งที่มีพลานุภาพเป็นหนึ่งไม่เป็นรอง!
มีรัศมีเทวสาดส่องลงมาจากกงล้อเทพไร้ลักษณ์เป็นวงกว้าง ภายใต้การสาดส่องของรัศมีเทว สีหน้าของพวกสิงซาทั้งห้าคนล้วนเปลี่ยนไปอย่างมาก เนื่องจากกงล้อเทพที่ลอยอยู่หลังศีรษะพวกเขาถึงกับสั่นคลอนขึ้นมา เหมือนดั่งมดตัวจ้อยที่ต่ำต้อยกำลังเผชิญหน้ากับจักรพรรดิองค์หนึ่งที่สูงส่งอย่างยิ่ง!
“นี่มันจะเป็นไปได้อย่างไร!”
“นี่คือกงล้อเทพอะไร? เหตุใดจึงมีพลังออร่าที่ทรงพลังเช่นนี้?”
“......”
เพียงกระบวนท่าเดียว กงล้อเทพของพวกเขาทั้งห้าคนก็ถูกกดอัด นอกจากสิงซาผู้มีศักยภาพแข็งแกร่งได้รับผลกระทบที่ค่อนข้างน้อยแล้ว อีกสี่คนที่เหลือล้วนไม่มีพลังที่จะต้านทานได้เลยแม้แต่น้อย แม้แต่ร่างกายของพวกเขาก็ถูกรัศมีเทวที่สาดส่องออกมาจากกงล้อเทพไร้ลักษณ์ควบคุม ขยับไม่ได้เลยแม้แต่น้อย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มหายุทธ์ สะท้านภพ
แปลต่อทีค่า รออ่านอยู่นะคะ🥺🥺...
มีต่อไหมครับ...
รออยู่นะครับ...
เรื่องเก่าอัพเดตบ้าง ไม่ใช่ลงแต่เรื่องใหม่...
เมื่อไรจะลงซักที...
เค้ายังแปลอยู่ไหมครับ...
ไม่ลงให้อ่านซักที...
รออานยุ...
รอต่อไปครับ...
ตอนใหม่ยังไม่ลงเลยครับ...