ผ่านการรับรู้สัญลักษณ์แสงเซียน หลัวซิวได้เข้าใจหลักการของทางธรรมเวชในระดับที่ลึกขึ้นด้วยเช่นกัน
วิถีเซียนหลอมรวมเป็นสัญลักษณ์ เป็นการแสดงให้เห็นของธรรมเวช การจัดเรียงพื้นผิวธรรมเวชนั้นเก็บซ่อนความลึกลับที่ไม่มีที่สิ้นสุด ซึ่งภายในนั้นมีทุกสิ่งทุกอย่างรวมอยู่ รวมถึงความเข้าใจในหลักการของค่ายกลอยู่ด้วย
ชายหนุ่มผมขาวในชั้นที่สิบยังคงเป็นผลการฝึกตนเทพมารขั้นเก้าช่วงปลาย แต่ร่างศักดิ์สิทธิ์วิถีเซียนที่คู่ต่อสู้ครอบครองอยู่มีความแข็งแกร่งมากขึ้นอย่างชัดเจน ในขณะที่หลัวซิวเดินทางมาถึงที่นี่เขาเริ่มรับรู้ถึงความกดดันที่มหาศาลนั้นนั้นด้วย
ผลการฝึกตนเทพมารขั้นเก้าช่วงปลาย แต่ร่างเนื้ออาศัยการสนับสนุนของร่างศักดิ์สิทธิ์วิถีเซียนนั้น กลับไม่ได้แตกต่างกับหลัวซิวมากเท่าไรแล้ว
สิ่งนี้ทำให้หลัวซิวเข้าใจ หากเขาไม่สามารถเพิ่มพลังการต่อสู้ของตนเองผ่านการรับรู้ของวิถีเซียนได้ เขาอาจจะสามารถต่อสู้ไปถึงประมาณชั้นที่สิบสอง ก็น่าจะสิ้นสุดลงด้วยความล้มเหลว
ในชั้นที่สิบนี้ หลัวซิวไม่เร่งรีบที่จะทำลายคู่ต่อสู้เพื่อผ่านด่าน แต่เขาจะพัฒนาการต่อสู้ของตนโดยการสู้รบกับชายหนุ่มผมขาว พร้อมกับรับรู้และประเมินความลึกลับที่อยู่ในสัญลักษณ์ของร่างศักดิ์สิทธิ์วิถีเซียน
วิถีไร้ลักษณ์ที่เขาสร้างขึ้นมีข้อดีที่สำคัญในการแยกวิเคราะห์และตีความสิ่งที่เกิดขึ้น ซึ่งให้เขามีประสิทธิภาพในการประเมินและทำความเข้าใจที่ลึกซึ้งมากขึ้น และเมื่อเขาทำใจให้สงบลงและตั้งใจในการรับรู้และประเมินอย่างละเอียด ความลึกลับและความรู้ใหม่จะเกิดขึ้นในใจของเขาอย่างต่อเนื่อง
สัญลักษณ์แสงเซียนทั้งเก้าชิ้นที่ผสานอยู่ในร่างกายของเขาถูกเขาสับเปลี่ยน แยกส่วน และวิเคราะห์อย่างละเอียด ถึงแม้ว่าเขาจะยังไม่สามารถครอบครองความลึกลับทั้งหมดของวิถีเซียนได้ในสภาวะปัจจุบัน แต่เนื่องจากสัญลักษณ์แสงเซียนได้รวมตัวเข้ากับตนเองแล้ว เพียงแค่เขาสามารถทำความเข้าใจหลักการการทำงานของวิถีเซียนนั้น เช่นนั้นเขาก็สามารถแปลงพลังของวิถีเซียนนี้ให้กลายเป็นพลังของตนเองได้
เหมือนกับเครื่องจักรเครื่องหนึ่ง เราอาจจะไม่รู้ว่าเครื่องจักรนี้ถูกสร้างขึ้นอย่างไร แต่ถ้ารู้วิธีการควบคุมและใช้งาน ก็จะสามารถนำเครื่องจักรนี้มาใช้งานเป็นของของตนเองได้เช่นกัน
ในขณะนี้ หลัวซิวเข้าใจวิถีเซียนในลักษณะที่เป็นเช่นนั้น
ด้วยการประเมินและการรับรู้อย่างต่อเนื่อง หลัวซิวใช้ความพยายามอย่างมากและใช้เวลาเกือบปีเต็มในการค้นพบกฎเกณฑ์ในการทำงานของสัญลักษณ์วิถีเซียนชิ้นแรก
เขาใช้กฎเกณฑ์ของสัญลักษณ์วิถีเซียนในการสร้างความแข็งแกร่งให้กับผลการฝึกตนของตนเอง เขาสำแดงพลังอมตะตราต้าฮวงอีกครั้ง ในฝ่ามือของเขาหลอมรวมเป็นสัญลักษณ์วิถีเซียนชิ้นหนึ่งขึ้นมา!
สัญลักษณ์วิถีเซียนชิ้นนี้ที่หลัวซิวหลอมรวมขึ้นมา เต็มไปด้วยแสงเซียนไหลผ่าน งดงามและน่าอัศจรรย์ เต็มไปด้วยพลังที่แข็งแกร่งที่ยากที่จะประเมินได้
“เป็นเช่นนี้นี่เอง!”
สีหน้าดีใจอย่างมากปรากฏขึ้นบนใบหน้าของหลัวซิว เพียงแค่เขาค้นพบกฎเกณฑ์ในการทำงานของสัญลักษณ์วิถีเซียนชิ้นหนึ่ง เขาก็สามารถรับรู้ถึงพลังอมตะตราต้าฮวงได้อย่างชัดเจน ซึ่งได้เพิ่มขึ้นถึงห้าเท่าของพลังเดิม!
เมื่อพลังเพิ่มขึ้นถึงห้าเท่าหมายถึงอย่างไร? มันหมายความว่าพลังของหลัวซิวเพิ่มขึ้นและแข็งแกร่งอย่างมาก สามารถทำลายศัตรูที่แต่เดิมแล้วมีพลังแทบไม่แตกต่างจากตนเองได้!
“ตราต้าฮวง!”
หลัวซิวสาวเท้าเข้ามาด้านหน้า วิชาตราประทับหลอมรวมอยู่ระหว่างนิ้วมมือ แสงสีทองแผ่กระจายออกไป แสงเซียนพุ่งประทุ ราวกับมีหอคอยฮวงลงมาเยือน รวมเข้ากับวิถีเซียนสัญลักษณ์ พลังอำนาจมหาศาลไร้ที่สิ้นสุด
“ปัง!”
เสียงดังสะท้านหูที่ได้สั่นสะเทือนขึ้น ระหว่างการต่อสู้กับชายหนุ่มผมขาวมาเป็นเวลาเกือบหนึ่งปี ในที่สุดก็ถูกวิชาตราประทับโจมตีจนแหลก กลายเป็นแสงเซียนและสลายไป
ผ่านชั้นที่สิบ สัญลักษณ์วิถีเซียนอีกชิ้นก็เปลี่ยนร่างเป็นลำแสงล้อมผสานเข้ากับร่างของเขา ดังนั้น ในร่างของเขาตอนนี้ก็มีการผสมผสานกับสัญลักษณ์วิถีเซียนถึงสิบชิ้นแล้ว
สัญลักษณ์วิถีเซียนทั้งสิบนี้เต็มไปด้วยความลึกลับแห่งวิถีเซียนที่เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ตั้งแต่สัญลักษณ์แรก จนถึงสัญลักษณ์ที่ได้รับล่าสุด สัญลักษณ์วิถีเซียนเหล่านี้เต็มไปด้วยร่างศักดิ์สิทธิ์วิถีเซียนที่มีความซับซ้อนและยากต่อการตระหนักรู้
จนถึงตอนนี้ หลัวซิวก็รู้เพียงแค่กฎเกณฑ์การทำงานของสัญลักษณ์วิถีเซียนชิ้นแรกเท่านั้น แต่เขายังไม่รู้เรื่องหลักการของการสร้างธรรมเวชของสัญลักษณ์วิถีเซียนเลย
เข้าสู่ชั้นที่สิบเอ็ด ชายหนุ่มผมขาวที่ปรากฏตัวจากแสงเซียนก็ยิ่งแข็งแกร่งมากขึ้น แต่สำหรับหลัวซิวที่เรียนรู้การควบคุมสัญลักษณ์วิถีเซียนอย่างน้อยหนึ่งชิ้นได้แล้วนั้น การที่จะเอาชนะจึงไม่ใช่เรื่องยาก
แต่หลัวซิวก็ยังไม่เร่งรีบที่จะผ่านด่าน แต่กลับได้เริ่มต้นต่อสู้กับชายหนุ่มผมขาว พร้อมกับการเริ่มต้นในการตระหนักรู้และค้นคว้ากฎเกณฑ์การทำงานของสัญลักษณ์วิถีเซียนชิ้นที่สอง
เมื่อเขาผ่านด่านที่สิบเอ็ด ไม่เพียงแค่เขาได้รับสัญลักษณ์วิถีเซียนชิ้นที่สิบเอ็ดที่ผสานเข้ากับร่างของเขา แต่ยังมีแสงเซียนอีกหนึ่งเส้นปรากฏขึ้นและไหลเข้าสู่ร่างกายของเขา ทำให้ผลการฝึกตนที่ติดกฎเกณฑ์มานานแสนนานได้เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
ผลการฝึกตนเทพมารขั้นเก้าช่วงปลายผลของเขา ค่อย ๆ เพิ่มขึ้นสูงขึ้นเรื่อย ๆ อย่างไม่สามารถควบคุมได้ จนเขาได้เข้าสู่แดนเทพมารขั้นเก้าขั้นสูงในทันที!
“วังเซียนศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ที่แท้ก็เป็นโอกาสที่ไร้เทียมทานจริง ๆ!”
หลัวซิวรู้สึกยินดีมาก ถึงแม้จะเป็นเพียงการก้าวข้ามในแดนเล็กเท่านั้น แต่หากเขาต้องฝึกตนด้วยตนเอง นอกจากจะต้องใช้ทรัพยากรสมบัติมากมาย ยังต้องใช้เวลาในการตบะอีกอีกหลายสิบปีกว่าจะสามารถทำได้สำเร็จ
เนื่องจากฐานรากและพื้นฐานของเขามีความลึกลับมาก การข้ามระดับในแดนเล็กนั้นมีความยากลำบากเกือบเท่ากับการเข้าข้ามระดับในแดนใหญ่ของคนอื่น ๆเลยทีเดียว
แต่ก็เพราะว่าฐานรากและพื้นฐานที่แข็งแกร่งและลึกซึ้งของเขา ทำให้เขาสามารถก้าวไปได้ไกลในวังเซียนศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ กลับกันถ้าเป็นนักยุทธ์ทั่วไปอาจจะไม่สามารถผ่านด่านต้น ๆ ได้ด้วยซ้ำ
หลัวซิวก้าวหน้าอย่างมั่นคง มุ่งหน้ากล้าหาญและไม่มีใครที่สามารถเอาชนะได้ เมื่อหลัวซิวเข้าถึงชั้นที่สิบห้าของวังเซียนศักดิ์สิทธิ์ เขาก็ได้ตระหนักรู้สัญลักษณ์วิถีเซียนสามชิ้นแล้ว
หลังจากที่หลัวซิวได้ครอบครองสัญลักษณ์วิถีเซียนชิ้นที่สาม เขาก็รู้ได้ทันทีว่านั่นเป็นขีดจำกัดของเขาแล้ว หากเขาต้องการตระหนักรู้และครอบครองสัญลักษณ์วิถีเซียนชิ้นที่สี่ ก็จำเป็นต้องทำให้ผลการฝึกตนยกระดับไปถึงแดนราชาเทพขั้นเก้าเสียก่อน เช่นนั้น วิถีไร้ลักษณ์ของเขาจะได้รับการเลื่อนขั้นสู่ระดับที่สูงขึ้น และมีเพิ่มความสามารถในการตระหนักรู้ได้มากขึ้น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มหายุทธ์ สะท้านภพ
แปลต่อทีค่า รออ่านอยู่นะคะ🥺🥺...
มีต่อไหมครับ...
รออยู่นะครับ...
เรื่องเก่าอัพเดตบ้าง ไม่ใช่ลงแต่เรื่องใหม่...
เมื่อไรจะลงซักที...
เค้ายังแปลอยู่ไหมครับ...
ไม่ลงให้อ่านซักที...
รออานยุ...
รอต่อไปครับ...
ตอนใหม่ยังไม่ลงเลยครับ...