มหายุทธ์ สะท้านภพ นิยาย บท 2864

แสงเทวไร้สิ้นสุดพุ่งออกมาจากเตาเทว ทุกที่ที่แสงเทวแผ่ซ่านไปถึง อนัตตาแหลกละเอียด สรรพสิ่งสูญสลาย

แสงเทวรวมตัวอย่างไม่ขาดสาย กลายเป็นเงาร่างมนุษย์สูงตระหง่านร่างหนึ่ง เฉกเช่นผู้สูงส่งในโลก ดูหมิ่นนานาสรรพสิ่ง!

พบเพียงว่าเงาร่างผู้สูงส่งยกมือข้างหนึ่งขึ้นแล้วกดลงไป แสงดาวที่แปลงมาจากค่ายกลที่สร้างโดยร้อยแปดดาราถูกซัดจนกระจัดกระจาย

เตาอลวนหวูจี๋ลอยอยู่เหนือศีรษะของหลัวซิว ขอเพียงเขาขับเคลื่อนห้วงความคิด เงาร่างผู้สูงส่งที่เกินขึ้นจากการผนึกรวมแสงเทวอลวน ก็จะโจมตีตามที่เขาต้องการ

ในตอนนี้เอง แสงกระบี่ที่เกิดขึ้นจากพลังอมตะต้วนคง ได้กวดเข้ามาในแนวนอน เงาร่างผู้สูงส่งยกแขนทั้งขึ้นขวาง เสียงคำรามสนั่นหวั่นไหวดังก้องอย่างไม่มีสิ้นสุด ฝุ่นละอองคละคลุ้งไปทั่ว

“อะไรน่ะ!”

จู่ ๆ แววตาของจักรพรรดิเทพต้วนคงก็เปลี่ยนไป เขาสัมผัสได้อย่างชัดเจนว่าพลังอมตะต้วนคงของตนเองได้ถูกทำลายลง

ในขณะเดียวกัน จักรพรรดิเทพอีกสามคนที่เหลือต่างก็รูม่านตาหดเล็กลง “เหตุใดฝีมือของเจ้าหลัวซิวคนนี้ถึงได้แข็งแกร่งเช่นนี้ และเตาเทวใบนี้ของมันมีที่มาอย่างไร?”

“การโจมตีในเมื่อสักครู่ต่อให้เป็นจักรพรรดิเทพธรรมดาทั่วไปก็ต้องร่างตายเต๋าสายอย่างแน่นอน ดูท่าข้อมูลที่แดนศักดิ์สิทธิ์วิถีปีศาจให้มามิได้กล่าวเกินไปเลยสักนิด เจ้าคนนี้แม้จะเป็นเพียงเทพมาระดับเก้า แต่กลับฆ่าได้ยากยิ่งกว่าจักรพรรดิเทพธรรมดาทั่วไปเสียอีก!” จักรพรรดิเทพต้วนคงกล่าวเสียงเข้ม

แม้ว่าจักรพรรดิเทพทั้งสี่จะตกตะลึง ทว่าสีหน้าท่าทางกลับไม่มีความลนลานอยู่เลยสักนิด

พบเพียงว่าพลังตราประทับในมือของจักรพรรดิเทพเจี้ยนบูเปลี่ยนแปลงไปมา อนัตตาฟ้าดินสั่นสะท้านคำราม ค่ายกลร้อยแปดดารากระจายแสงดาวออกมามากยิ่งขึ้น กลายเป็นโซ่แสงดาวสายแล้วสายเล่า

ในโซ่แสงดาวเหล่านี้ มีโซ่แสงดาวเก้าเส้นที่ค่อนข้างหนาใหญ่ เฉกเช่นแสงดาวมังกรยักษ์ ทะยานอยู่กลางอากาศ

จักรพรรดิเทพเจี้ยนบูไม่ชำนาญด้านการโจมตี แต่กลับมีฝีมือพันธนาการศัตรูที่ค่อนข้างพิเศษ

เพียงชั่วพริบตา ภายใต้ผลกระทบจากวิชาตราประทับของจักรพรรดิเทพเจี้ยนบู โซ่แสงดาวมากมายนับไม่ถ้วนพุ่งรายล้อมเข้าหาหลัวซิวอย่างมืดฟ้ามัวดิน โซ่แสงดาวสายแล้วสาวเล่าราวกับหมื่นมังกรทะยานฟ้า ยาวนับร้อยลี้ กระแสเสียงน่าตกตะลึง

หลัวซิวขับเคลื่อนเตาอลวนหวูจี๋ควบคุมเงาลวงผู้สูงส่งด้วยเตาเทวให้สองมือโบกสะบัด ทำลายโซ่แสงดาวที่พุ่งเข้ามา ทว่าโซ่แสงดาวที่อยู่รอบ ๆ มีมากเกินไป เขาจึงได้แต่รับมือ ไม่มีทางหาโอกาสโจมตีกลับได้เลย

นี่ก็คือฝีมือที่แท้จริงของจักรพรรดิเทพ แค่จักรพรรดิเทพเจี้ยนบูคนเดียวก็สยบจนหลัวซิวต้องตกเป็นรอง แถมยังมีจักรพรรดิเทพต้วนคงคอยโจมตีสนับสนุนอยู่ด้านข้าง หากไม่ใช่เพราะความแข็งแกร่งของเตาอลวนหวูจี๋แม้ว่าร่างยุทธ์ร่างเนื้อของหลัวซิวจะทัดเทียมได้กับร่างของจักรพรรดิเทพ เกรงว่าก็คงต้องตายไปนานแล้ว

ยิ่งไปกว่านั้นยังมีจักรพรรดิเทพอีกสองคนอย่างหนานกวนกับเทียนหยวนที่ยังไม่ได้ลงมือ นี่ทำให้หลัวซิวที่ถูกขังอยู่ในค่ายดารารับรู้ได้ว่า ครั้งนี้ตนเองค่อนข้างอันตรายจริง ๆ แล้ว

......

บริเวณปากทางเข้าหุบเขากระบี่ของอาณากระบี่หวูจี๋ ตู๋กูเจี้ยนเฉินได้มาถึงตรงนี้

ผลการฝึกตนของเขาเพิ่งบรรลุมหาจักรพรรดิยุทธ์วัฏจักรแปดได้ไม่นาน ก่อนหน้านี้ได้ปิดขังตนฝึกฝนอย่างสงบอยู่ในที่พักของตนเอง เพื่อมั่นคงผลการฝึกตน

ทว่าเมื่อสักครู่นั่นเอง เขาถูกเจ้าแดนเรียกพบ ให้เขามายังหุบเขากระบี่แห่งนี้

เจ้าแดนแห่งอาณากระบี่นั้นลึกลับแต่ใดมา และตู๋กูเจี้ยนเฉินก็ยิ่งทราบเป็นอย่างดี เจ้าแดนของอาณากระบี่ไม่เคยเปลี่ยนแปลงเลยสักครั้ง ซึ่งนั่นก็หมายความว่า นับตั้งแต่อาณากระบี่หวูจี๋ก่อตั้งขึ้น เจ้าแทนท่านนี้ก็ดำรงอยู่มาโดยตลอด

และการก่อตั้งของอาณากระบี่หวูจี๋ ต้องย้อนกลับไปตั้งแต่สมัยวัฏสงสาร การดำรงอยู่เช่นไรถึงได้มีชีวิตอยู่นานถึงขนาดนี้?

ด้วยเหตุนี้ ในใจของบรรดาลูกศิษย์ของตระกูลตู๋กูทุกคน เจ้าแดนนั้นลึกลับเป็นอย่างมาก

ด้วยความรู้สึกเคารพเลื่อมใสบางอย่าง ตู๋กูเจี้ยนเฉินได้มาถึงเรือนที่ตั้งอยู่ใจกลางหุบเขากระบี่

“ศิษย์รุ่นหลังตู๋กู น้อมพบจ้าแดน......”

ตู๋กูเจี้ยนเฉินยืนมอยู่หน้าประตูเรือน แล้วกล่าวทำความเคารพอย่างนอบน้อม

“อืม เจ้ามาแล้วหรือ”

เสียงราบเรียบดังออกมาจากด้านในเรือน ทว่าประตูเรือนกลับมิได้เปิดออก

“ในบรรดาศิษย์รุ่นหลังสายของข้า เจ้านับว่าเป็นอัจฉริยะวิถีกระบี่ที่โดดเด่นเหนือผู้อื่น และบัดนี้ได้บรรลุถึงแดนมหาจักรพรรดิยุทธ์วัฏจักรแปดแล้ว นอกจากนี้ด้วยความช่วยเหลือจากศิษย์น้องเล็กได้ทำให้รากฐานผู้สูงส่งมั่นคง ก็นับว่าเจ้าสำเร็จบริบูรณ์แล้ว

คำพูดที่ลอยออกมาจากในเรือน ทำให้ตู๋กูเจี้ยนเฉินหัวใจสั่นสะท้าน ที่เขาสามารถมั่นคงรากฐานผู้สูงส่งได้ ก็เพราะอาศัยม้วนหยกทั้งสามที่หลัวซิวมอบให้ เช่นนั้นศิษย์น้องเล็กคนนี้ที่เจ้าแดนกล่าวถึง ก็คือหลัวซิวเองมิใช่หรือ?

ตู๋กูเจี้ยนเฉินไม่รู้ว่าหลัวซิวกลายเป็นศิษย์น้องของเจ้าแดนได้อย่างไร ทว่าเขาก็สัมผัสได้อย่างเลือนรางว่าในนี้มีเรื่องราวที่คนอื่นไม่รู้ซ่อนอยู่มากมาย

ตู๋กูเจี้ยนเฉินไม่คิดไปสืบเสาะเรื่องราวเหล่านี้ เพราะเขาทราบดีว่าเรื่องบางเรื่องที่เขาควรรับรู้ เขาย่อมจะได้รู้มันเอง เรื่องที่เขาไม่ควรรู้ ก็ไม่รู้จะดีกว่า

เหมือนว่าเจ้าแดนจะพอใจกับปฏิกิริยาของตู๋กูเจี่ยนเฉินเป็นอย่างมาก เสียงของเขาดังลอยมาอย่างเรียบ ๆ “เจ้าสามารถบรรลุถึงแดนมหาจักรพรรดิยุทธ์วัฏจักรแปดได้อย่างราบรื่น พูดได้ว่าอาจารย์อาเล็กของเจ้าคนนั้นมีความดีความชอบไม่น้อย และตอนนี้เขากำลังเผชิญหน้ากับความลำบาก เจ้าก็ไปช่วยเขาให้หลุดพ้นจากความลำบากในครั้งนี้เถิด”

ตอนที่ตู๋กูเจี้ยนเฉินเดินออกมาจากหุบเขากระบี่ บนใบหน้าของเขาก็อดไม่ได้ที่จะมีท่าทางพูดไม่ออกบอกไม่ถูกปรากฏขึ้นมา เหตุใดเพียงแค่ชั่วพริบตา เจ้าหลัวซิวคนนั้นได้กลายเป็นอาจารย์อาของตนเองไปเสียแล้วเล่า?

......

เมิ่งเชียนชางมองสนามรบอยู่ไกล ๆ แววความเย้ยหยันปรากฏขึ้นมาบนใบหน้าของเขา “คิดไม่ถึงว่าไท่ซ่างฉิงจะมีลูกเล่นอยู่ไม่น้อยเลย น่าเสียดายเมื่อต้องเผชิญหน้ากับการโจมตีของจักรพรรดิเทพทั้งสี่ มันจักต้องตายอย่างแน่นอน”

“จักรพรรดิเทพเจี้ยนบู จักรพรรดิเทพต้วนคงเป็นเพียงอาหารเรียกน้ำย่อยเท่านั้น คนที่ร้ายกาจที่สุดในบรรดาจักรพรรดิเทพทั้งสี่ยังคงเป็นจักรพรรดิเทพเทียนหยวน ในมือของจักรพรรดิเทพหนานกวนยังครอบครองเศษณ์มหาจักรพรรดิยุทธ์ที่อานุภาพเลิศล้ำอยู่ด้วย!”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มหายุทธ์ สะท้านภพ