ไม่ว่าจะเป็นผลการฝึกตนหรือร่างยุทธ์ร่างเนื้อ ระหว่างหลัวซิวกับแดนมหาจักรพรรดิยุทธ์วัฏจักรแปดต่างก็มีช่องว่างขนาดใหญ่มาตลอด
ทว่าเขากลับยังคงอาศัยผลการฝึกตนในปัจจุบันของเขาต่อสู้กับผู้แข็งแกร่งระดับมหาจักรพรรดิยุทธ์วัฏจักรแปดได้ นั่นก็เพราะอาศัยความร้ายกาจของพลังแห่งวิถีเซียน
หากเขามิได้บุกเบิกวิถีเซียนผนึกรวมพลังแห่งวิถีเซียน เช่นนั้นแม้ว่าเขาจะมีการตระหนักรู้ธรรมดั้งเดิมที่ค่อนข้างสูง แรงเต๋าของเขาก็ยากที่จะทัดเทียมกับมหาจักรพรรดิยุทธ์ได้
แต่พลังแห่งวิถีเซียนนั้นไม่เหมือนกัน อาศัยพลังอมตะที่ถูกแสดงออกมาด้วยพลังแห่งวิถีเซียน ทำให้ด้านการโจมตีของเขา ทำให้เขาตามทันหรือเหนือกว่ามหาจักรพรรดิยุทธ์วัฏจักรแปดธรรมดาทั่วไป!
มหาจักรพรรดิยุทธ์ที่ถูกหลัวซิวจู่โจมจนลอยปลิวออกไปคนนั้นได้กลับเข้าสู่วงล้อมโจมตีอีกครั้ง ร่างของหลัวซิวปกคลุมไปด้วยแสงอันเจิดจรัส ภายใต้อิทธิพลสรรพวิถีล้วนว้าง ทำให้การโจมตีของมหาจักรพรรดิยุทธ์ยากที่จะทำอันตรายเขาได้
ดั่งคำพูดที่ว่าทหารสู้กับทหาร แม่ทัพสู้กับแม่ทัพ หลังจากการหยั่งเชิงขั้นต้นเสร็จสิ้นลง สถานการณ์ในสนามรบก็ค่อย ๆ คงที่
ถูกมหาจักรพรรดิยุทธ์วัฏจักรแปดสามคนพัวพัน มังกรอสูรดำสองตัวร้องคำรามพลางพุ่งเข้าหาหลัวซิว กระแสพลังที่กระจายออกมาของแต่ละตัวล้วนเทียบเท่ากับมหาจักรพรรดิยุทธ์วัฏจักรแปดช่วงปลายขึ้นไป
“ขวางพวกมันเอาไว้!”
ในสนามรบ หลัวซิวมิได้ต่อสู้เพียงลำพัง เมื่อเห็นว่าเขาตกอยู่ในอันตราย ผู้แข็งแกร่งของฝ่ายเมืองต้าฮวงโบราณก็ได้ขับเคลื่อนเรือรบอสูรร้าง เข้าขัดขวางหุ่นเชิดมังกรอสูรดำทั้งสองตัวเอาไว้
ความแข็งแกร่งของเรือรบอสูรร้าง ด้อยกว่าหุ่นเชิดมังกรอสูรอยู่เล็กน้อย ไม่ว่าจะเป็นฝีมือในการโจมตีหรือความคล่องตัวในการโจมตี ต่างก็ด้อยกว่าเล็กน้อย
เรือรบอสูรร้างทั้งสี่ลำที่ยื่นมือเข้าช่วย สองลำรวมเป็นหนึ่งกลุ่ม แยกกันขัดขวางหุ่นเชิดมังกรอสูร
สาเหตุที่ความแตกต่างระหว่างเรือรบอสูรร้างกับหุ่นเชิดมังกรอสูรไม่ทำให้สถานการณ์ของสนามรบเอียงไปฝ่ายเดียว นั่นเป็นเพราะในด้านจำนวนของเรือรบอสูรร้าง เหนือกว่าหุ่นเชิดมังกรอสูร
เมื่อเห็นว่าหุ่นเชิดมังกรอสูรสองตัวที่บุกสังหารเข้ามาถูกขวางเอาไว้ หลัวซิวก็ไม่มีอะไรต้องเป็นกังวลอีก พลังอมตะวิถีเซียนอันล้ำเลิศแขนงต่าง ๆ ได้เบ่งบานออกมาจากฝ่ามือของเขา อาศัยพลังของตนเองเพียงคนเดียว สยบมหาจักรพรรดิยุทธ์วัฏจักรแปดทั้งสามคนเอาไว้ได้!
จักต้องรู้ว่า ในสามคนนี้ มีคนหนึ่งที่อยู่ในแดนมหาจักรพรรดิยุทธ์วัฏจักรแปดช่วงกลาง!
......
ในหุบเขาอสูรฟ้า ผู้ที่รับผิดชอบควบคุมกองทัพนั้นมิใช่จ้าวปีศาจเทียนหยาง และก็ไม่ใช่บรรพอาจารย์เฉว่ซ่า ในฐานะผู้กุมอำนาจของแดนศักดิ์สิทธิ์วิถีปีศาจกับชนเผ่าเฉว่าซ่า ตอนนี้พวกเขากำลังยืนอย่างเคารพนอบน้อมอยู่ด้านหลังบุรุษหนุ่มชุดขาวผู้หนึ่ง
“คนผู้นี้เป็นใครกัน?”
ด้านหน้าของบุรุษหนุ่มชุดขาวมีกระจกอยู่บานหนึ่ง สถานการร์ทั้งหมดของสนามรบปรากฏอยู่ในกระจกบานนั้น และที่บุรุษหนุ่มชุดขาวกำลังชี้อยู่ในตอนนี้ คือการต่อสู้ระหว่างหลัวซิวกับมหาจักรพรรดิยุทธ์วัฏจักรแปดทั้งสาม
เมื่อการต่อสู้เพิ่มระดับขึ้น มหาจักรพรรดิยุทธ์วัฏจักรแปดได้เข้าสู่สนามรบเป็นที่เรียบร้อย เป็นกำลังรบขั้นสูงของสนามรบในขณะนี้
ตามหลักการโดยทั่วไปแล้ว มหาจักรพรรดิยุทธ์วัฏจักรแปดขั้นปฐมภูมิสองคนกับมหาจักรพรรดิยุทธ์วัฏจักรแปดช่างกลางหนึ่งคนร่วมมือกัน มีเพียงผู้แข็งแกร่งที่มีผลการฝึกตนมหาจักรพรรดิยุทธ์วัฏจักรแปดช่วงปลายขึ้นไป ถึงมีความเป็นไปได้ที่จะสยบพวกเขา
ทว่าภาพที่แสดงขึ้นมาบนกระจกในเวลานี้ คู่ต่อสู้ของมหาจักรพรรดิยุทธ์วัฏจักรแปดทั้งสามของฝ่ายตน คลื่นพลังผลการฝึกตนที่แผ่ซ่านออกมารอบกายของเขา เหมือนจะไม่ถึงแดนจักรพรรดิเทพวัฏจักรเจ็ดด้วยซ้ำ
“ข้าน้อยเองก็ไม่ทราบ......” บรรพอาจารย์ชนเผ่าเฉว่ซ่าตอบอย่างรวดเร็ว
“ไม่รู้งั้นหรือ?” บุรุษหนุ่มชุดขาวมีสีหน้าเยือกเย็นลงทันที “แม้แต่ข้อมูลของคู่ต่อสู้ยังรวบรวมไว้ในกำมือไม่ได้ เก็บพวกเจ้าเอาไว้มีประโยชน์อันใด?”
ระหว่างที่กล่าวนั้น ไอสังหารอันดุเดือดได้แผ่ซ่านออกมาจากร่างของบุรุษหนุ่มชุดขาว ภายใต้การครอบงำของไอสังหารกลุ่มนี้ ร่างของบรรพอาจารย์ชนเผ่าเฉว่ซ่าสั่นสะท้านขึ้นมาอย่างห้ามไม่ได้
“ท่านทูตโปรดอย่าโมโห”
ในตอนนี้เอง จ้าวปีศาจเทียนหยางได้เอ่ยขึ้น เขากล่าวอย่างนอบน้อม “ข้อมูลอัจฉริยะของกองกำลังต่าง ๆ ในโลกร้างที่เป็นอันตราย พวกเราได้พยายามรวบรวมแล้ว แต่คนผู้นี้ไม่เคยปรากฏตัวมาก่อนเลย”
“นั่นเพราะพวกเจ้าไร้ความสามารถ!” บุรุษหนุ่มชุดขาวกล่าวเสียงเย็นชา “ข้าไม่อยากฟังคำแก้ตัวอันไร้ประโยชน์ของพวกเจ้า”
“ท่านทูตขอรับ ข้าน้อยจะเป็นคนลงมือเอาชีวิตของมันเองตอนนี้เลย”
ในตอนนี้เอง จ้าวปีศาจเสวียนหยินได้ยืนออกมา ออกตัวขอรับคำสั่งเอง
ในฐานะผู้นำสำนักหยินของแดนศักดิ์สิทธิ์วิถีปีศาจ จ้าวปีศาจเสวียนหยินเป็นผู้แข็งแกร่งระดับมหาจักรพรรดิยุทธ์วัฏจักรเก้า
“รีบสู้รีบจบ” ทูตชุดขาวพยักหน้า
“ขอรับ!”
จ้าวปีศาจเสวียนหยินกลายร่างเป็นแสงกลบินเหาะออกไปด้านนอกหุบเขาอสูรฟ้า สังหารศัตรูที่อยู่ในแดนมหาจักรพรรดิยุทธ์วัฏจักรแปดโดยอาศัยผลการฝึกตนในระดับมหาจักรพรรดิยุทธ์วัฏจักรเก้ามันไม่มีอันตรายใด ๆ อยู่เลย
ข้างกายของท่านทูตชุดชาว ฮวงจวินจ้องเงาร่างที่อยู่ในกระจกอย่างไม่ละสายตา แฝงไปด้วยความสงสัย
ขณะที่สถานการณ์ในสนามรบแบ่งแยกแพ้ชนะไม่ได้ ทั้งต่างฝ่ายต่างพิจารณาว่าจะให้มหาจักรพรรดิยุทธ์วัฏจักรเก้าลงสู่สนามรบหรือไม่
ทางฝ่ายเมืองตน้าฮวงโบราณไม่มีการเคลื่อนไหวใด ๆ เพราะทั้งสองฝ่ายต่างไม่รู้ว่าอีกฝ่ายมีกำลังรบขั้นสูงอยู่มากน้อยเพียงใดกันแน่ แค่ดูจากจำนวนของมหาจักรพรรดิยุทธ์วัฏจักรแปด ทั้งสองฝ่ายห่างกันไม่มากนัก
หากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเคลื่อนไหวก่อนก็จะตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบทันควัน เพราะทันทีที่มหาจักรพรรดิยุทธ์วัฏจักรเก้าลงสู่สนามรบ การสิ้นชีพของคนใดคนหนึ่งล้วนเป็นการสูญเสียครั้งใหญ่
ดังนั้นเจ้าเมืองต้าฮวงจึงไม่ได้ทำอะไรโดยพลการ หากต้องลงมือจริง ๆ ย่อมจักต้องเลือกโจมตีคู่ต่อสู้อย่างรุนแรงในเวลาสำคัญ!
บนเงาสะท้อนค่ายกลแต่ละสาย ได้ปรากฏให้เห็นสถานการณ์ของสนามรบในทุกจุด สายตาของเจ้าเมืองต้าฮวงย่อมต้องสังเกตเห็นหลัวซิวอยู่แล้ว แม้ว่าหลัวซิวจะใช้วิถีไร้ลักษณ์เปลี่ยนแปลงรูปร่างหน้าตาและกลิ่นอาย แถมยังบดบังพลังอมตะของตน แต่เขาก็ยังรู้ว่าคนผู้นี้ก็คือหลัวซิว
นับตั้งแต่เกิดเรื่องในครั้งก่อนขึ้น บรรดาบรรพอาจารย์ในสถานบรรพบุรุษได้แจ้งมายังเขาแล้ว หลัวซิวผู้นี้เป็นตัวแปรที่สำคัญมาก ให้เขาปกป้องคนผู้นี้เอาไว้ให้ดี
เจ้าเมืองต้าฮวงไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดบรรดาบรรพอาจารย์ถึงได้ทำเช่นนี้ แต่ภารกิจของเขาคือการปฏิบัติตามคำสั่งของบรรดาบรรพอาจารย์ จะให้เกิดความผิดพลาดไม่ได้แม้แต่น้อย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มหายุทธ์ สะท้านภพ
แปลต่อทีค่า รออ่านอยู่นะคะ🥺🥺...
มีต่อไหมครับ...
รออยู่นะครับ...
เรื่องเก่าอัพเดตบ้าง ไม่ใช่ลงแต่เรื่องใหม่...
เมื่อไรจะลงซักที...
เค้ายังแปลอยู่ไหมครับ...
ไม่ลงให้อ่านซักที...
รออานยุ...
รอต่อไปครับ...
ตอนใหม่ยังไม่ลงเลยครับ...