มหายุทธ์ สะท้านภพ นิยาย บท 2933

ตามคำบอกของเหยียนเยว่เอ๋อร์ หลัวซิวรู้สึกว่าผลลัพธ์จากเรื่องการพังทลายของสถานปรักเซียนแดนบรรพกาล มีความเลวร้ายมากกว่าที่คิดคิดเอาไว้

อย่างไรก็ตาม ในตอนนี้ตัวของเขาอยู่ที่โลกใต้ดิน อาการบาดเจ็บบนร่างกายยังไม่ได้ฟื้นฟูอย่างสมบูรณ์ ดังนั้นจึงยังไม่รู้แน่ชัดว่าสถานการณ์โลกร้างดำเนินไปจนถึงขั้นใดแล้ว

“ไปเถอะ พวกเราไปจากที่แห่งนี้กัน” หลังจากครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง หลัวซิวก็ตบไปที่หลังของเหยียนเยว่เอ๋อร์เบา ๆ แล้วเอ่ยขึ้น

ตัวสำนึกมากมายที่วนเวียนอยู่ภายนอกห้องนั้น หลัวซิวย่อมสังเกตได้อยู่แล้ว ด้วยอาการบาดเจ็บของเขาในวันนี้ไม่สามารถไปต่อสู้กับผู้ใดได้ ถึงแม้ว่าพลังของเยว่เอ๋อร์จะไม่ได้อ่อนแอ แต่หลัวซิวกลับไม่อยากให้นางต้องตกอยู่ในอันตราย

“อืม เอาตามที่ฟู่จวินว่า”

สำหรับการตัดสินใจนี้ของหลัวซิว เหยียนเยว่เอ๋อร์พยักหน้าตอบรับโดยไม่แม้แต่จะคิดสักนิด เพราะสำหรับนางแล้ว แค่เพียงสามารถอยู่เคียงข้างกับฟู่จวินได้ ไม่ว่าไปที่ใดก็เหมือนกัน

เมื่อหลัวซิวและเหยียนเยว่เอ๋อร์เดินออกมาจากเกสเฮ้าว์พร้อมกัน คนของตี้เทียนเจี๋ยที่ถูกส่งให้อยู่รอบ ๆ เกสเฮ้าว์ ก็รีบนำข้อมูลไปรายงานเขาทันที

“ชายผู้หนึ่งหรือ?”

เมื่อตี้เทียนเจี๋ยได้ยินเช่นนั้น ใบหน้าก็เผยความประหลาดใจออกมา ตามข้อมูลที่คนของเขามี ตอนที่ผู้หญิงคนนั้นเข้าไปในเกสเฮ้าว์มีแค่เพียงนางคนเดียว แต่ตอนที่นางออกมานั้น กลับมีชายหนุ่มตามออกมาด้วย?

“ท่านชายยังจำได้หรือไม่ว่าหญิงผู้นี้เมื่อตอนที่เข้ามาในเมืองแสงดาวในมือถือหอคอยสีทองเล็ก ๆ เอาไว้?” คนรับใช้วัยชราเอ่ยพูดขึ้นอย่างกระทันหัน

“เจ้าหมายความว่า?” ตี้เทียนเจี๋ยได้ยินดังนั้น แววตาก็เป็นประกายขึ้นมาเล็กน้อย

“ใช่แล้วท่านชาย ข้าน้อยสงสัยว่าหอคอยสีทองเล็ก ๆ นี้น่าจะเป็นของขลังระดับสูง เหตุที่นางอุ้มเอาไว้นั้น ก็เพราะว่านางไม่สามารถหาวิธีเก็บลงไปในแหวนเก็บของได้ ส่วนชายผู้นั้นก็มีความเป็นไปได้อย่างมากว่าจะอยู่ภายในหอคอยเล็กนั่นอยู่ตลอด”

คนรับใช้วัยชราพยักหน้าและพูดต่อ “ผลการฝึกตนของข้าน้อยก็อยู่ในระดับมหาจักรพรรดิยุทธ์วัฏจักรแปด แม้แต่ข้าน้อยเองก็ยังมองไม่ออกว่าว่าหอคอยนั้นมีสิ่งใดที่ไม่ที่ไม่ธรรมดา เห็นได้ชัดว่าของขลังชิ้นนั้นน่าจะไม่ใช่ของทั่ว ๆ ไป อย่างน้อยก็ต้องเป็นเศษณ์มหาจักรพรรดิยุทธ์”

“แค่เพียงเศษณ์มหาจักรพรรดิยุทธ์ชิ้นหนึ่งมันจะไปพออะไร ข้าต้องการเพียงตัวของหญิงผู้นั้น” ตี้เทียนเจี๋ยส่ายหน้าอย่างไม่ใส่ใจ ด้วยสถานะของเขาจะไปขาดแคลนของขลังศัสตราวุธระดับนี้ได้อย่างไร?

ตี้เทียนเจี๋ยไม่สนใจ แต่ลูกน้องข้างกายของเขากลับไม่เป็นเช่นนั้น เมื่อเขาได้ยินคำพูดนี้ของตี้เทียนเจี๋ย ก็รู้ได้ทันทีว่าถ้าหากสามารถเอาตัวหญิงผู้นั้นมาได้ ท่านชายก็น่าจะยกหอคอยนั้นเป็นรางวัลให้กับตนเอง

……

หลังจากเดินออกมาจากเกสเฮ้าว์ หลัวซิวก็เอาเตาอลวนหวูจี๋มอบให้กับเหยียนเยว่เอ๋อร์ ส่วนตัวเขาก็หยิบขวดหยกออกมาขวดหนึ่ง เงยหน้าขึ้นดื่มน้ำอมฤตเทียนอีภายในขวดหยกหมดภายในอึกเดียว

น้ำอมฤตเทียนอีคือยาศักดิ์สิทธิ์รักษาบาดแผล เพียงแค่หยดเดียวก็สามารถทำให้ผู้แข็งแกร่งระดับประมุขเต๋าฟื้นฟูบาดแผลได้ แต่หลัวซิวกลับดื่มครั้งเดียวหมดขวด

แก่นแท้ชีวีอันมหาศาลและอุดมสมบูรณ์ประทุและแผ่ซ่านไปทั่วทั้งร่างกาย หากดื่มน้ำอมฤตเทียนอีหนึ่งหยดเพื่อรักษาบาดแผล เป็นกระบวนการฟื้นฟูอย่างค่อยเป็นค่อยไป เช่นนั้นก็ดื่มครั้งเดียวหมดทั้งขวด วิธีการฟื้นฟูนั้นก็จะค่อนข้างรุนแรง เพราะว่าแก่นแท้ชีวีนั้นมหาศาลเกินไป เรียกได้ว่าเขารู้สึกเหมือนว่าร่างของเขาไม่ต่างอะไรกับลูกโป่งมันพองจนแทบจะระเบิดออก

“เยว่เอ๋อร์ ไปกันเถอะ”

หลัวซิวจูงมือของเหยียนเยว่เอ๋อร์ เดินออกมาจากเกสเฮ้าว์ทันที มาถึงยังถนนใหญ่ของเมืองแสงดาว

“แม่นางท่านนี้ ท่านชายของพวกเราเชิญท่านไปหา”

ร่างหนึ่งปรากฏขึ้นกลางอากาศ เป็นคนรับใช้ชราที่ติดตามตี้เทียนเจี๋ย เขาอยู่บนที่สูงก้มมองลงมายังหลัวซิวและเหยียนเยว่เอ๋อร์ทั้งสองคน รอบกายแผ่กระจายไปด้วยออร่าและพลังกดขี่ของผู้แข็งแกร่งระดับมหาจักรพรรดิยุทธ์วัฏจักรแปด

“มหาจักรพรรดิยุทธ์วัฏจักรแปด!”

เหยียนเยว่เอ๋อร์เห็นว่าด้านหลังศีราะของอีกฝ่ายมีกงล้อเทพทั้งแปดลอยอยู่ สีหน้าของนางก็พลันเปลี่ยนไปเล็กน้อย ถึงแม้ว่านางจะรู้ดีว่าระดับของชายชราผู้นี้ยังห่างชั้นกับฟู่จวินอย่างมาก แต่ในตอนนี้บาดแผลของฟู่จวินยังไม่ถูกฟื้นฟู ควรจะทำอย่างไรดี?

“ไสหัวไป!”

ในขณะที่เหยียนเยว่เอ๋อร์กำลังกังวลใจ หลัวซิวก็คำรามออกมาเสียงเย็นและลงมือในทันที เหตุเพราะบาดแผลยังไม่หายดี เขาจึงไม่สามารถใช้ผลการฝึกตนของตนเองได้ แต่ด้วยร่างของเขาเทียบเท่ากับเศษณ์มหาจักรพรรดิยุทธ์ จึงยังคงสามารถสำแดงพลังรบที่เทียบเท่ากับผู้แข็งแกร่งระดับมหาจักรพรรดิยุทธ์ได้

“รนหาที่ตาย!”

คนรับใช้ชราที่อยู่กลางอากาศตะโกนด้วยความโกรธ กงล้อเทพหลังศีรษะเป็นดาบเทพเล่มหนึ่ง มาพร้อมกับแสงที่ส่องประกายระยิบระยับ ฟาดฟันออกไปกลางอากาส

เสียงชิ้งดังขึ้นสะเก็ดไฟกระจายไปทั่วทิศ ดาบเทพฟาดลงมาบนฝ่ามือของหลัวซิวแล้วกระเด็นกระดอนลอยออกไป บนฝ่ามือของเขา มีร่องรอยของการบาดเจ็บหลงเหลือเอาไว้

อีกฝ่ายคือผลการฝึกตนมหาจักรพรรดิยุทธ์วัฏจักรแปด ดาบเทพที่ใช้ควบคุมนั้นก็คือเศษณ์มหาจักรพรรดิยุทธ์ ก็สามารถฝืนทำลายความสามารถในการป้องกันร่างเนื้อของเขาได้

คิ้วของหลัวซิวขมวดเข้าหากัน เขาคาดไม่ถึงว่าที่โลกใต้ดินแห่งนี้การเจอกับคู่ต่อสู้แบบส่ง ๆ สักคนก็เป็นถึงผลการฝึกตนระดับมหาจักรพรรดิยุทธ์วัฏจักรแปด หากว่าผลการฝึกตนของเขาฟื้นฟูแล้ว คู่ต่อสู้ระดับนี้ไม่มีทางอยู่ในสายตาของเขาแน่นอน แต่หากทำได้เพียงใช้ร่างยุทธ์ร่างเนื้อนั่นก็ถือเป็นอีกเรื่อง

“เยว่เอ๋อร์ เจ้าไปก่อน”

ระหว่างที่พูด ร่างของหลัวซิวก็เหยียบขึ้นไปบนอากาศแล้ว ร่างยุทธ์ร่างเนื้อที่แข็งแกร่งระเบิดพลังที่ดุดันออกมา ทำให้ปริภูมิตรงหน้าแหลกสลายเป็นผุยผง

เหยียนเยว่เอ๋อร์ไม่ได้ลังเลแต่อย่างใด ในตอนที่หลัวซิวบอกให้นางหนีไปก่อนนั้น นางก็ได้กลายเป็นลำแสงบินออกไปทันที เพราะนางเองก็รู้ดีว่าด้วยพลังของตนในเวลานี้ มันจะกลับกลายเป็นภาระของฟู่จวินแทน

พลังของน้ำอมฤตเทียนอีเริ่มสำแดงฤทธิ์อยู่ภายในร่างกาย ภายในร่างกายของเขาก็เริ่มฟื้นฟูขึ้นแล้ว!

“ปัง! ปัง! ปัง! ……”

ดวงแสงดาบมากมายส่องประกายระยิบระยับฟาดฟันเข้ามา เห็นเพียงร่างของหลัวซิวแผ่กระจายไปด้วยแสงเซียนมากมาย ดวงแสงดาบเหล่านั้นยังไม่ทันได้เข้าใกล้ตัวเขา ก็พากันดับสูญหายไปในพริบตา

“เป็นไปไม่ได้ เจ้า……” ชายชรารับใช้ของเผ่าดินเผยสีหน้าตื่นตกใจ เขาเข้าใจดีเกี่ยวกับการโจมตีของตนเอง แน่นอนว่าย่อมรู้ดีว่าการคลายการโจมตีนี้ของตนได้อย่างง่ายดายนั้นหมายความว่าอย่างไร

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มหายุทธ์ สะท้านภพ