ในชาตินี้ เรียกได้ว่าหลัวซิวเองก็พบเห็นอะไรมามาก แต่อัคคีนิรันกาลมาวางอยู่ตรงหน้ามากมายขนาดนี้ หากจะบอกว่าไม่รู้สึกตื่นเต้นเลยสักนิด ก็คงเป็นการหลอกตัวเองอย่างแน่นอน
แต่ตอนที่หลัวซิวสงบจิตใจลงได้ หัวใจของเขาก็ต้องเย็นชาไปกว่าครึ่ง เพราะตอนที่เขาลองเก็บตะเกียงหนึ่งดวง กลับพบว่าโดยรอบของตะเกียงทุกดวงบนทางเดิน ล้วนมีวิชาห้ามค่ายกลปกป้องอยู่
“เจ้าบ้าเอ๊ย งกขนาดนี้เชียว ?”
เมื่อครู่สีหน้ายังเต็มไปด้วยความตื่นเต้นยินดี แต่สีหน้าของหลัวซิวในตอนนี้ กลับเต็มไปด้วยความเกลียดชัง ราวกับมีความแค้นครั้งใหญ่
ตอนนี้เขาสาปแช่งก่นด่านายท่านแห่งวังเวิ่นเทียนอยู่ในใจ ในเมื่อเจ้าร่ำรวยและมีอำนาจถึงขนาดวางอัคคีนิรันกาลเอาไว้ที่นี่ได้มากมายเช่นนี้ แล้วทำไมยังต้องทิ้งตัวต้องห้ามเอาไว้ไม่ให้คนเอาไปได้อีกล่ะ ?
หลัวซิวไม่กล้าดูถูกตัวต้องห้ามของที่นี่ เพราะสัญชาตญาณของเขาบอกเขาว่า โดยรอบของตะเกียงที่มีอัคคีนิรันกาลอยู่นี้ จะต้องมีของที่ทำให้เขาหวาดกลัวได้อย่างแน่นอน
แม้จะหมดหนทางนำอัคคีนิรันกาลจากที่นี่ไปได้ แต่หลัวซิวก็ไม่ได้คิดติดพัน ในเมื่อแม้แต่สมบัติระดับอัคคีนิรันกาล ยังทำได้เพียงวางเอาไว้เพื่อเป็นตะเกียงอยู่ที่นี่ เช่นนั้น ด้านในของวังเวิ่นเทียนหลังนี้ ยังจะมีสมบัติที่น่าตกใจอะไรเก็บอยู่อีกนะ ?
ตอนนี้หลัวซิวเริ่มเชื่อในตำนานที่กล่าวว่า อาจมีเซียนอาศัยอยู่ในวังเวิ่นเทียนแห่งนี้ เพราะต่อให้เป็นผู้แข็งแกร่งระดับมกุฎเต๋า ก็ไม่มีทางมั่งคั่งถึงขนาดใช้อัคคีนิรันกาลมาทำเป็นไส้ตะเกียงได้
ตัวสำนึกแผ่ขยายออกมา หลงัจากสัมผัสได้ว่าด้านหน้าไม่มีอันตราย หลัวซิวก็เริ่มเดินตรงไปด้านหน้าตามเส้นทางนี้
ไม่รู้ว่าเดินตามทางมานานเท่าไร มุมปากของหลัวซิวกระตุกไม่หยุด เพราะตลอดทางที่ผ่านมา เขาเห็นอัคคีนิรันกาลอย่างน้อยหนึ่งร้อยดวงแล้ว
ผ่านไปพักใหญ่ หลัวซิวก็มองเห็นห้องหนึ่งห้องตั้งอยู่ตรงทางเดินด้านหน้า รอบห้องไม่มีตัวต้องห้าม เขาใช้ตัวสำนึกสอดส่องดูอย่างง่ายดาย และมองดเห็นของจำนวนมาก
หลัวซิวเร่งฝีเท้าเดินเข้าไป แม้ตัวสำนึกจะมองเห็นตั้งแต่แรกแล้ว แต่ตอนที่เขาเปิดประตูบานนี้ออก ก็ยังรู้สึกตะลึงกับของที่อยู่ข้างในอยู่ดี
ในห้องนี้สะอาดเป็นอย่างยิ่ง สิ่งแรกที่เห็นคือโต๊ะเขียนหนังสือตัวเล็ก ด้านบนมีม้วนหยกวางอยู่สามม้วน จากนั้นก็มีชั้นวางหนึ่งชั้น ด้านบนจัดวางขวดหยกที่บรรจุยาเอาไว้ ข้าง ๆ ชั้นวางเป็นแท่นหินหนึ่งแท่น ด้านบนมีของขลังวางอยู่หนึ่งชิ้น
ในอีกมุมหนึ่งของห้อง มีวัสดุชั้นยอดวางกองอยู่ ของเหล่านี้มีระดับสูงมาก ล้วนเป็นสมบัติระดับประมุขเต๋า !
เพียงแต่สิ่งของเหล่านี้ ตอนนี้หลัวซิวยังไม่จำเป็นต้องใช้ ดังนั้นสิ่งที่ทำให้เขาสนใจมากที่สุด กลับเป็นไข่มุกเต๋ากองหนึ่งที่วางอยู่ด้านข้าง !
จำนวนของไข่มุกเต๋าเหล่านี้ มากกว่าที่ได้มาตอนสังหารผู้สูงส่งอัมพรเทวมากนัก ถึงขั้นว่า เมื่อรวมกับไข่มุกเต๋าที่เขาชิงมาได้ หลังจากที่สังหารประมุขเต๋าด้วยสถานะมนุษย์อมตะ ก็ไม่มากเท่ากับที่เห็นอยู่ตอนนี้
เขากวาดสายตาดูอย่างหยาบ ๆ จำนวนของไข่มุกเต๋าเหล่านี้มีนับล้าน มีพลังดั้งเดิมอันบริสุทธิ์ไหลเวียน ทำให้ทั่วทั้งห้องเต็มไปด้วยพลังออร่าที่บริสุทธิ์
แต่หลัวซิวกลับไม่ได้บุ่มบ่าม เขาเดินไปยืนอยู่ข้าง ๆ โต๊ะหนังสือตัวเล็กก่อน จากนั้นจึงหยิบม้วนหยกม้วนแรกที่อยู่ทางด้านซ้ายขึ้นมา
“เป็นเช่นนี้นี่เอง......”
สิ่งที่บันทึกอยู่ในม้วนหยก ไม่ใช่วรยุทธ์วิถีเซียนอะไรทั้งสิ้น และไม่ใช่วิชาอาถรรพณ์พลังอมตะที่ร้ายกาจอะไรทั้งนั้น
จากข้อมูลที่ทิ้งไว้ในม้วนหยก นายท่านแห่งวังเวิ่นเทียน นำของสืบทอดของตนเองเก็บเอาไว้ในส่วนที่ลึกที่สุดของหมู่ตำหนักนี้ เพราะนักยุทธ์ระดับผู้สูงส่งขึ้นไป ส่วนใหญ่จะมีผลการฝึกตนวิถีเต๋าดั้งเดิมอยู่ในแดนสำเร็จน้อยเป็นอย่างต่ำ เมื่อวรยุทธ์ของตนเองเกือบคงที่ ก็จะมีความยืดหยุ่นที่ไม่สูงแล้ว
ดังนั้นนายท่านแห่งวังเวิ่นเทียนจึงตั้งวิชาห้ามค่ายกลขึ้นที่นี่ เพื่อให้นักยุทธ์ที่อยู่ต่ำกว่าระดับผู้สูงส่งเท่านั้นที่เข้ามาได้
แต่ระดับมหาจักรพรรดิยุทธ์วัฏจักรเก้า อย่างมากก็มาได้ไกลถึงแค่ประตูแห่งความเป็นความตายนี้เท่านั้น ดังนั้นนายท่านแห่งวังเวิ่นเทียน จึงทิ้งคำสั่งเซียนเอาไว้สามม้วน หากถือครองคำสั่งเซียนได้ ก็จะไม่ถูกวิชาห้ามค่ายกลขัดขวาง สามารถเข้าไปในวังเวิ่นเทียน และฝ่าฟันตัวต้องห้ามที่อยู่ด้านหลังประตูแห่งความเป็นความตายได้
แต่ถึงแม้จะคว้าคำสั่งเซียนมาครองได้ แต่ก็มีเพียงผลการฝึกตนระดับผู้สูงส่งเท่านั้นที่เข้ามาได้ หากเป็นประมุขเต๋า ต่อให้ได้คำสั่งเซียนมา ก็ไม่มีทางเข้าไปในวังเวิ่นเทียนได้
อีกทั้งจากคำบรรยายในม้วนหยก หากเลือกประตูแห่งความเป็น จากประตูแห่งความเป็นความตายสองบาน ก็ไม่มีทางได้ของสืบทอดใด ๆ ไปทั้งสิ้น อยากมากก็ได้เพียงแค่สมบัติธรรมดาเชิงสัญลักษณ์จำนวนหนึ่ง มีเพียงผู้ที่มีความสามารถอันแข็งแกร่ง และฝ่าเข้าไปในประตูแห่งความตายได้เท่านั้น ที่จะมีโอกาสได้รับวิชาของนายท่านแห่งวังเวิ่นเทียน
นายท่านแห่งวังเวิ่นเทียนชื่อว่าเทียนเวิ่น เป็นเซียนชั้นฟ้าผู้หนึ่ง !
แดนเซียน มีการแบ่งแยกระหว่างคนบนฟ้ากับบนพื้นดิน มนุษย์อมตะอ่อนแอที่สุด เซียนชั้นฟ้าแข็งแกร่งที่สุด เป็นรองเพียงราชาเซียน !
“ดูเหมือนว่าหุนเตา คูมู่รวมถึงเชียงฉู่ทั้งสามคนนับว่ามีโชคไม่น้อย แต่น่าเสียดายที่ขาดความสามารถไปเล็กน้อย”
บัญชาเซียนเวิ่นเทียนมีอยู่เพียงแค่สามชิ้น แต่กลับถูกพวกเขาทั้งสามคนหาเจอได้ นับว่าเป็นโชคอย่างยิ่ง แต่ความสามารถของพวกเขา หากคิดจะฝ่าเข้ามาในประตูแห่งความตายแล้วละก็ ยังนับว่าห่างไกลนัก
ห้องที่หลัวซิวอยู่นี้ เป็นรางวัลที่ได้รับหลังจากฝ่าเข้ามาในประตูแห่งความตาย ก่อนที่บัญชาเซียนเวิ่นเทียนจะปรากฏขึ้น ระดับความแข็งแกร่งสูงสุดที่จะเข้ามาในวังเวิ่นเทียนได้ คือมหาจักรพรรดิยุทธ์วัฏจักรเก้าขั้นสูง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มหายุทธ์ สะท้านภพ
แปลต่อทีค่า รออ่านอยู่นะคะ🥺🥺...
มีต่อไหมครับ...
รออยู่นะครับ...
เรื่องเก่าอัพเดตบ้าง ไม่ใช่ลงแต่เรื่องใหม่...
เมื่อไรจะลงซักที...
เค้ายังแปลอยู่ไหมครับ...
ไม่ลงให้อ่านซักที...
รออานยุ...
รอต่อไปครับ...
ตอนใหม่ยังไม่ลงเลยครับ...