“เรื่องยุ่งยากขึ้นเรื่อยๆแล้ว...”
หลังจากออกจากหอมกุฎดาบแล้ว หลัวซิวก็นั่งขัดสมาธิบนเข็มทิศสาสน์เต๋า มองไปที่โลกอันกว้างใหญ่ในระยะไกล กุมหน้าผากอย่างปวดหัว
โลกสวรรค์ช่างกว้างใหญ่ เขาจะไปหาลู่เมิ่งเหยาได้ที่ไหน? นอกจากนี้ แม้ว่าเขาจะตามหานางพบแล้ว เขาสามารถเอาชนะผู้แข็งแกร่งซึ่งสงสัยว่าจะอยู่เหนือประมุขเต๋าได้หรือ?
ก่อนที่เขาจะรู้ตัว เมืองหนึ่งก็ปรากฏขึ้นในสายตาของหลัวซิว และเขาก็คุ้นเคยกับเมืองนี้ เพราะนี่คือเมืองชิงเทียน
ในบรรดาวังนภาสิบสองของเผ่าฟ้า วังชิงเทียนเป็นวังแห่งแรก ว่ากันว่าหลังจากที่มกุฎเต๋าเทียนชูสร้างแผ่นดินโลกสวรรค์ เขาได้รับศิษย์สิบสองคน ที่เรียกว่าเผ่าฟ้า ไม่ใช่ผู้สืบสายเลือดของผู้แข็งแกร่งมกุฎเต๋าผู้นี้ แต่เป็นเพียงศิษย์ของเขา การสืบทอดของเขาเท่านั้น
ศิษย์ทั้งสิบสองคนนี้จะสืบทอดต่อไป จากนั้นจึงมีภูตสวรรค์สิบสอง วังนภาสิบสอง
เมื่อเก็บเข็มทิศสาสน์เต๋าแล้ว หลัวซิวก็เข้าสู่เมืองชิงเทียนซึ่งเป็นศูนย์กลางของแผ่นดินโลกสวรรค์นี้และเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดในโลกสวรรค์ ข่าวจากทุกด้านค่อนข้างดี บางทีอาจหาข่าวเกี่ยวกับลู่เมิ่งเหยาได้จากที่นี่
“เมิ่งเหยา?”
เรื่องที่หลัวซิวไม่เคยคาดคิดก็คือหลังจากที่เขามาถึงเมืองเทพชิงเทียน เขาก็เห็นแผ่นหลังที่คุ้นเคยคนหนึ่ง
แม้ว่าจะไม่ได้เจอกันเป็นเวลานานหลายปี แต่หลัวซิวเชื่อว่าเขาจะไม่มีวันจำคนผิดแน่ เจ้าของแผ่นหลังนั้นต้องเป็นลู่เมิ่งเหยา
แผ่นหลังของสตรีคนนั้น ผุดขึ้นมาในสายตาของหลัวซิวและหายไปหลังจากเลี้ยวมุมด้านหน้า ดังนั้นหลัวซิวจึงปล่อยตัวสำนึกของเขาอย่างรวดเร็วเพื่อไปสัมผัส
ตอนนี้พลังของตัวสำนึกของเขาได้มาถึงระดับของผู้แกร่งเลิศแล้ว แต่ในขณะที่ตัวสำนึกของเขาเพิ่งแผ่ซ่านออกไป ตัวสำนึกที่มีพลังมากกว่าหลายเท่าก็บดขยี้กลับมา ทำให้หลัวซิวที่ยืนอยู่บนถนนหน้าซีด แล้วกระอักเลือดออกมาเต1มปากทันที
นี่ทำให้หลัวซิวตกตะลึงมาก เขาถูกบดขยี้โดยตรงที่ระดับตัวสำนึกโดยไม่ได้ดูด้วยซ้ำว่าอีกฝ่ายเป็นใคร ดังนั้นผลการฝึกตนของอีกฝ่ายควรจะทรงพลังเพียงใด?
ทันใดนั้นในสมองของหลัวซิวก็มีผู้อาวุโสที่ออกมาจากหอดาบนั้นตามคำพูดของจอมดาบหวูฉ่าง
หากมีคนที่อยู่ข้างลู่เมิ่งเหยาที่ทรงพลังจนเขาคาดเดาไม่ออก ก็คงมีเพียงผู้อาวุโสลึกลับผู้นั้น
“สหายหลัว? ข้าไม่คิดว่าจะได้เจอเจ้าที่นี่อีก เหตุใดเจ้าถึงกระอักเลือดออกมาล่ะ?”
ทันใดนั้น เสียงดังมาจากชั้นสองของร้านอาหารข้างถนน หลัวซิวมองไปตามเสียงและเห็นคนรู้จักคนหนึ่ง
“เหตุใดเจ้าถึงมาอยู่ที่นี่ได้ล่ะ?”
บนชั้นสองของร้านอาหารริมหน้าต่าง หลัวซิวนั่งตรงข้ามกับลิ่งฮู๋จื่อเซวียน พูดขึ้นมาแล้ว เขาไม่ได้เห็นชายหนุ่มคนนี้มาหลายปีแล้ว
ลิ่งฮู๋จื่อเซวียนในวันนี้มีผลการฝึกตนอยู่ที่มหาจักรพรรดิยุทธ์วัฏจักรเก้าช่วงกลางแล้ว และด้วยพรสวรรค์ของเขา ไม่น่าจะฝึกตนได้เร็วขนาดนี้ ดังนั้นชายหนุ่มคนนี้น่าจะได้รับโอกาสที่ไม่เลวอีกครั้ง
พรสวรรค์และความถนัดของนักยุทธ์คนหนึ่งนั้นกำหนดตั้งแต่กำเนิดแล้ว แต่จะไม่ทราบความสำเร็จของนักยุทธ์ในอนาคต หากมีโอกาสเพียงพอที่จะได้รับโชคลาภและการเปลี่ยนแปลงครั้งแล้วครั้งเล่า คนที่มีความถนัดค่อนข้างต่ำอาจประสบความสำเร็จกว่าอัจฉริยะไร้เทียมทานเหล่านั้น
บนเส้นทางของการฝึกตนวิถียุทธ์ พรสวรรค์และความถนัดเป็นสิ่งสำคัญ แต่ที่มากกว่านั้นคือการได้รับโอกาสและความพยายาม
ในการรับรู้ของหลัวซิวที่มีต่อลิ่งฮู๋เซวียนคนนี้ ชายหนุ่มคนนี้เก่งมากในการรวบรวมข้อมูลทุกประเภท และบุคลิกของเขาก็จะไม่ทำเรื่องนี้หากไม่มีประโยชน์ ดังนั้นต้องมีเหตุผลสำหรับผู้ชายคนนี้ที่ปรากฏตัวที่นี่
“ฮ่าฮ่า ดูเหมือนว่าสหายหลัวกับข้าจะถูกลิขิตไว้แล้ว ข้าได้ยินมาว่าเจ้าได้ถึงแดนผู้สูงส่งแล้ว สหายหลัว แต่ข้ามีข่าวร้ายหนึ่งจะบอกเจ้า” ลิ่งฮู๋เซวียนหัวเราะ
“พูดออกมาฟังดู” หลัวซิวหยิบถ้วยขึ้นมาจิบเหล้า แล้วถามอย่างสบายๆ ในใจกลับคิดว่าจะทำเช่นไรถึงจะได้พบลู่เมิ่งเหยา
“ชีชีก็กลายเป็นแดนผู้สูงส่งแล้วจอมมกุฎจิ่วซาง” เมื่อพูดตรงนี้ ลิ่งฮู๋จื่อเซวียนก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจเบา ๆ และดื่มเหล้าในถ้วยหมดในอึกเดียว
“เร็วเช่นนี้เลยรึ?” แม้ว่าหลัวซิวจะเหม่อ แต่เขาได้ยินทุกอย่างที่ลิ่งฮู๋จื่อเซวียนพูด เขาก็อดไม่ได้ที่จะประหลาดใจ
ในฐานะผู้สืบทอดเพียงคนเดียวของขิมเก้าบรรเลงอาดูรในโลกนี้ ชีชีเป็นที่รู้จักในฐานะสตรีผู้มีความสามารถอันดับหนึ่งในโลกมหาศักดิ์อัษฎทิศ พรสวรรค์และความถนัดของนางนั้นสูงมาก ดังนั้นจึงไม่ต้องสงสัยเลย
แต่ไม่ว่าพรสวรรค์ของนางจะดีแค่ไหนในฐานะผู้นำของคนรุ่นใหม่ก็มีเหตุผลว่านางไม่ควรฝึกฝนได้เร็วขนาดนี้ เท่าที่หลัวซิวรู้ อัจฉริยะในยุคเดียวกันกับเขา มีระดับผลการฝึกตนที่สูงที่สุดก็คือมหาจักรพรรดิยุทธ์วัฏจักรเก้าช่วงปลาย มันไม่ง่ายเลยที่จะบรรลุผ่านแดนผู้สูงส่ง ไม่เพียงแต่ต้องการทรัพยากร แต่ที่สำคัญกว่านั้นต้องความเข้าใจของแดนธรรมเวชดั้งเดิมอีกด้วย
“ใช่ นางฝึกฝนเร็วมาก ในชีวิตนี้ข้าไม่มีทางไล่ทันนางเลย” ลิ่งฮู๋จื่อเซวียนพูดด้วยรอยยิ้มเฝื่อนๆ
หลัวซิวเข้าใจอยู่แล้วว่าลิ่งฮู๋จื่อเซวียนหมายถึงอะไร สิ่งที่ทำให้เขายิ้มเฝื่อนอย่างแท้จริง ไม่ใช่ว่าผลการฝึกตนของเขาไม่สามารถไล่ตามชีชีได้ แต่เป็นปัญหาความรัก ไม่ต้องพูดถึงว่าชีชีจะอบากอยู่กับเขาหรือไม่ ด้วยช่องว่างในผลการฝึกตน ลิ่งฮู๋จื่อเซวียนไม่สามารถเอาชนะอุปสรรคในใจของตนเองได้
“นี่ไม่นับว่าเป็นข่าวร้าย เจ้ายังอายุน้อย เจ้าสามารถเริ่มต้นใหม่ได้ จักรวาลนี้กว้างใหญ่มาก และมีนางฟ้าที่สวยงามมากมาย” เมื่อเห็นท่าทางที่สิ้นหวังของลิ่งฮู๋จื่อเซวียน หลัวซิวก็อดแซวและพูดติดตลกไม่ได้
ลิ่งฮู๋จื่อเซวียนกลอกตาขาว “สหายหลัว เจ้ายังคงไม่สนใจอะไรเช่นเคย ชีชีอยากฆ่าเจ้านะ ตอนนี้นางกำลังฝึกฝนอย่างรวดเร็วเช่นนี้ เจ้าน่าจะมีแรงกดดันมากถึงจะถูก”
เมื่อหลัวซิวได้ยิน เขาก็ยิ้มโดยไม่ตอบอะไร เขาจะมีแรงกดดัน? นั่นเป็นเพียงเรื่องตลก ไม่ต้องพูดถึงว่าชีชีกลายเป็นแดนผู้สูงส่ง แม้ว่านางจะอยู่ในแดนแดนผู้สูงส่งช่วงปลายหรือเป็นถึงผู้แกร่งเลิศ หลัวซิวก็ไม่มีแรงกดดันแม้แต่น้อย
แน่นอน แม้ว่าเขาจะพูดแบบนั้น ลิ่งฮู๋จื่อเซวียนก็จะไม่เข้าใจ พวกเขาสองคนยังคงนั่งดื่มที่นี่ได้เพราะโชคชะตาของพวกเขา อันที่จริง พวกเขาสองคนไม่ได้อยู่ในแดนเดียวกันอีกต่อไป
“เจ้ารู้ข่าวเร็วดี ข้าจะถามเจ้าเกี่ยวกับคนๆหนึ่ง เจ้ารู้ที่อยู่ของศิษย์ที่ชื่อลู่เมิ่งเหยาจากหอมกุฎดาบหรือไม่?” หลัวซิวถามเปลี่ยนเรื่อง
ในขณะนี้ ลิ่งฮู๋จื่อเซวียนหยิบไข่มุกสื่อสารออกมา เห็นว่าไข่มุกสื่อสารส่องแสงเป็นประกาย เห็นได้ชัดว่ามีคนส่งข้อความถึงเขา
“บรรพจารย์ของเราเรียกข้า ข้าต้องไปหา ที่ตั้งของงานประมูลสินค้าอยู่บนม้วนหยกนี้ ถ้าสหายหลัวจะไป เมื่อถึงเวลานั้นเราค่อยพบกัน”
ลิ่งฮู๋จื่อเซวียนวางกรองแก้วโลหิตดั้งเดิมลงบนโต๊ะอย่างรวดเร็ว จากนั้นมอบม้วนหยกหนึ่งม้วนให้หลัวซิว แล้วลุกขึ้นจากไป
...
สถานที่จัดงานประมูลสินค้าอยู่ในเรือนแห่งหนึ่งภายในเมืองเทพชิงเทียน เมื่อหลัวซิวมาที่นี่ เขาเห็นว่าไม่มีใครเฝ้าอยู่หน้าประตู แต่ทั่วทั้งเรือนถูกปกคลุมไปด้วยวิชาห้ามค่ายกล ไม่มีผลการฝึกตนระดับแดนผู้สูงส่งจะเข้าไปไม่ได้เลย
หลัวซิวเดินไป ยกมือขึ้นโบก เปิดทางเข้าจากค่ายกลต้องห้ามแล้วก้ามข้ามเดินเข้าไป
หลังจากเข้าไปในลานเรือน หลัวซิวก็มาถึงห้องโถงอย่างรวดเร็ว มีคนมากมายในห้องโถง แม้ว่าคนเหล่านี้จะควบคุมออร่าของพวกเขา แต่หลัวซิวก็ยังรู้สึกว่าทุกคนที่อยู่ที่นี่ไม่ฑรรมดาสักคนเดียว
ผู้ที่มีคุณสมบัติเหมาะสมที่จะนั่ง ล้วนเป็นผู้แข็งแกร่งแดนผู้สูงส่ง และเบื้องหลังของผู้แข็งแกร่งบางคนคือรุ่นเยาว์หนึ่งหรือสองคนที่ยืนอยู่ ซึ่งเห็นได้ชัดว่าถูกพามาที่นี่เพื่อเรียนรู้เพิ่มเติม
ในสถานที่เช่นนี้ หลัวซิวจะไม่ผลีผลามใช้ตัวสำนึกกวาดมองไปรอบๆ อย่างแน่นอน หากเขายั่วยุถึงผู้แข็งแกร่งระดับประมุขเต๋าที่มีอารมณ์ร้าย จะสร้างปัญหาที่ไม่จำเป็นอย่างแน่นอน
สายตาเขาชำเลืองมองอย่างรวดเร็ว และเห็นลิ่งฮู๋จื่อเซวียนยืนอยู่ข้างหลังชายชราผมขาว ไม่จำเป็นต้องพูดก็รู้ว่าเป็นชายชราผมขาวคนนั้นคือจอมมกุฎลิ่งฮู๋ที่เพิ่งบรรลุนั่นเอง
ลิ่งฮู๋จื่อเซวียนโบกมือทักทายหลัวซิว จากนั้นก้มหน้าลงพูดกับบรรพจารย์ จอมมกุฎลิ่งฮู๋ผู้นี้มองไปยังหลัวซิวและกำมือเป็นการทักทาย
เห็นได้ชัดว่า จอมมกุฎลิ่งฮู๋รู้ที่มาของหลัวซิว บรรพอาจารย์ของตระกูลลิ่งฮู๋ผู้นี้ของพวกเขากับไท่ซ่างฉิงเป็นผู้แข็งแกร่งที่อาศัยอยู่ในยุคเดียวกัน
ในเมื่ออีกฝ่ายทักทายเขาแล้ว หลัวซิวจะไม่ทำให้อีกฝ่ายเสียหน้าอย่างแน่นอน ดังนั้นเขาจึงประสานมือตอบแล้วเดินไปหา
ทันใดนั้นสายตาของหลัวซิวก็นิ่งค้าง เพราะเขาเห็นลู่เมิ่งเหยาที่นี่อีกครั้งจริงๆ
ครั้งก่อนบนถนนเมืองเทพชิงเทียน เขาเห็นเพียงแผ่นหลัง และถูกบดขยี้ทันทีที่ตัวสำนึกของเขาแผ่ซ่านออกไป ดังนั้นเขาจึงไม่ได้สังเกตเห็นผลการฝึกตนของลู่เมิ่งเหยาเลย
แต่ในขณะนี้ หลัวซิวสามารถเห็นได้อย่างชัดเจนว่าผลการฝึกตนของลู่เมิ่งเหยานั้นถึงแดนผู้สูงส่งแล้ว
ต้องรู้ว่าแม้ตอนที่จี้หวูชวงเสียชีวิต ก็ยังอยู่ที่มหาจักรพรรดิยุทธ์วัฏจักรเก้าขั้นสูงเท่านั้น แม้ว่าลู่เมิ่งเหยาจะได้ช่องจิตครึ่งหนึ่งของนางก็คงจะไม่ฝึกฝนได้เร็วขนาดนี้หรอกนะ?
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มหายุทธ์ สะท้านภพ
นี้ก็หายไปเป็นปีเลย แอแ...
รออ่านยุ...
มาต่อๆ...
มีต่อไหมครับรออยู่นะครับ...
มึงๆ กูๆ เชี้ยไรเยอะแยะวะ นิยายจีนนะโว้ย อ่านเจอแล้วสดุดเสียรมตลอด...
แปลต่อทีค่า รออ่านอยู่นะคะ🥺🥺...
มีต่อไหมครับ...
รออยู่นะครับ...
เรื่องเก่าอัพเดตบ้าง ไม่ใช่ลงแต่เรื่องใหม่...
เมื่อไรจะลงซักที...