มหายุทธ์ สะท้านภพ นิยาย บท 299

ในห้องโถงใหญ่ของหอหย่งชาง หลัวซิวนั่งบนที่นั่งของแขกผู้สูงส่ง รายล้อมไปด้วยหลินโยว่เทียนเจ้าแห่งหอหย่งชางและผู้อาวุโสอีกหลายคน

คำว่า 'ฆ่า' ที่เย็นชานั้น ทำให้บนลานฝึกยุทธ์แห่งหอหย่งชางราวกับเป็นแม่น้ำแห่งเลือด ผู้อาวุโสสองคนแห่งสำนักเหลยหวู่ ที่มีผลการฝึกตนราชายุทธ์ขั้นหนึ่ง ก็ถูกหลินโยว่เทียนกับผู้อาวุโสอีกสองสามคนลงมือฆ่าด้วยตนเอง

ในเวลานี้ สายตาถูกเบนไปยังชายหนุ่มชุดคลุมยาวดำใบหน้าที่เปื้นรอยยิ้มและดื่มชาอย่างสบายใจ ถึงแม้หลินโยว่เทียนที่ปกติจะอยู่ในตำแหน่งสูงส่ง ก็เกืดความรู้สึกอิจฉาขึ้นเล็กน้อย

ความอิจฉานี้ ไม่เพียงเพราะชายหนุ่มชุดคลุมยาวดำเรียกได้ว่ามีพลังและพรสวรรค์ด้านการฝึกตนราวกับอสูรกาย ยังเป็นเพราะว่าเขามีจิตใจที่เลือดเย็นของผู้แข็งแกร่งแห่งโลกยุทธ์

ฆ่าฟันอย่างเด็ดขาด ดุร้ายและเหี้ยมโหด!

การผูกมิตรกับบุคคลดังกล่าวมีประโยชน์มากมาย การผูกมิตรกับบุคคลดังกล่าวได้รับคุณประโยชน์มากมาย แต่เมื่อใดที่กลายเป็นศัตรู ก็จะต้องกังวลกับมันทุกค่ำวัน ไม่มีที่สิ้นสุด

“ผู้อาวุโสหลิน สำนักเหลยหวู่กับตระกูลกงซุนรวมมือกันมาต่อกรกับหอหย่งชาง แม้วิกฤตจะคลี่คลายชั่วคราว ไม่ทราบว่าผู้อาวุโสหลินมีแผนการเช่นใด?”

ดื่มน้ำชาหนึ่งจอก สายตาของหลัวซิวก็มองไปยังหลินโยว่เทียนพลางเอ่ยถาม

หลินโยว่เทียนยิ้มอย่างขมขื่น ยกมือคารวะแล้วจึงเอ่ย “ครั้งนี้หากไม่ได้ท่านชายหลัวเอื้อมมือช่วย พวกเราหอหย่งชางเกรงว่าจะล่มสลายไปจริง ๆ แล้ว”

หลินโยว่เทียนถึงอย่างไรก็เป็นคนที่ฝึกตนนับร้อยปี เขารู้ดีว่าการที่หลัวซิวยื่นมือมานั้น เป็นไปไม่ได้ที่จะเป็นเพียงเพราะความสัมพันธ์ระหว่างลูกสาวของตนกับเสิ่นหยวนหนาน แต่หลัวซิวกับสำนักเหลยหวู่มีความแค้นเคืองอะไรกัน มันไม่ใช่เรื่องที่เขาจะสามารถรับรู้ได้เลย

“ผู้อาวุโสหลินเกรงใจเกินไปแล้ว เท่าที่ข้ารู้ สำนักเหลยหวู่กับตระกูลกงซุนอยู่ดี ๆ ก็ร่วมมือกัน ดูเหมือนว่าจะมีเงาของพลังอันยิ่งใหญ่ซ่อนเร้นอยู่” หลัวซิวพูดพร้อมรอยยิ้ม

สำหรับเรื่องที่หลัวซิวรู้เรื่องนี้นั้น หลินโยว่เทียนไม่ได้รู้สึกประหลาดใจ เพราะองค์กรนักล่ายุทธ์คือเชี่ยวชาญระบบข้อมูลที่มีรายละเอียดมากที่สุดในโลก

“เรื่องนี้ว่าไปมันก็ยาว เมื่อสองปีก่อน คนจากตระกูลเหยียนแห่งเมืองกู่เจี้ยนมาที่เขตการปกครองโตว้ไห่ ต้องการให้พวกเราสามอำนาจใหญ่ส่งไพร่พล ไปปิดล้อมเทือกเขากวนเหลยเพื่อตามหาคนคนหนึ่ง…”

“ตระกูลเหยียนคือหนึ่งในสิบตระกูลใหญ่ ยังมีจักรพรรดิยุทธ์ผู้แข็งแกร่งที่มีอำนาจยิ่งใหญ่เป็นผู้นั่งบัลลังก์ สำนักเหลยหวู่กับตระกูลกงซุนย่อมไม่กล้าปฏิเสธ ทำตามคำสั่งจากตระกูลเหยียน และสาเหตุที่ข้าไม่ส่งคนไปช่วย เพราะตอนที่ข้ายังเด็ก มีความขัดแย้งเกิดขึ้นกับศิษย์แห่งตระกูลเหยียน”

เมื่อฟังถึงตรงนี้ นัยน์ตาของหลินโยว่เทียนก็ฉายแววแห่งความเกลียดชัง “ตระกูลเหยียนความจริงคือรังแกคนอ่อนแอเหมือนเคย ชอบข่มเหงคนอื่นจนเกินเหตุ เพียงเพราะไม่ได้ส่งคนมาช่วยตามหา ก็แอบส่งสัญญาณให้สำนักเหลยหวู่กับตระกูลกงซุน ทำลายพวกเราหอหย่งชาง”

“พูดไปแล้วข้าก็ผิด ถ้าข้าระงับความเกลียดชังในตอนนั้น ทนรับความอัปยศอดสู และส่งคนไปช่วยในการหาคน ไม่เช่นนั้นหอหย่งชางก็จะไม่นำมาซึ่งภัยนี้” หลินโยว่เทียนถอนหายใจ ราวกับว่าอยู่ ๆ ก็แก่ขึ้นกระทันหัน

“ผู้อาวุโสหลินเสียใจงั้นหรือ?” หลัวซิวรี่ตามอง “ถ้าหากผู้อาวุโสพาคนออกไปจากเขตการปกครองโตว้ไห่ในตอนนี้ ล้มเลิกกิจการหอหย่งชาง แน่นอนว่าจะสามารถปกป้องตัวเองได้”

“เสียใจหรือ?”

หลินโยว่เทียนชะงักไปเล็กน้อย จู่ๆ เขาก็หัวเราะลั่น “ข้า หลินโยว่เทียนเป็นพวกกลัวตายอย่างนั้นหรือ? ไม่เคยที่จะยอมจำนนต่อคนของตระกูลเหยียน!”

จากคำพูดที่เต็มไปด้วยความขุ่นเคือง หลัวซิวสามารถรับรู้ได้ว่า หลินโยว่เทียนมีความเกลียดชังที่ไม่อาจลืมเลือนต่อตระกูลเหยียน

แต่เพียงเพราะว่าอำนาจของตระกูลเหยียนนั้นยิ่งใหญ่มาก มากเสียจนเขาทำได้เพียงฝังความเกลียดชังนี้ไว้ในก้นบึ้งของหัวใจและไม่กล้าแสดงออกมา

ในเวลานี้ เรื่องที่เจ้าสำนักเหลยหวู่เหลยเว่ยหลงถูกฆ่าตายนั้น ก็ถูกแพร่กระจายภายในเขตการปกครองโตว้ไห่ในทันที

“สำนักเหลยหวู่กับตระกูลกงซุนร่วมมือกันต่อกรกับหอหย่งชาง ผลคือเหลยเว่ยหลงถูกฆ่า นักยุทธ์ฝึกจิตของสำนักเหลยหวู่ที่ถือว่าเป็นยอดฝีมือ ก็ถูกฆ่าจนหมด เลือดไหลนองราวกับเป็นแม่น้ำสีเลือด!”

“อะไรนะ? เจ้าสำนักเหลยหวู่ตายแล้วหรือ? ในหอหย่งชางมีใครที่สามารถสู้กับเจ้าสำนักเหลยหวู่ได้?”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มหายุทธ์ สะท้านภพ