วันนี้สถานการณ์ของโลกร้างได้เปลี่ยนแปลงไปอีกแล้ว
ภายในระยะเวลาสั้น ๆ ไม่ถึงสิบปี โลกร้างก็เปลี่ยนประมุขอีกครั้ง ทำให้ทั้งสามโลกาต่างรู้สึกตะลึงอย่างยิ่ง
“ไอ้เวรตะไล!”
ณ โลกาฟ้าดินหลิงหลง ภายในตำหนักใหญ่ของภูเขาศักดิ์สิทธิ์เสวียนเหลือง ชายหนุ่มคนหนึ่งที่อยู่ในชุดคลุมยาวเหลือง ตรงหว่างคิ้วมีไฝแดงหนึ่งเม็ด เส้นผมยาวปลิวลอยอยู่ด้านหลังกำลังเดือดเป็นฟืนเป็นไฟ
มกุฎเต๋าหวูซินคืออันดับหนึ่งแห่งสำนักศักดิ์สิทธิ์เสวียนหวงอย่างไร้ข้อกังขา เช่นนั้นประมุขเต๋าพันดาวก็คืออันดับสองของสำนักศักดิ์สิทธิ์เสวียนหวง
แม้นประมุขเต๋าพันดาวจะไม่ใช่มกุฎเต๋า แต่กลับเป็นประมุขเต๋าช่วงปลายขั้นสูงสุดแล้ว ซึ่งเป็นรองเพียงมกุฎเต๋า อดีตเขาก็เป็นผู้แข็งแกร่งที่มีชื่อเสียงโด่งดังในยุคต้าเหยียนเช่นกัน ต่อมาก็ขอมกุฎเต๋าหวูซินพึ่งพิง
วังทะยานเซียนปรากฏ มกุฎเต๋าหวูซินไปแล้วไม่กลับมาอีกเลย ประมุขเต๋าพันดาวก็จำเป็นต้องออกจากสถานปิดขัง ควบคุมบัญชาการสำนักศักดิ์สิทธิ์เสวียนหวง พลางรอคอยมกุฎเต๋ากลับมา
อย่างไรก็ตามบัดนี้ กลับมีข่าวคราวส่งมาจากฝั่งโลกร้าง คนในสาขาย่อยของสำนักศักดิ์สิทธิ์ถูกกวาดล้าง โลกร้างเปลี่ยนประมุข
ภายในตำหนักใหญ่ ผู้อาวุโสทั้งหลายของสำนักศักดิ์สิทธิ์เสวียนหวงไม่กล้าออกเสียงอะไรเลย มีเพียงออร่าอันน่ากลัวของประมุขเต๋าพันดาว บรรยากาศเงียบสงัดจนน่าขนลุก
ถึงแม้ประมุขเต๋าพันดาวจะรู้สึกโกรธ แต่กลับไม่ได้เสียสติแต่อย่างใด สำหรับเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับดาราหยุนหลงนั้น เขาย่อมต้องได้ยินอยู่แล้ว ดาบฉกรรจ์สุดหล้าในตำนานนั่นอยู่ในมือหลัวซิว ต่อให้เขาเดินทางไป ก็ทำอะไรฝ่ายตรงข้ามไม่ได้เช่นกัน
แต่ทว่าเท่าที่เขาทราบมา หลัวซิวก็เข้าไปในวังทะยานเซียนเช่นกัน เหตุใดหลัวซิวจึงออกมาจากวังทะยานเซียนแล้ว แต่เหล่ามกุฎเต๋ากลับยังไม่ออกมาสักที?
หรือว่า……ประมุขเต๋าพันดาวนึกความเป็นไปได้บางอย่างขึ้นมาได้ ถ้าเกิดเหล่ามกุฎเต๋าที่เข้าไปในวังทะยานเซียนดับสลายสูญสิ้นไป หรือติดอยู่ภายใน เช่นนั้นเกรงว่าทั้งจักรวาลสามโลกาคงจะเปลี่ยนไปจากดีเป็นร้ายแล้วล่ะ
……
ตลอดช่วงหลายพันปีที่ผ่านมา หลัวซิวโผล่พรวดพราดขึ้นมาอย่างแข็งกร้าว ผู้แข็งแกร่งที่ตายอยู่ในเงื้อมมือเขามีมากจนนับไม่ถ้วน จำนวนวัตถุดิบต่าง ๆ นานาที่กองอยู่ในแหวนเก็บของก็มีมากจนนับไม่ถ้วนเช่นกัน
ตรงจุดศูนย์กลางของโลกร้าง เป็นสถานที่ที่มีพละฟ้าดินเข้มข้นที่สุดในโลกร้าง และเคยเป็นตำแหน่งที่ตั้งของเมืองต้าฮวงโบราณเช่นกัน
ปัจจุบันเมืองต้าฮวงโบราณไม่คงอยู่อีกต่อไปแล้ว หลัวซิวจึงหยิบวัตถุดิบที่นับไม่ถ้วนออกมา กลั่นเป็นพระราชวังตำหนักหลายหลัง ใช้พื้นที่นับแสนลี้วางเค้าโครง แล้วตั้งวังซิวหลัวไว้ที่นี่
วังซิวหลัวสูงหลายหมื่นเมตร หอคอยฮวงลอยอยู่เหนือนภาวังซิวหลัว พลานุภาพมากมายมหาศาล สยบอสูรจิตทั้งปวง
จากวังซิวหลัวเป็นจุดศูนย์กลาง พื้นที่บริเวณโดยรอบนับแสนลี้ล้วนมีตำหนักพระราชวังตั้งสลอน หลัวซิวใช้วัตถุดิบชั้นยอดอีกจำนวนมากมากลั่นฐานค่าย แล้วสร้างค่ายใหญ่ออกมาหนึ่งค่าย ซึ่งเป็นค่ายใหญ่ระดับประมุขเต๋าชั้นยอดหนึ่งค่าย!
ค่ายใหญ่ดังกล่าวมีฐานค่ายทั้งหมด 108 ฐาน ฐานค่ายทุกฐานล้วนหลอมสร้างมาจากวัตถุดิบชั้นยอด ต่อให้ผู้แข็งแกร่งประมุขเต๋าช่วงปลายมาถึง ก็อย่าคิดว่าจะสามารถทลายค่ายกลได้ ต่อให้มกุฎเต๋าจุติลงมาด้วยตนเอง ก็ต้องทุ่มแรงใช้อุบายบางอย่างเช่นกัน ถึงจะสามารถฉีกกระชากค่ายกลนี้ทิ้ง
และสถานที่แห่งนี้ก็คือสถานที่ที่หลัวซิวจะก่อสร้างรากฐานกลับคืนมาใหม่ เขาให้ต้วนคงปล่อยผู้คนในหุบเขาสยบปีศาจออกมาจากไข่มุกโลกา ลวี่โหลวบัญชาการสายภูเขาว่านเริ่นต่อ ซิงเฉินบัญชาการสายตระกูลเทพสงครามต่อ ส่วนสายเผ่าจี้นั้น มีจี้เสี่ยวจื่อเป็นเจ้าแห่งเผ่าจี้หรือจี้จู่คนใหม่
ทุกอย่างกำลังดำเนินการไปในลู่ทางที่ถูกต้อง ถ้าเกิดนับรวมกับเขาละก็ จะมีประมุขเต๋าสี่คนคอยปกปักรักษาอยู่ในวังซิวหลัว จากการที่ยู่เอ๋อร์กลั่นแปรหนืดอมฤตตรีภพอย่างต่อเนื่อง ผลการฝึกตนยังคงได้รับการยกระดับเพิ่มขึ้นอย่างมั่นคง ใช้เวลาอีกไม่นาน แม้นเขาจะไม่อยู่ที่นี่ ก็ไม่มีคนใดสามารถทำให้รากฐานของวังซิวหลัวสั่นคลอนได้แล้ว
เดิมทีหลัวซิวคิดว่าจะมีผู้แข็งแกร่งจากสำนักศักดิ์สิทธิ์เสวียนหวงมาเจรจากับเขา ทว่าเวลาล่วงเลยไปหลายปี ฝั่งสำนักศักดิ์สิทธิ์เสวียนหวงก็ไม่มีวี่แววใด ๆ เลย
นี่จึงทำให้หลัวซิวเข้าใจว่า มกุฎเต๋าทั้งแปดน่าจะยังไม่ออกมาจากวังทะยานเซียน มิเช่นนั้นละก็ จากการที่เขาล้มล้างสาขาย่อยแห่งหนึ่งของสำนักศักดิ์สิทธิ์เสวียนหวง แก่งแย่งฟ้าดินของโลกร้างไป มกุฎเต๋าหวูซินไม่มีทางนิ่งดูดายแน่นอน
วันนี้ ในขณะที่หลัวซิวเตรียมพร้อมที่จะเดินทางไปโลกจักรภพเที่ยวหนึ่งอยู่นั้น ลวี่โหลวที่ฝึกถึงแดนมหาจักรพรรดิยุทธ์เก้ากงล้อก็มาถึงนอกวังซิวหลัว
“เจ้าศักดิ์สิทธิ์ ศิษย์ของจ้าวอาณัติแห่งสวรรค์ขอเข้าพบเจ้าค่ะ”ลวี่โหลวที่อยู่นอกวังซิวหลัวพูดอย่างเคารพนอบน้อม
หลังจากก่อตั้งวังซิวหลัวขึ้นมา พื้นที่บริเวณโดยรอบนับแสนลี้ก็คือแดนศักดิ์สิทธิ์ซิวหลัว หากไม่มีการอนุญาตจากหลัวซิว จักไม่มีคนใดสามารถบุกเข้ามาในวังซิวหลัวโดยพลการได้
“ให้นางเข้ามา”เสียงของหลัวซิวค่อย ๆ สะท้อนออกไปจากวังซิวหลัว
ไม่นานนัก ชีชีก็มาถึงวังซิวหลัว ภายในตำหนักที่กว้างใหญ่ไม่มีผู้ใดเลย บนบัลลังก์หินที่ตั้งอยู่จุดที่สูงที่สุด มีเพียงเงาร่างที่อยู่ในชุดคลุมยาวดำร่างเดียวเท่านั้น เงาร่างดังกล่าวกำลังนั่งอยู่ในท่าขัดสมาธิ แม้นจะเก็บออร่าทั้งหมดเข้าร่างแล้ว แต่ก็ยังทำให้คนมองรู้สึกเคารพยำเกรงตั้งแต่แวบแรกที่เห็นอยู่ดี
ซึ่งเขาก็คือนายจ้าวซิวหลัว นายแห่งโลกร้างในปัจจุบัน อัจฉริยะไร้เทียมทานที่ฝึกตนจนบรรลุเป็นประมุขเต๋าภายในระยะเวลาหลักพันปี เป็นผู้แข็งแกร่งขั้นสูงที่ยึดกุมดาบโลหิตหักเซียนแล้วเพียงพอที่จะสามารถเคียงบ่าเคียงไหล่กับเหล่ามกุฎเต๋า!
มาตรแม้นว่าสภาพจิตใจจะแปรเปลี่ยนไปตั้งนานแล้ว แต่เมื่อชีชีเห็นหลัวซิวอีกครั้ง นางก็รู้สึกเหลือเชื่ออยู่ดี
ณ บัดนี้วินาทีนี้ หลัวซิวกำลังนั่งอยู่บนจุดที่สูงที่สุด ดวงตาที่เรียบนิ่งคู่นั้นกำลังกราดมองนางลงมาจากที่สูง ทำให้นางรู้สึกว่าตัวเองเหมือนเป็นฝุ่นละอองเล็ก ๆ หนึ่งเม็ดในจักรวาลที่เล็กน้อยมากจนไม่มีค่าพอที่จะให้พูดถึง ส่วนหลัวซิวกลับเป็นห้วงดาราที่กว้างใหญ่ไพศาล
ความรู้สึกเช่นนี้ มาตรแม้นว่าเป็นจ้าวอาณัติแห่งสวรรค์ที่ลึกซึ้งมากจนไม่อาจคาดเดาได้ หรือมกุฎเต๋าบรรพภพในตำนานนั่น ก็ไม่เคยทำให้นางมีความรู้สึกเช่นนี้มาก่อน
“ชีชีกราบคารวะนายจ้าวซิวหลัวเจ้าค่ะ”
ปัจจุบันตัวตนของทั้งสองแตกต่างกันราวกับฟ้าดิน ในอดีตนางสามารถเรียกเขาว่าสหายหลัว ท่านชายหลัวได้อย่างสุขุม ทว่าวินาทีนี้นางกลับทำได้เพียงแทนตนเป็นผู้น้อย
มองดูลักษณะท่าทีที่ชีชีปฏิบัติต่อตนเอง ความรู้สึกบนใบหน้าหลัวซิวเรียบนิ่งมาก แต่ในใจก็รู้สึกทอดถอนใจเล็กน้อยอยู่ ในโลกของจอมยุทธ์ หลังจากผลการฝึกตนศักยภาพแตกต่างกันมากถึงระดับที่แน่นอนแล้ว ต่อให้อดีตจะเป็นมิตรสหายที่สนิทกันมากเพียงใด ก็ไม่สามารถทำตัวโผงผางอย่างในอดีตได้อีกแล้ว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มหายุทธ์ สะท้านภพ
แปลต่อทีค่า รออ่านอยู่นะคะ🥺🥺...
มีต่อไหมครับ...
รออยู่นะครับ...
เรื่องเก่าอัพเดตบ้าง ไม่ใช่ลงแต่เรื่องใหม่...
เมื่อไรจะลงซักที...
เค้ายังแปลอยู่ไหมครับ...
ไม่ลงให้อ่านซักที...
รออานยุ...
รอต่อไปครับ...
ตอนใหม่ยังไม่ลงเลยครับ...