มหายุทธ์ สะท้านภพ นิยาย บท 3038

ด้วยความเร็วของเข็มทิศสาสน์เต๋า จากแดนบรรพกาลมาถึงแผ่นดินโลกร้างหลัวซิวใช้เวลาไปไม่นานสักเท่าไรนัก

วังซิวหลัวยังคงอยู่ สิ่งก่อสร้างอย่างพวกตำหนักต่าง ๆ ที่อยู่โดยรอบก็ยังคงอยู่ แต่ทั่วทั้งแดนศักดิ์สิทธิ์ซิวหลัวกลับไม่มีคนอยู่เลยแม้แต่คนเดียว

เมื่อเห็นเช่นนี้ หลัวซิวก็วางใจลง เห็นได้ว่าต้วนคงกับยู่เอ๋อร์ได้ทำตามที่เขาต้องการ พาผู้คนในแดนศักดิ์สิทธิ์ซิวหลัวไปจากที่นี่แล้ว

“ผู้ที่ไล่ตามข้ามานั้นเป็นใครกันแน่?”

รูม่านตาพลันหดเล็กลง หลัวซิวนึกถึงตัวสำนึกที่เพ่งเล็งตนเองในโลกาวังเซียนบรรพกาลขึ้นมา

ต่อให้เป็นมกุฎเต๋า ก็เป็นไปไม่ได้ที่ตัวสำนึกจะน่ากลัวเช่นนี้ ถึงจะเป็นมกุฎเต๋าสังสารวัฏที่ได้ก้าวเข้าสู่แดนมนุษย์อมตะ ตัวสำนึกก็ยังห่างอยู่อีกไกลนัก

การดำรงอยู่เช่นนี้ได้ปรากฏขึ้นมาในวังเซียนบรรพกาล หลัวซิวก็รู้แล้วว่ารูปแบบสถานการณ์ในสามโลกาต้องถูกทำลายอย่างแน่นอน สามโลกากำลังจะเปลี่ยนไป......

มองไกลออกไปในแผ่นดินโลกร้าง หลัวซิวก็เตรียมหาสถานที่ซ่อนตัวเพื่อรอให้เรื่องราวซาลง

ในตอนนี้เอง จู่ ๆ สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไป จากนั้นเขาก็พลันหันหลัง มองไปทางด้านหลังของตนเอง

พรึบ!

รอลอกคลื่นสายแล้วสายเล่าปรากฏขึ้นมาในห้องดารา ปริภูมิผืนหนึ่งค่อย ๆ ฉีกเบิดออก ปรากฏประตูขึ้นบานหนึ่ง เงาร่างสวมในชุดสีขาวร่างหนึ่งก้าวเดินออกมา

วินาทีที่ได้เห็นอีกฝ่าย หลัวซิวก็มีท่าทางเคร่งขรึม เนื่องด้วยคนที่สวมชุดขาวผู้นี้ ก็คือมกุฎเต๋าหวูจี๋นั่นเอง!

แต่มกุฎเต๋าหวูจี๋ในตอนนี้ไม่เหมือนกับมกุฎเต๋าหวูจี๋ที่หลัวซิวรู้จัก มกุฎเต๋าหวูจี๋ที่อยู่ด้านหน้าของเขาในตอนนี้แข็งแกร่งยิ่งกว่า กระแสพลังลึกดั่งมหาสมุทร แม้เทียบกับมกุฎเต๋าสังสารวัฏ ก็ยังเหนือกว่าด้วยซ้ำ!

“อาจารย์?” หลัวซิวมองมกุฎเต๋าหวูจี๋ด้วยความสงสัยและประหลาดใจ

“คิดไม่ถึงว่าเจ้ายังจะเห็นข้าคนนี้เป็นอาจารย์อยู่” มกุฎเต๋าหวูจี๋เองก็มองหลัวซิว รอยยิ้มอ่อน ๆ ปรากฏขึ้นมาบนใบหน้า

“แม้ว่าท่านจะเห็นข้าเป็นเพียงหมากตัวหนึ่งที่มีไว้เพื่อหลอกใช้ แต่หากไม่มีท่าน ก็จะไม่มีข้าหลัวซิว ข้าไม่ยอมให้ท่านมาบงการชะตาชีวิตของข้า แต่ก็ไม่เคยปฏิเสธว่าท่านคืออาจารย์ของข้า” หลัวซิวกล่าวเช่นนี้

“เหอะ ๆ ในเมื่อเจ้ายังเห็นข้าเป็นอาจารย์ เช่นนั้นก็ใช้ร่างกายและวิญญาณของเจ้ามาตอบแทนความเป็นศิษย์อาจารย์นี้เถิด”

มกุฎเต๋าหวูจี๋ยังคงยิ้มอยู่เช่นเดิม เขาพูดยังไม่ทันขาดคำ อัสนีโลหิตสีแดงสดก็ได้ทะลักออกมาจากร่างของเขา อัสนีโลหิตมากมายรวมเข้าหากัน กลายเป็นงูยักษ์สีเลือดตัวหนึ่ง ดวงตาอันดุร้าย จ้องหลัวซิวตาเขม็ง

วินาทีที่งูแก้วสีเลือดปรากฏขึ้น หลัวซิวก็สัมผัสได้ถึงกระแสพลังตัวสำนักอันน่าสะพรึงกลัวนั่นอีกตครั้ง นี่ทำให้เขาเข้าใจขึ่นมาทันที ตอนอยู่ในวังเซียนบรรพกาล ตัวสำนึกที่เพ่งเล็งตนเองสายนั้นมาจากงูยักษ์สีเลือดตนนี้ งูแก้ว!

ในขณะเดียวกัน หลัวซิวก็เข้าใจขึ้นมา ราชาเซียนเฉว่โยวไม่ได้ตายไปอย่างสมบูรณ์แบบ มันถูกกล่าวถึงอยู่ในม้วนหยกที่ราชาเซียนหยุนหลงได้ทิ้งเอาไว้ ร่างเดิมของราชาเซียนเฉว่โยวนั้นเป็นงูยักษ์สีเลือดตนหนึ่ง มีนามว่างูแก้ว

หลัวซิวไม่อาจทราบได้ว่ามกุฎเต๋าหวูจี๋กับงูแก้วมาอยู่ด้วยกันได้อย่างไร ความแข็งแกร่งของมกุฎเต๋าหวูจี๋ได้ก้าวกระโดดจากมกุฎเต๋าชั้นยอดมาเป็นกึ่งมนุษย์อมตะภายในชั่วงเวลาอันสั้น มีความเป็นไปได้สูงมากว่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับราชาเซียนเฉว่โยว

แม้จะเหลือเศษวิญญาณเพียงเสี้ยวเล็ก ๆ แต่อย่างไรเสียก็เป็นวิญญาณของราชาเซียน ไม่ใช่สิ่งที่ร่างกายธรรมดาจะสามารถทนรับได้ ราชาเซียนเฉว่โยวจำเป็นต้องเลือกร่างกายในวังเซียนบรรพกาลเพื่อยึดครอง ย่อมต้องเลือกมกุฎเต๋าหวูจี๋กับที่มีผลการฝึกตนกลั่นร่างสูงที่สุดเป็นธรรมดา

หากพูดถึงร่างเนื้อ ต่อให้เป็นกึ่งมนุษย์อมตะอย่างมกุฎเต๋าสังสารวัฏหรือจีชูหยางก็เทียบกับมกุฎเต๋าหวูจี๋ไม่ได้

เดิมทีราชาเซียนเฉว่โยวต้องการกลืนกินญาณเทวของมกุฎเต๋าหวูจี๋เพื่อยึดครองร่าง แต่กลับคิดไม่ถึงว่ามกุฎเต๋าหวูจี๋มีภัณฑ์วิญญาณที่ร้ายกาจชิ้นหนึ่ง

ภายใต้สถานการณ์ที่ไม่ว่าใครก็ทำอะไรอีกฝ่ายไม่ได้ ราชาเซียนเฉว่โยวกับมกุฎเต๋าหวูจี๋จึงได้ตกลงร่วมมือกัน

ด้วยเหตุนี้ภายใต้การช่วยเหลือของราชาเซียนเฉว่โยว มกุฎเต๋าหวูจี๋จึงทะลุจุดคอขวดได้อย่างง่ายดาย ก้าวเข้าสู่แดนกึ่งมนุษย์อมตะ

“ฮ่า ๆ คิดไม่ถึงว่าข้าจะมีชะตาโอกาสเช่นนี้อยู่ ได้ยินว่าชาติที่แล้วเจ้ามีนามว่าไท่ซ่างฉิง? เช่นนี้แล้ว มีความเป็นไปได้สูงว่าเจ้าก็คือทายาทของเผ่าไท่ซ่างงั้นหรือ?”

“หวูจี๋ อย่าลืมไปล่ะว่าเจ้ารับปากข้าไว้แล้ว จับเขาเอาไว้!” งูแก้วสีเลือดแลบลิ้นของเขา พลางกล่าวด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง

“เป็นศิษย์ของข้า ถึงเวลาที่หมากอย่างเจ้าต้องอุทิศตัวแล้ว”

มกุฎเต๋าหวูจี๋พยักหน้า เห็นเพียงร่างของเขาพลันขยับ ความเร็วถึงขั้นที่ไม่อาจจินตนาการ ต่อให้เป็นตัวสำนึกของหลัวซิว ก็ยังมิอาจจับการเคลื่อนไหวของเขาได้

วินาทีนั้น มกุฎเต๋าหวูจี๋ได้ปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าหลัวซิวเป็นที่เรียบร้อย ยื่นมือออกเป็นกรงเล็บ คว้าเข้ามายังลำคอของเขา

ดวงตาคู่นั้นของหลัวซิวพลันหดลง ภายใต้การปลุกเสกเบิกเนตรของกฎปริภูมิกับความเร็วสองขั้น ร่างของเขาถอยหลังไปทันที เข็มทิศสาสน์เต๋าที่อยู่ใต้เท้าระเบิดพลังแห่งห้วงเวลาออกมา หลับหนีเข้าไปยังส่วนลึกของห้วงดาราภายในพริบตา

มกุฎเต๋าหวูจี๋ที่อยู่ในระดับกึ่งมนุษย์อมตะ และยังมีราชาเซียนเฉว่โยวที่ลึกล้ำมิอาจคาดเดา เผชิญหน้ากับศัตรูที่แข็งแกร่งเช่นนี้ หลัวซิวไม่คิดที่จะเผชิญหน้าโดยตรงเลย เขาเลือกหลบหนีตั้งแต่วินาทีแรก

สวบ!

เข็มทิศสาสน์เต๋ากะพริบหนึ่งครั้งก็ห่างออกมานับหมื่นลี้ แทบจะในระหว่างหนึ่งลมหายใจ ก็ได้หายไปอย่างไร้ร่องรอยเสียแล้ว

ทว่าสีหน้าของหลัวซิวกลับยังคงเคร่งเครียดไร้ที่เปรียบ เนื่องจากตัวสำนึกของราชาเซียนเฉว่โยวยังคงเพ่งเล็งเขาเอาไว้แน่นมาโดยตลอด แรงสังหารอันดุเดือดรุนแรงเหลือคณา ได้ตามมาด้วยความเร็วที่ไม่ด้อยไปกว่าเข็มทิศสาสน์เต๋า

มกุฎเต๋าหวูจี๋เชี่ยวชาญด้านการกลั่นร่าง เดินเส้นทางวิถีเซียนร่างศักดิ์สิทธิ์ ผลการฝึกตนของเขาได้ทะลวงกฎเกณฑ์บรรลุถึงแดนกิ่งมนุษย์อมตะ เคล็ดเซียนแปรเก้าของเขาเองก็ได้บรรลุถึงขีดจำกัด เกือบจะสำเร็จกึ่งร่างศักดิ์สิทธิ์!

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มหายุทธ์ สะท้านภพ