มหายุทธ์ สะท้านภพ นิยาย บท 3040

ในเวลานี้ หลัวซิวได้ระเบิดพลังการต่อสู้ที่แข็งแกร่งที่สุดของเขาออกมา แม้ว่ายามนี้เขาจะสามารถขี่เข็มทิศสาสน์เต๋าเพื่อหลบหนีได้ แต่ถ้าหนีไปเช่นนี้ มันไม่ใช่นิสัยของเขา

ดาบหักเซียนกับเหล็กเซียนชั้นกล้าถูกเขาอัญเชิญออกมา สุดยอดภัณฑ์เซียนที่มีอานุภาพล้ำเลิศสองชิ้น สิ่งหนึ่งสามารถทำลายทุกสิ่ง สิ่งหนึ่งสามารถสยบทุกอย่าง ได้จู่โจมเข้าไปทางร่างของมกุฎเต๋าหวูจี๋อย่างพร้อมเพรียง

ร่างวิญญาณของราชาเซียนเฉว่โยวได้เข้าสู่ร่างของมกุฎเต๋าหวูจี๋ หลังจากได้ผ่านการต่อสู้ในตัวหยั่งรู้ของหลัวซิว เนื่องจากคาดคะเนอานุภาพของดาบหักเซียนกับเหล็กเซียนชั้นกล้าผิดพลาดไป พลังวิญญาณที่เขาเหลืออยู่ในตอนนี้ มีไม่ถึงครึ่งเลยด้วยซ้ำ

มองเห็นยอดภัณฑ์เซียนทั้งสองชิ้นจู่โจมเข้ามา ราชาเซียนเฉว่โยวเดือดดาลถึงขีดสุด แม้ว่าร่างนี้จะบรรลุถึงระดับขั้นกึ่งร่างศักดิ์สิทธิ์เป็นที่เรียบร้อย หากไม่มีการป้องกัน ก็ไม่มีทางที่จะต้านทานการโจมตีซึ่งหน้าของสุดยอดภัณฑ์เซียนทั้งสองชิ้นนี้ได้

อย่าว่าแต่กึ่งร่างศักดิ์สิทธิ์เลย ต่อให้เป็นร่างเซียนศักดิ์สิทธิ์จริง ๆ เมื่อต้องเผชิญหน้ากับยอดภัณฑ์เซียนทั้งสอง ก็อ่อนแอเฉกเช่นกระดาษแผ่นหนึ่ง

จังหวะที่หลัวซิวลงมือจู่โจมนั้นหลักแหลมยิ่งนัก รอให้ร่างวิญญาณของราชาเซียนเฉว่โยวกลับเข้าสู่ร่างแล้วควบคุมร่างกายมาต่อต้าน มันก็ไม่ทันการเสียแล้ว

ดังนั้นวินาทีที่เห็นหลัวซิวลงมือ จิตตั้งของมกุฎเต๋าหวูจี๋ก็ได้ยึดครองการควบคุมร่างกายกลับคืนมาทันที

เขากับราชาเซียนเฉว่โยวเพียงแค่ร่วมมือกันเท่านั้น ดังนั้นเขาจะไม่ปล่อยให้ราชาเซียนเฉว่โยวใช้ร่างกายของเขาตามอำเภอใจ ขอเพียงเขาต้องการ ก็สามารถยึดการควบคุมร่างกายกลับมาได้ทุกเมื่อ

“ตึง!”

ตำหนักที่แสงเซียนเจิดจรัสลอยออกมาจากตรงกลางระหว่างคิ้ว นี่คือภัณฑ์เซียนชั้นล่างชินหนึ่งที่มกุฎเต๋าหวูจี๋มีครอบครอง

เสียงดังสนั่นหวั่นไหว การโจมตีของดาบหักเซียนกับเหล็กเซียนชั้นกล้าได้กระทบลงไปบนตำหนักหลังนี้ เศษชิ้นส่วนจำนวนนับไม่ถ้วนที่แฝงไปด้วยแสงเซียนลอยกระจัดกระจาย

ของขลังคุ้มกันระดับภัณฑ์เซียนชั้นล่างชิ้นหนึ่ง เมื่อปะทะกันซึ่ง ๆ หน้า ก็ได้ถูกพละเทพสยบเซียน ที่ไร้เทียมทานของเหล็กเซียนชั้นกล้าทุบจนแตกกระจาย

มกุฎเต๋าหวูจี๋ตกใจหน้าถอดสี แม้ว่าเขาจะตอบสนองอย่างรวดเร็วแล้ว แต่ก็ยังไม่สามารถหลบพ้นได้อย่างสมบูรณ์ เลือดกระเด็นออกมาจากแขนขวาที่โดนตัดฝ่ามือไปก่อนหน้านี้ ได้ถูกดาบหักเซียนตัดออกมาทั้งแขน

และยังไม่จบเพียงเท่านี้ เหล็กเซียนชั้นกล้าร่วงหล่นลงมา กระแทกลงไปบนไหล่ของเขา ร่างครึ่งซีกได้แหลกละเอียด เลือดพุ่งกระฉูด น่าเวทนาไม่อาจทนดูได้

ท่าทางบนใบหน้าของหลัวซิวเย็นชายิ่งนัก หากมีทางเลือก เขาไม่อยากเป็นศัตรูกับมกุฎเต๋าหวูจี๋ ทว่าเมื่อมาถึงขั้นนี้ความสัมพันธ์ของการเป็นศิษย์อาจารย์มันก็ไม่เหลืออยู่อีกแล้ว มีเพียงต้องตายกันไปข้างหนึ่ง!

สวบ! สวบ! สวบ!......

ทันใดนั้นเอง มือทั้งสองข้างของหลัวซิวก็ได้วาดตราอย่างรวดเร็ว แสงเซียนไร้ขอบเขตผนึกรวมกันที่ตรงกลางระหว่างมือของเขา เหมือนดั่งพระอาทิตย์ที่กำลังขึ้น ทั้งเหมือนกับดวงดาวที่ส่องแสงแพรวพราวที่สุดในท้องนภา!

เข้าล็อกเดิม!

นี่เป็นพลังอมตะที่ร้ายกาจที่สุดของหลัวซิว การโจมตีของดาบหักเซียนกับเหล็กเซียนชั้นกล้าเป็นเพียงการเริ่มต้น ไม้ตายจริง ๆ นั้นคือพลังอมตะที่เขากำลังใช้อยู่ตอนนี้

เผาผลาญพลังและเลือดได้ทำให้ผลการฝึกตนรุดสู่ขั้นประมุขเต๋าช่วงปลาย เขาใช้พลังทั้งหมดซัดตราเข้าล็อกเดิมออกมา อานุภาพของมันทัดเทียมได้กับระดับกึ่งมนุษย์อมตะอย่างแน่นอน!

สภาพของมกุฎเต๋าหวูจี๋ในตอนนี้น่าเวทนาจนไม่อาจทนดูได้ การโจมตีของดาบหักเซียนกับเหล็กเซียนชั้นกล้านั้นแข็งแกร่งยิ่งนัก แม้ว่าผลการฝึกตนของหลัวซิวจะไม่สูง มิอาจทำให้อานุภาพของภัณฑ์เซียนทั้งสองชิ้นนี้แสดงออกมาได้มากมายสักเท่าไรนัก แต่ก็ไม่ใช่สิ่งที่เขาจะต่อต้านซึ่ง ๆ หน้าได้

ทว่าในตอนที่เขาเพิ่งจะผ่านการต้านรับการโจมตีของภัณฑ์เซียนทั้งสองชิ้นมาได้อย่างยากลำบากนั่นเอง วิชาตราประทับสายหนึ่งของหลัวซิว ก็ได้มาถึงในขณะที่เขากำลังอ่อนแอ!

“หวูจี๋แปรเก้า!”

เหลือเพียงมือซ้ายที่ยังคงขยับได้ พลังเซียนสายหนึ่งผนึกรวมขึ้นมาบนฝ่ามือซ้ายของเขา พลังเซียนสั่นสะเทือนอยู่เก้าครั้ง ทุกครั้งที่สั่น อานุภาพก็เพิ่มขึ้นมาหนึ่งเท่าตัว

พลังอมตะแขนงนี้ ก็คือพลังอมตะที่มกุฎเต๋าหวูจี๋สร้างขึ้นมาเอง ผสมผสานไว้ด้วยแก่นสารของเคล็ดเซียนแปรเก้า และก็เป็นวิชาอมตะที่แข็งแกร่งที่สุดของเขา

เขาเคยถ่ายทอดวิชากลั่นร่างเคล็ดเซียนแปรเก้าให้กับหลัวซิว แต่มิได้ถ่ายทอดพลังอมตะนี้ให้เขา เห็นได้ว่าได้เหลือทางหนีทีไล่เอาไว้

ครืน!

พลังอมตะทั้งสองสายกระทบกันอย่างรุนแรง วินาทีนี้ ห้วงดาราไร้ซึ่งสีสัน อุกกาบาตแตกกระจายก้อนแล้วก้อนเล่า กลายเป็นฝุ่นละออง

เงาร่างสองสายลอยถอยหลังออกไปพร้อมกัน มกุฎเต๋าหวูจี๋ได้กระอักเลือดออกมาหลายคำ ได้รับบาดเจ็บหนักยิ่งกว่า ส่วนรัศมีพลังบนร่างของหลัวซิวก็ลดฮวบลงมาหลายระดับ เลือดไหลอาบบนฝ่ามือและนิ้ว

เพราะอย่างไรเสียการขับเคลื่อนยอดภัณฑ์เซียนสองชิ้นพร้อมกันมันก็ทำให้เขาสูญเสียพลังไปมาก ภายใต้การดวลพลังอมตะ แม้ว่ามกุฎเต๋าหวูจี๋จะอยู่ในสภาพได้รับบาดเจ็บหนัก แต่ร่างเนื้อกลับแข็งแกร่งยิ่งกว่าเขา

การแสดงการโจมตีที่ทรงพลังอย่างต่อเนื่องทำให้หลัวซิวรู้สึกสูญเสียพลังไปมาก ผลการฝึกตนอันแข็งแกร่งที่แลกมาด้วยการเผาผลาญพลังและเลือด ก็กำลังลดลงอย่างรวดเร็ว ทำให้เขารู้ว่าตนเองทนได้อีกไม่นาน

“หวูจี๋ ท่านระมัดระวังตัวด้วย!”

หลัวซิวมองมกุฎเต๋าหวูจี๋แวบหนึ่ง ครั้งนี้เขาไม่ได้เรียกอีกฝ่ายว่าอาจารย์ เพราะนับตั้งแต่ที่อีกฝ่ายได้ช่วยราชาเซียนเฉว่โยววางแผนยึดครองร่างกายของเขา ความสัมพันธ์ของการเป็นศิษย์อาจารย์ ก็ได้ถูกตัดให้ขาดไปแล้ว!

เขาให้มกุฎเต๋าหวูจี๋ระมัดระวังตัว ก็ถือว่าเป็นคำเตือนด้วยความหวังดีครั้งสุดท้ายของเขา ราชาเซียนเฉว่โยวมิใช่คนที่ควรคบค้าสมาคมอย่างแน่นอน ร่วมมือกับเขา ไม่ต่างอะไรกับการฝากเนื้อไว้กับเสือ

ดาบหักเซียนกับเหล็กเซียนชั้นกล้าลอยกลับเข้าสู่ร่าง เข็มทิศสาสน์เต๋าปรากฏขึ้นมาใต้ฝ่าเท้าของหลัวซิว วินาทีนั้นเขาได้หายวับไปในส่วนลึกของห้วงดารา ด้วยความเร็วที่เหนือกว่าเทเลพอร์ต

มกุฎเต๋าหวูจี๋มิได้ไล่ตามไป ยามนี้ร่างกายด้านหนึ่งของเขาได้ถูกโจมตีจนแหลกสลาย แขนข้างหนึ่งถูกตัดขาด ต่อให้อยากไล่ตามไปก็ไม่มีทางที่จะตามได้ทัน

การบาดเจ็บที่เกิดจากเหล็กเซียนชั้นกล้ากับดาบหักเซียนไม่ใช่เรื่องเล็กน้อย พละเทพสยบเซียนกับแรงสังหารหักเซียนที่แฝงอยู่ในยอดภัณฑ์เซียนทั้งสองชิ้น อย่างน้อยมกุฎเต๋าหวูจี๋จะต้องปิดขังฝึกตนระยะหนึ่งถึงจะสามารถฟื้นฟูอาการบาดเจ็บได้

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มหายุทธ์ สะท้านภพ