สัตว์ขี่ของชูวหงถูกฆ่า เงาร่างชุดคลุมดำที่เป็นเหมือนเทพสังหารผู้นั้น พลันทำให้ทุกคนตกตะลึงอึ้งทึ่งขึ้นมาทันที
แม้ว่าจะเป็นเพียงสัตว์ขี่ แต่ถึงอย่างไรก็เป็นผู้แข็งแกร่งแดนเซียนดิน แม้ว่าผลการฝึกตนจะถูกกดให้เหลือเพียงผู้สูงส่งขั้นสูง หากนำออกไปยังโลกภายนอก ก็ยังสามารถขยี้ประมุขเต๋าธรรมดาทั่วไปได้อย่างง่ายดาย
แต่ผู้แข็งแกร่งเช่นนี้ กลับถูกตัดศีรษะไปภายในกระบวนท่าเดียว เช่นนั้นชายหนุ่มชุดคลุมยาวดำที่เป็นเหมือนดั่งเทพสังหารคนนี้ มีความสามารถในระดับใดกันแน่?
“ดูท่าคงจะเป็นผู้แข็งแกร่งแดนเซียนชั้นฟ้า แต่คนผู้นี้ดูแล้วไม่คุ้นหน้าเลย”
“เซียนชั้นฟ้าแล้วอย่างไร? ในโลกคุกเซียนแห่งนี้ ยังไม่เคยมีเซียนชั้นฟ้าผู้ใดกล้ามาอวดดีที่เมืองโชคลาภมาก่อน”
“ท่านเจ้าเมืองเป็นเซียนชั้นฟ้าขั้นสุดยอดที่สุดยอดที่สุด สามารถเอาชีวิตเซียนชั้นฟ้าธรรมดาทั่วไปได้อย่างง่ายดาย คนผู้นี้กล้าสังหารสัตว์ขี่ของท่านเจ้าเมือง เขาต้องตายแน่แล้ว!”
ผู้คนมากมายที่ได้เห็นเหตุการณ์นี้ต่างพากันวิพากษ์วิจารณ์ ตราบใดที่ไม่ใช่คนโง่ต่างก็ดูออก ชายหนุ่มชุดคลุมยาวดำผู้นี้ได้สังหารสัตว์ขี่ของชูวหง เห็นได้ชัดว่ามาเพื่อหาเรื่อง
แสงกลสายแล้วสายเล่าลอยออกมาจากเมืองโชคลาภ เงาร่างห้าสายปรากฏขึ้นกลางอากาศ ทั้งหน้าคนนี้ต่างมีผลการฝึกตนในแดนเซียนชั้นฟ้า คนที่เป็นผู้นำนั้นยิ่งเป็นเซียนชั้นฟ้าขั้นชั้นหนึ่ง
“เซียนชั้นฟ้าเจี้ยนเสี้ยวมาแล้ว!”
“เซียนชั้นฟ้าเจี้ยนเสี้ยวมีผลการฝึกตนในแดนเซียนชั้นฟ้าขั้นชั้นหนึ่งเซียวนะ แถมยังร้ายกาจกว่าเซียนชั้นฟ้าขั้นชั้นหนึ่งหลายคนอีกด้วย”
เซียนชั้นฟ้าเจี้ยนเสี้ยวคือบุรุษหนุ่มที่สวมในชุดสีขาวผู้หนึ่ง แต่เขาไม่ได้อายุน้อยอย่างที่เห็นในภายนอก เป็นเฒ่าประหลาดที่มีชีวิตผ่านมาไม่รู้กี่ยุคแห่งความโกลาหลแล้ว
แวบแรกที่เขาได้เห็นหลัวซิว เขาก็รู้แล้วว่าชายหนุ่มชุดคลุมยาวดำผู้นี้มีความสามารถอันน่าทึ่ง ดังนั้นเขาจึงมิได้ลงมือโดยตรง แต่เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น: “เจ้าเป็นใครกันแน่? เหตุใดถึงได้มาก่อความวุ่นวายที่เมืองโชคลาภของเรา?”
“ข้ามาหาชูวหง ให้มันออกมา” หลัวซิวเหลือบมองเซียนชั้นฟ้าเจี้ยนเสี้ยวอย่างเฉยเมยแล้วกล่าว
“เจ้าคิดท้าประลองท่านเจ้าเมืองอย่างนั้นหรือ?” เซียนชั้นฟ้าอีกสี่คนที่ยืนอยู่ด้านหลังเขากลับได้แหงนหน้าหัวเราะขึ้นมาเสียงดัง
ไม่รู้ว่ากี่ปีแล้วที่ไม่มีคนมาท้าประลองชูวหง ในสองสามปีแรก ก็มีพวกอวดดีมีท้าประลองอยู่บ้าง แต่จุดจบของพวกมันล้วนได้กลายเป็นกองกระดูกโดยไม่มีข้อยกเว้น
“ผิดแล้ว ข้ามิได้มาท้าประลองชูวหง แต่มาเพื่อเอาชีวิตมัน” น้ำเสียงของหลัวซิวยังคงสงบเหมือนเดิม
“ฮ่า ๆ เจ้าหมอนี่มันโง่หรือเปล่าน่ะ? มันคิดว่ามันเป็นใคร?”
เมื่อได้ฟังที่หลัวซิวพูดมา แม้แต่เซียนชั้นฟ้าเจี้ยนเสี้ยวที่หวั่นเกรงเขาเล็กน้อยก็ยังคิดว่าคนผู้นี้สมองมีปัญหา
ในโลกคุกเซียนแห่งนี้ เซียนชั้นฟ้าขั้นสุดยอดแต่ละคนต่างมีชื่อเสียงเลื่องลือ ทั้งหมดนี้ได้มาจากเลือดสด ๆ และกระดูกที่กองรวมกันนับไม่ถ้วน
ทันใดนั้นเอง เซียนชั้นฟ้าเจี้ยนเสี้ยวก็พลันนึกถึงคนผู้หนึ่งขึ้นมา เนื่องจากเมื่อไม่นานมานี้มีข่าวลือว่ามีผู้แข็งแกร่งคนหนึ่งได้เที่ยวตามหาคนท้าประลองไปทั่ว ได้เอาชนะเซียนชั้นฟ้าขั้นชั้นหนึ่งมาหลายคน แถมยังได้สังหารเซียนชั้นฟ้าขั้นชั้นหนึ่งไปสองสามคนอีกด้วย และหนึ่งในนั้นยังมีคนที่อยู่ใต้บังคับบัญชาเจ้าเมืองชูวหงแห่งเมืองโชคลาภของพวกเขาอีกด้วย
ทว่ากลับไม่มีเวลาให้เซียนชั้นฟ้าเจี้ยนเสี้ยวได้ครุ่นคิด หลัวซิวพลันขมวดคิ้ว และได้ลงมือด้วยท่าทางรำคาญสุดจะทนเสียแล้ว
“ฆ่ามันเสีย!”
เห็นหลัวซิวลงมือ เซียนชั้นฟ้าอีกสี่คนที่อยู่ด้านหลังเจี้ยนเสี้ยวก็ได้บุกโจมตีเข้าไปพร้อมกัน
ทันทีทันใด การโจมตีต่าง ๆ นานาของเซียนชั้นฟ้าทั้งสี่ก็ได้ปกคลุมเข้าหาหลัวซิวอย่างมืดฟ้ามัวดิน
หลัวซิวมิได้ขยับร่างหลบ เพียงแค่ก้าวเหยียบอากาศเดินขึ้นไปด้านหน้าด้วยท่วงท่าที่ช้ามาก แสงเซียนเจิดจรัสแผ่ซ่านออกมาจากร่างของเขา การโจมตีจากพลังอมตะทั้งหมดเมื่อเข้าใกล้เขาในระยะร้อยเมตร ล้วนได้สลายไปเอง เหมือนดั่งหิมะน้ำแข็งที่ถูกละลาย
“อะไรน่ะ?”
“เป็นไปได้อย่างไร?”
“มันทำได้อย่างไรกัน?”
“หรือว่ามันได้ฝึกสุดยอดพลังอมตะคุ้มครองกายชนิดหนึ่ง?”
เซียนชั้นฟ้าทั้งสี่หน้าถอดสี ในขณะที่พวกเขาตกตะลึงอยู่นั้น ร่างของหลัวซิวก็พลันหายไป
ไม่มีระลอกคลื่นของปริภูมิอยู่เลย และไม่มีร่องรอยของรัศมีพลังใด ๆ เขาหายไปต่อหน้าต่อตาเช่นนี้ ทำให้คนไม่อาจคาดเดาเลยว่าเขาจะปรากฏตัวขึ้นมาตรงไหน
“ตูม!"
จู่ ๆ ก็เกิดเสียงดังสนั่น เงาร่างสี่สายปลิวลอยออกไป แต่ละคนพากันกระอักเลือดออกมา และตำแหน่งที่เซียนชั้นฟ้าทั้งสี่ยืนอยู่เมื่อสักครู่นั้น เงาร่างสูงสง่าในชุดคลุมดำสายหนึ่งปรากฏขึ้นอย่างช้า ๆ
“อ่อนแอเกินไป”
หลัวซิวกล่าวขึ้นมาอย่างเรียบ ๆ มิได้มีท่าทางดีใจที่เอาชนะเซียนชั้นฟ้าทั้งคนได้อยู่เลย เพราะสี่คนนี้เป็นเพียงเซียนชั้นฟ้าขั้นธรรมดาเท่านั้น แม้แต่ขั้นชั้นหนึ่งก็ยังไม่ใช่
เซียนชั้นฟ้าเจี้ยนเสี้ยวรู้สึกเพียงเหน็บหนาวไปทั้งตัว การลงมือในเมื่อสักครู่ของอีกฝ่ายแม้แต่เขาเองยังมองไม่ชัดเจน คู่ต่อสู้เช่นนี้มันน่าสะพรึงกลัวเกินไปเสียแล้ว
ความคิดแลกของเขาก็คือหนี เพราะเขาทราบดีว่าคู่ต่อสู้เช่นนี้มีเพียงเจ้าเมืองชูวหงเท่านั้นถึง
จะรับมือได้
เพียงแต่เซียนชั้นฟ้าเจี้ยนเสี้ยวยังไม่ทันได้หันหลังกลับ จู่ ๆ ความรู้สึกเจ็บปวดก็พลันแผ่ซ่านไปทั่วร่างกาย เขาก้มหน้าลงมอง จากนั้นก็พบว่ามีฝ่ามือข้างหนึ่งทะลุผ่านหน้าอกข้างซ้ายของเขาไป หัวใจถูกบีบละเอียดในทันที
การที่ร่างเนื้อได้รับบาดเจ็บหนักไม่เพียงพอที่จะทำให้เขาตาย หลังจากได้ผนึกรวมช่องจิต ตราบใดที่วิญญาณดั้งเดิมของช่องจิตยังไม่มอดดับ นักยุทธ์ก็จะไม่ถือว่าตาย นับประสาอะไรกับผู้สูงส่งขั้นสูงที่มีผลการฝึกตนในแดนเซียนชั้นฟ้าขั้นชั้นหนึ่งอย่างเขา?
ทว่ากลิ่นอายแห่งความตายกลุ่มหนึ่งได้ครอบงำไปทั่วร่างของเขาในชั่วพริบตา ภายใต้การกัดกร่อนของพลังแห่งความตายกลุ่มนี้ เซียนชั้นฟ้าเจี้ยนเสี้ยวรู้สึกว่าวิญญาณดั้งเดิมของตนเป็นเหมือนดั่งเปลวเทียนที่สั่นไหวในลมพายุ ซึ่งสามารถมอดดับได้ทุกเมื่อ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มหายุทธ์ สะท้านภพ
แปลต่อทีค่า รออ่านอยู่นะคะ🥺🥺...
มีต่อไหมครับ...
รออยู่นะครับ...
เรื่องเก่าอัพเดตบ้าง ไม่ใช่ลงแต่เรื่องใหม่...
เมื่อไรจะลงซักที...
เค้ายังแปลอยู่ไหมครับ...
ไม่ลงให้อ่านซักที...
รออานยุ...
รอต่อไปครับ...
ตอนใหม่ยังไม่ลงเลยครับ...