มหายุทธ์ สะท้านภพ นิยาย บท 3111

“ไป เราไปดูกันเถอะ”

หลงเทียนหลิงก็มองเห็นตำแหน่งที่รัศมีดวงนั้นลอยขึ้นมาเช่นกัน ก่อนจะพูดว่า: “เรามีสมบัติที่สามารถตามหาของมงคลหลบเลี่ยงภยันตราย ทันทีที่เจอความอันตราย เราก็สามารถถดถอยกลับมาได้อย่างปลอดภัยเช่นกัน”

พอสิ้นเสียงหลงเทียนหลิง ผู้แข็งแกร่งทุกคนในเผ่าพันธุ์มังกรเซียนก็เดินตามเขาไป ใบหน้าของหยุนเซวียนดูกังวลใจเล็กน้อย ภัณฑ์เศษณ์ชิ้นนี้สามารถตามหาของมงคลหลบเลี่ยงภยันตรายได้ก็จริง แต่ส่วนลึกของแดนต้องห้ามแห่งนี้อันตรายมากเกินไป ด้วยศักยภาพที่ยังไม่บรรลุเป็นเซียนของนาง หากเข้าไปแล้วก็มีชีวิตรอดออกมาได้ยากมาก

อย่างไรก็ตามศักยภาพของนางอ่อนแอเกินไป ทว่าเหล่าผู้แข็งแกร่งจากเผ่าพันธุ์มังกรเซียนกลับไม่ถามความคิดเห็นของนางด้วยซ้ำ ดังนั้นนางจึงทำได้เพียงฝืนกัดฟันเดินตามเข้าไปด้วย

“เราก็ไปกันเถอะ”เทพธิดาจิ่วโยวเอ่ยปากพูดด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา จากนั้นภายใต้การนำพาของประมุขเซียนแห่งแดนศักดิ์สิทธิ์จิ่วโยว พวกเขาจึงเดินตามอยู่ด้านหลังเผ่าพันธุ์มังกรเซียน

ตงฟางหยุนอีไม่ได้พูดอะไร แต่เป็นการนำสายตาจับจ้องไปทางผู้อาวุโสประมุขเซียนแห่งภูเขาภูตศักดิ์สิทธิ์นั่น เห็นเพียงผู้อาวุโสผมเผ้าขาวหงอกนั่นพยักหน้าเบา ๆ จากนั้นผู้คนในภูเขาภูตศักดิ์สิทธิ์ก็มุ่งหน้าเดินตรงไปทางตำแหน่งที่มีรัศมีลอยขึ้นเช่นกัน

ในระหว่างที่เดินอยู่นั้น จู่ ๆ คนที่อยู่ด้านหน้าก็หยุดเคลื่อนที่ เพราะมีเหวขนาดใหญ่ที่ลึกจนมองไม่เห็นก้นเหวปรากฏตรงหน้า ขัดขวางทางเดินของพวกเขาเอาไว้

หากอยู่ด้านนอก พวกเขาสามารถบินข้ามผ่านเหวลึกประเภทนี้ได้อย่างง่ายดายอยู่แล้ว ทว่าที่นี่คือแดนต้องห้ามกระดูกฝัง ในชั้นบรรยากาศมีชี่มรณะที่น่ากลัวตลบฟุ้งไปทั่วทุกสารทิศ จึงไม่มีผู้ใดกล้าบินขึ้นสูงอย่างบุ่มบ่าม มาตรแม้นว่าเป็นประมุขเซียนก็ไม่กล้าเช่นกัน

หลงเทียนหลิงมองหยุนเซวียนรอบหนึ่ง เห็นเพียงหยุนเซวียนหยิบภัณฑ์เศษณ์กระดูกนิ้วชิ้นนั้นออกมาอีกครั้ง ก่อนจะมีรัศมีสีทองอ่อน ๆ เปล่งประกาย

“ด้านหน้าอันตราย ต้องอ้อมเท่านั้น”หลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง หยุนเซวียนก็ตอบกลับ

เมื่อได้ยินคำตอบนี้ หลงเทียนหลิงจึงขมวดคิ้วลง เหวลึกดังกล่าวครอบคลุมพื้นที่ที่กว้างใหญ่มาก หากต้องเดินอ้อมละก็ จะเสียเวลาเยอะมาก ๆ

แต่ที่นี่คือแดนต้องห้ามกระดูกฝัง หากจะฝ่าฟันสถานอันตรายเพียงพอไม่อยากเดินอ้อม เช่นนั้นต่อให้มีประมุขเซียนสามตนอยู่ในหมู่คณะ สถานการณ์ที่ต้องได้ตายสถานเดียวก็มีโอกาสเกิดขึ้นสูงมาก

“โครม!”

ทันใดนั้นเอง พลังออร่าอันน่ากลัวที่เหมือนมาจากยุคดึกดำบรรพ์ก็พรั่งพรูออกมาจากก้นบึ้งของเหวลึก ถัดจากนั้นก็มีหัวของมังกรกระดูกที่ใหญ่โตเท่าภูเขาลูกหนึ่งยื่นออกมาจากเหว ดวงตาที่มีอัคคีแห่งวิญญาณลุกโชน กำลังจ้องเขม็งมาทางกลุ่มคนจากแดนศักดิ์สิทธิ์ใหญ่ทั้งสามอย่างเยือกเย็น ปานจ้องมองศพ

“โฮกก!”

เสียงคำรามสะท้อนออกมาจากปากมังกรกระดูก เสียงคำรามที่เสมือนวิญญาณโหยหวน ทำให้จิตวิญญาณของทุกคนที่อยู่ในที่เกิดเหตุสั่นคลอน เซียนชั้นฟ้าทุกตนล้วนกระอักเลือดแล้วก้าวถอยหลังกลับไป กึ่งเซียนอย่างหลินเทียนและหยุนเซวียนยิ่งมีเลือดไหลออกมาจากหูจมูกปากตา ถูกแรงสั่นสะเทือนกระทบจนเกือบตาย!

“กระดูกแห่งบรรพมังกร!”

สีหน้าอารมณ์ของหลงเทียนหลิงเปลี่ยนไปอย่างมาก ทุกคนจากเผ่าพันธุ์มังกรเซียนล้วนสัมผัสได้ถึงแรงกดอัดที่กำเนิดจากส่วนที่ลึกที่สุดของสายเลือด ราวกับเมื่อเผชิญหน้ากับมังกรกระดูกตัวนี้ในเหวลึก พวกเขาก็ไม่มีจิตใจที่จะต่อต้านเลยแม้แต่น้อย

การกำเนิดของเผ่ามังกรนั้นเก่าแก่อย่างยิ่ง ซึ่งสามารถสืบสาวราวเรื่องกลับไปถึงยุคบรรพกาล ทว่าครั้นยุคบรรพกาล เผ่ามังกรยังไม่ได้ถูกเรียกว่าเผ่าพันธุ์มังกรเซียน แต่เรียกว่าเผ่าบรรพมังกร

บรรพมังกรคือมังกรตัวแรกที่ถูกหล่อเลี้ยงขึ้นมาในเกณฑ์สรรค์ดับครั้นกำเนิดจักรวาล เผ่าบรรพมังกรในภายหลังจึงล้วนเป็นทายาทที่มีสายเลือดบรรพมังกร

อย่างไรก็ตามถึงแม้เผ่าบรรพมังกรจะแข็งแกร่งมากก็ตาม แต่ในจักรวาลฟ้าดินแห่งยุคบรรพกาล กลับไม่ใช่ช่วงรุ่งโรจน์ของเผ่าบรรพมังกร

เพราะทุกเผ่าใน6เผ่าพันธุ์บรรพกาลล้วนแข็งแกร่งกว่าเผ่าบรรพมังกรมาก!

และในการถ่ายทอดสืบสานของเผ่าพันธุ์มังกรเซียนก็มีคำพูดประโยคหนึ่งเช่นกัน ยุคบรรพกาล ไท่ซ่างยึดบรรพมังกรเป็นสัตว์ที่ใช้ขี่……

ในยุคบรรพกาลที่เผ่าไท่ซ่างเจริญรุ่งเรืองที่สุด ต่อให้ได้กลายเป็นสัตว์ที่ใช้ขี่ของเผ่าไท่ซ่าง สำหรับเผ่าบรรพมังกรแล้ว มันก็เป็นเกียรติยศที่สูงศักดิ์อย่างยิ่งเช่นกัน

อย่างไรก็ตามจากการที่จักรพรรดิเซียนไท่ซ่างไปแสวงหาขีดสูงสุดของวิถียุทธ์ ทำให้บรรพมังกรหายสาบสูญไปพร้อมกัน นับตั้งแต่ยุคบรรพกาลเป็นต้นมา เผ่าไท่ซ่างและเผ่าบรรพมังกรก็เริ่มเสื่อมทรุด ยิ่งกว่านั้นคือเมื่อมาถึงยุคโบราณก่อน เผ่าไท่ซ่างก็แทบจะหายเข้าไปในกลีบเมฆแล้ว สายเลือดของชนชั้นบรรพมังกรก็ค่อย ๆ อ่อนแอลง ไม่มีคำว่าบรรพมังกรคงอยู่อีกต่อไป เปลี่ยนมาเป็นเผ่าพันธุ์มังกรเซียน

“ผู้อาวุโสเทียนหลิง ภายในกระดูกแห่งบรรพมังกรมีไขเลือดแฝงซ่อนอยู่ หากผู้แข็งแกร่งในเผ่าพันธุ์มังกรเซียนของพวกท่านสามารถได้ครอบครอง ไม่แน่อาจจะสามารถยกระดับสายเลือดให้ขึ้นไปถึงระดับที่เทียบเคียงกับบรรพมังกรก็เป็นได้นะเจ้าคะ”จู่ ๆ ตงฟางหยุนอีก็เอ่ยปากพูด

“โอหัง!”

หลงเทียนหลิงโกรธเกรี้ยวอย่างยิ่ง ถลึงตามองตงฟางหยุนอีด้วยความพิโรธ “หากไม่มีบรรพมังกร แล้วจักมีมังกรเซียนได้อย่างไร? ไม่นึกเลยว่าสตรีเยี่ยงเจ้าจักยุยงให้ข้าดูหมิ่นบรรพบุรุษ!”

“หลงเทียนหลิง เจ้ากำเริบเสิบสานมากไปแล้วนะ!”

สีหน้าของผู้อาวุโสประมุขเซียนที่ยืนอยู่ข้างกายตงฟางหยุนอีหม่นหมองลง แม้นผลการฝึกตนของตงฟางหยุนอีจะไม่สูง แต่ตัวตนเทพธิดาภูตเซียนกลับเป็นสัญลักษณ์ภาพลักษณ์หน้าตาของภูเขาภูตศักดิ์สิทธิ์

“ท่านจักดูหมิ่นบรรพบุรุษหรือไม่นั้น ข้าไม่ทราบ แต่ดูเหมือนกระดูกแห่งบรรพมังกรตัวนี้จะไม่ได้มองมังกรเซียนอย่างพวกท่านเป็นทายาทของมัน”ตงฟางหยุนอีพูดถากถาง

ทันทีที่สิ้นเสียงนาง จู่ ๆ มังกรกระดูกที่แค่ยื่นกะโหลกกระดูกขาวออกมาจากเหวลึกก็คำรามอีกครั้ง จากนั้นร่างกายที่ใหญ่โตมโหฬารก็พุ่งออกมาจากเหวลึก แล้วลอยวนอยู่เหนือนภาสถานเงียบสงัดแห่งนี้

ชี่มรณะอันไร้ขอบเขตที่ตลบฟุ้งอยู่ในชั้นบรรยากาศ คนมีชีวิตไม่กล้าโบยบิน แต่ภูตมรณะที่อยู่ในแดนต้องห้ามกระดูกฝังกลับไม่ถูกจำกัดแต่อย่างใด

ซึ่งมังกรกระดูกตัวนี้ก็คือมังกรกระดูกหมื่นกว่าเมตรที่หลัวซิวเคยเจอนั่นเอง แต่ลำตัวของมันก็ยาวถึงเก้าพันเมตรแน่นอน มีพลังออร่าที่น่ากลัวแพร่กระจายออกมาจากลำตัว ซึ่งแข็งแกร่งกว่าประมุขเซียนทั้งสามจากแดนศักดิ์สิทธิ์ใหญ่ทั้งสามมาก ๆ

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มหายุทธ์ สะท้านภพ