“ไป เราไปดูกันเถอะ”
หลงเทียนหลิงก็มองเห็นตำแหน่งที่รัศมีดวงนั้นลอยขึ้นมาเช่นกัน ก่อนจะพูดว่า: “เรามีสมบัติที่สามารถตามหาของมงคลหลบเลี่ยงภยันตราย ทันทีที่เจอความอันตราย เราก็สามารถถดถอยกลับมาได้อย่างปลอดภัยเช่นกัน”
พอสิ้นเสียงหลงเทียนหลิง ผู้แข็งแกร่งทุกคนในเผ่าพันธุ์มังกรเซียนก็เดินตามเขาไป ใบหน้าของหยุนเซวียนดูกังวลใจเล็กน้อย ภัณฑ์เศษณ์ชิ้นนี้สามารถตามหาของมงคลหลบเลี่ยงภยันตรายได้ก็จริง แต่ส่วนลึกของแดนต้องห้ามแห่งนี้อันตรายมากเกินไป ด้วยศักยภาพที่ยังไม่บรรลุเป็นเซียนของนาง หากเข้าไปแล้วก็มีชีวิตรอดออกมาได้ยากมาก
อย่างไรก็ตามศักยภาพของนางอ่อนแอเกินไป ทว่าเหล่าผู้แข็งแกร่งจากเผ่าพันธุ์มังกรเซียนกลับไม่ถามความคิดเห็นของนางด้วยซ้ำ ดังนั้นนางจึงทำได้เพียงฝืนกัดฟันเดินตามเข้าไปด้วย
“เราก็ไปกันเถอะ”เทพธิดาจิ่วโยวเอ่ยปากพูดด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา จากนั้นภายใต้การนำพาของประมุขเซียนแห่งแดนศักดิ์สิทธิ์จิ่วโยว พวกเขาจึงเดินตามอยู่ด้านหลังเผ่าพันธุ์มังกรเซียน
ตงฟางหยุนอีไม่ได้พูดอะไร แต่เป็นการนำสายตาจับจ้องไปทางผู้อาวุโสประมุขเซียนแห่งภูเขาภูตศักดิ์สิทธิ์นั่น เห็นเพียงผู้อาวุโสผมเผ้าขาวหงอกนั่นพยักหน้าเบา ๆ จากนั้นผู้คนในภูเขาภูตศักดิ์สิทธิ์ก็มุ่งหน้าเดินตรงไปทางตำแหน่งที่มีรัศมีลอยขึ้นเช่นกัน
ในระหว่างที่เดินอยู่นั้น จู่ ๆ คนที่อยู่ด้านหน้าก็หยุดเคลื่อนที่ เพราะมีเหวขนาดใหญ่ที่ลึกจนมองไม่เห็นก้นเหวปรากฏตรงหน้า ขัดขวางทางเดินของพวกเขาเอาไว้
หากอยู่ด้านนอก พวกเขาสามารถบินข้ามผ่านเหวลึกประเภทนี้ได้อย่างง่ายดายอยู่แล้ว ทว่าที่นี่คือแดนต้องห้ามกระดูกฝัง ในชั้นบรรยากาศมีชี่มรณะที่น่ากลัวตลบฟุ้งไปทั่วทุกสารทิศ จึงไม่มีผู้ใดกล้าบินขึ้นสูงอย่างบุ่มบ่าม มาตรแม้นว่าเป็นประมุขเซียนก็ไม่กล้าเช่นกัน
หลงเทียนหลิงมองหยุนเซวียนรอบหนึ่ง เห็นเพียงหยุนเซวียนหยิบภัณฑ์เศษณ์กระดูกนิ้วชิ้นนั้นออกมาอีกครั้ง ก่อนจะมีรัศมีสีทองอ่อน ๆ เปล่งประกาย
“ด้านหน้าอันตราย ต้องอ้อมเท่านั้น”หลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง หยุนเซวียนก็ตอบกลับ
เมื่อได้ยินคำตอบนี้ หลงเทียนหลิงจึงขมวดคิ้วลง เหวลึกดังกล่าวครอบคลุมพื้นที่ที่กว้างใหญ่มาก หากต้องเดินอ้อมละก็ จะเสียเวลาเยอะมาก ๆ
แต่ที่นี่คือแดนต้องห้ามกระดูกฝัง หากจะฝ่าฟันสถานอันตรายเพียงพอไม่อยากเดินอ้อม เช่นนั้นต่อให้มีประมุขเซียนสามตนอยู่ในหมู่คณะ สถานการณ์ที่ต้องได้ตายสถานเดียวก็มีโอกาสเกิดขึ้นสูงมาก
“โครม!”
ทันใดนั้นเอง พลังออร่าอันน่ากลัวที่เหมือนมาจากยุคดึกดำบรรพ์ก็พรั่งพรูออกมาจากก้นบึ้งของเหวลึก ถัดจากนั้นก็มีหัวของมังกรกระดูกที่ใหญ่โตเท่าภูเขาลูกหนึ่งยื่นออกมาจากเหว ดวงตาที่มีอัคคีแห่งวิญญาณลุกโชน กำลังจ้องเขม็งมาทางกลุ่มคนจากแดนศักดิ์สิทธิ์ใหญ่ทั้งสามอย่างเยือกเย็น ปานจ้องมองศพ
“โฮกก!”
เสียงคำรามสะท้อนออกมาจากปากมังกรกระดูก เสียงคำรามที่เสมือนวิญญาณโหยหวน ทำให้จิตวิญญาณของทุกคนที่อยู่ในที่เกิดเหตุสั่นคลอน เซียนชั้นฟ้าทุกตนล้วนกระอักเลือดแล้วก้าวถอยหลังกลับไป กึ่งเซียนอย่างหลินเทียนและหยุนเซวียนยิ่งมีเลือดไหลออกมาจากหูจมูกปากตา ถูกแรงสั่นสะเทือนกระทบจนเกือบตาย!
“กระดูกแห่งบรรพมังกร!”
สีหน้าอารมณ์ของหลงเทียนหลิงเปลี่ยนไปอย่างมาก ทุกคนจากเผ่าพันธุ์มังกรเซียนล้วนสัมผัสได้ถึงแรงกดอัดที่กำเนิดจากส่วนที่ลึกที่สุดของสายเลือด ราวกับเมื่อเผชิญหน้ากับมังกรกระดูกตัวนี้ในเหวลึก พวกเขาก็ไม่มีจิตใจที่จะต่อต้านเลยแม้แต่น้อย
การกำเนิดของเผ่ามังกรนั้นเก่าแก่อย่างยิ่ง ซึ่งสามารถสืบสาวราวเรื่องกลับไปถึงยุคบรรพกาล ทว่าครั้นยุคบรรพกาล เผ่ามังกรยังไม่ได้ถูกเรียกว่าเผ่าพันธุ์มังกรเซียน แต่เรียกว่าเผ่าบรรพมังกร
บรรพมังกรคือมังกรตัวแรกที่ถูกหล่อเลี้ยงขึ้นมาในเกณฑ์สรรค์ดับครั้นกำเนิดจักรวาล เผ่าบรรพมังกรในภายหลังจึงล้วนเป็นทายาทที่มีสายเลือดบรรพมังกร
อย่างไรก็ตามถึงแม้เผ่าบรรพมังกรจะแข็งแกร่งมากก็ตาม แต่ในจักรวาลฟ้าดินแห่งยุคบรรพกาล กลับไม่ใช่ช่วงรุ่งโรจน์ของเผ่าบรรพมังกร
เพราะทุกเผ่าใน6เผ่าพันธุ์บรรพกาลล้วนแข็งแกร่งกว่าเผ่าบรรพมังกรมาก!
และในการถ่ายทอดสืบสานของเผ่าพันธุ์มังกรเซียนก็มีคำพูดประโยคหนึ่งเช่นกัน ยุคบรรพกาล ไท่ซ่างยึดบรรพมังกรเป็นสัตว์ที่ใช้ขี่……
ในยุคบรรพกาลที่เผ่าไท่ซ่างเจริญรุ่งเรืองที่สุด ต่อให้ได้กลายเป็นสัตว์ที่ใช้ขี่ของเผ่าไท่ซ่าง สำหรับเผ่าบรรพมังกรแล้ว มันก็เป็นเกียรติยศที่สูงศักดิ์อย่างยิ่งเช่นกัน
อย่างไรก็ตามจากการที่จักรพรรดิเซียนไท่ซ่างไปแสวงหาขีดสูงสุดของวิถียุทธ์ ทำให้บรรพมังกรหายสาบสูญไปพร้อมกัน นับตั้งแต่ยุคบรรพกาลเป็นต้นมา เผ่าไท่ซ่างและเผ่าบรรพมังกรก็เริ่มเสื่อมทรุด ยิ่งกว่านั้นคือเมื่อมาถึงยุคโบราณก่อน เผ่าไท่ซ่างก็แทบจะหายเข้าไปในกลีบเมฆแล้ว สายเลือดของชนชั้นบรรพมังกรก็ค่อย ๆ อ่อนแอลง ไม่มีคำว่าบรรพมังกรคงอยู่อีกต่อไป เปลี่ยนมาเป็นเผ่าพันธุ์มังกรเซียน
“ผู้อาวุโสเทียนหลิง ภายในกระดูกแห่งบรรพมังกรมีไขเลือดแฝงซ่อนอยู่ หากผู้แข็งแกร่งในเผ่าพันธุ์มังกรเซียนของพวกท่านสามารถได้ครอบครอง ไม่แน่อาจจะสามารถยกระดับสายเลือดให้ขึ้นไปถึงระดับที่เทียบเคียงกับบรรพมังกรก็เป็นได้นะเจ้าคะ”จู่ ๆ ตงฟางหยุนอีก็เอ่ยปากพูด
“โอหัง!”
หลงเทียนหลิงโกรธเกรี้ยวอย่างยิ่ง ถลึงตามองตงฟางหยุนอีด้วยความพิโรธ “หากไม่มีบรรพมังกร แล้วจักมีมังกรเซียนได้อย่างไร? ไม่นึกเลยว่าสตรีเยี่ยงเจ้าจักยุยงให้ข้าดูหมิ่นบรรพบุรุษ!”
“หลงเทียนหลิง เจ้ากำเริบเสิบสานมากไปแล้วนะ!”
สีหน้าของผู้อาวุโสประมุขเซียนที่ยืนอยู่ข้างกายตงฟางหยุนอีหม่นหมองลง แม้นผลการฝึกตนของตงฟางหยุนอีจะไม่สูง แต่ตัวตนเทพธิดาภูตเซียนกลับเป็นสัญลักษณ์ภาพลักษณ์หน้าตาของภูเขาภูตศักดิ์สิทธิ์
“ท่านจักดูหมิ่นบรรพบุรุษหรือไม่นั้น ข้าไม่ทราบ แต่ดูเหมือนกระดูกแห่งบรรพมังกรตัวนี้จะไม่ได้มองมังกรเซียนอย่างพวกท่านเป็นทายาทของมัน”ตงฟางหยุนอีพูดถากถาง
ทันทีที่สิ้นเสียงนาง จู่ ๆ มังกรกระดูกที่แค่ยื่นกะโหลกกระดูกขาวออกมาจากเหวลึกก็คำรามอีกครั้ง จากนั้นร่างกายที่ใหญ่โตมโหฬารก็พุ่งออกมาจากเหวลึก แล้วลอยวนอยู่เหนือนภาสถานเงียบสงัดแห่งนี้
ชี่มรณะอันไร้ขอบเขตที่ตลบฟุ้งอยู่ในชั้นบรรยากาศ คนมีชีวิตไม่กล้าโบยบิน แต่ภูตมรณะที่อยู่ในแดนต้องห้ามกระดูกฝังกลับไม่ถูกจำกัดแต่อย่างใด
ซึ่งมังกรกระดูกตัวนี้ก็คือมังกรกระดูกหมื่นกว่าเมตรที่หลัวซิวเคยเจอนั่นเอง แต่ลำตัวของมันก็ยาวถึงเก้าพันเมตรแน่นอน มีพลังออร่าที่น่ากลัวแพร่กระจายออกมาจากลำตัว ซึ่งแข็งแกร่งกว่าประมุขเซียนทั้งสามจากแดนศักดิ์สิทธิ์ใหญ่ทั้งสามมาก ๆ
“ไร้ยางอาย!”
“ไม่นึกเลยว่าคนในภูเขาภูตศักดิ์สิทธิ์จะตีซ้ำเติม!”
“......”
ทุกคนจากแดนศักดิ์สิทธิ์จิ่วโยวที่มองเห็นภาพเหตุการณ์ดังกล่าวล้วนโกรธเกรี้ยวขึ้นมา แต่ในจำนวนคนทั้งหมด ผู้ที่มีผลการฝึกตนสูงที่สุดอย่างเทพธิดาจิ่วโยวก็เป็นเพียงแดนราชาเซียนเท่านั้น ซึ่งไม่สามารถเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการต่อสู้ของผู้แข็งแกร่งระดับประมุขเซียนได้ด้วยซ้ำ
หลงเทียนหลิงย่อมต้องมองเห็นภาพเหตุการณ์ดังกล่าวอยู่แล้ว เผ่าพันธุ์มังกรเซียนมีสัมพันธไมตรีต่อแดนศักดิ์สิทธิ์จิ่วโยว ทว่ากลับสายเกินกว่าที่จะลงมือได้แล้ว
“ตู้มม!”
ตราประทับสีทองกระแทกใส่ประมุขเซียนมู่ ก่อนจะมีหมอกเลือดก้อนหนึ่งระเบิดแตก ร่างกายครึ่งซีกของประมุขเซียนมู่ถูกโจมตีจนแหลกสลาย มีเลือดพุ่งออกมาจากร่างกายอีกครึ่งซีกที่เหลือ สภาพอนาถมากจนไม่อาจทนดูได้
การไหลรินของเลือดสีแดงสดได้กระตุ้นอุปนิสัยที่เหี้ยมโหดของบรรพมังกรกระดูกขาว มันแหงนหน้าขึ้นฟ้าคำรามเสียงดัง กรงเล็บมังกรกระดูกขาวที่ดุร้ายน่ากลัวตะบปไปทางร่างกายอีกครึ่งซีกที่เหลือของประมุขเซียนมู่
“หยุด!”
สิ่งที่ทำให้ทุกคนคาดไม่ถึงคือ เมื่ออยู่ในช่วงจุดเป็นจุดตายที่อันตราย จะมีเงาดำร่างหนึ่งพุ่งขึ้นมาจากกลุ่มคนของแดนศักดิ์สิทธิ์จิ่วโยว คลื่นผลการฝึกตนที่แพร่กระจายออกมาจากร่างกายเป็นเพียงแดนเซียนขั้นปฐมภูมิเท่านั้น
ภาพเหตุการณ์ดังกล่าวทำให้ทุกคนรู้สึกตลกมาก แต่ก็รู้สึกตื้นตันใจเช่นกัน
อย่างไรก็ตามสิ่งที่ทำให้ผู้คนตะลึงงันมากกว่านั้นคือ เมื่อชายหนุ่มชุดคลุมยาวดำนั่นตะโกนคำว่าหยุด บรรพมังกรกระดูกขาวที่ลอยอยู่กลางอากาศถึงกับหยุดการตะบปลงแล้วจริง ๆ ดวงตาคู่นั้นที่มีอัคคีแห่งวิญญาณลุกโชนกำลังเพ่งมองไปทางเขา
แท้จริงแล้วหลัวซิวก็รู้สึกประหม่าเล็กน้อยเช่นกัน เขานึกถึงภาพเหตุการณ์ที่มังกรกระดูกสามหมื่นเมตรตัวนั้นคุ้มกันให้ตนออกจากแดนต้องห้ามกระดูกฝัง และนึกถึงเรื่องที่ตนได้รับการถ่ายทอดสืบสานของต้องห้ามไท่ซ่างที่หกในส่วนที่ลึกที่สุดของแดนต้องห้ามกระดูกฝัง
ดังนั้นเขาจึงโคจรเวทย์ต้องห้ามหวูจี๋ไท่ซ่าง แสงทองที่อยู่รอบกายเปล่งปลั่งดั่งเพลิงอัคคีที่ลุกโชน แล้วพุ่งตรงเข้ามาทันที
เนื่องจากเขาเข้าใจดีมาก ๆ ว่าทันทีที่ประมุขเซียนมู่จองแดนศักดิ์สิทธิ์จิ่วโยวตายอยู่ในนี้ เช่นนั้นตงฟางหยุนอีที่อยู่ฝั่งภูเขาภูตศักดิ์สิทธิ์ต้องให้ผู้อาวุโสประมุขเซียนตนนั้นกวาดล้างคนฝั่งแดนศักดิ์สิทธิ์จิ่วโยวแน่นอน และสุดท้ายเขาก็จะหนีความตายไม่พ้นเช่นกัน
เมื่อเปรียบเทียบกับการตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนั้น จะดีกว่าหากลองแก้ไขปัญหาตามสถานการณ์ไปก่อน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มหายุทธ์ สะท้านภพ
นี้ก็หายไปเป็นปีเลย แอแ...
รออ่านยุ...
มาต่อๆ...
มีต่อไหมครับรออยู่นะครับ...
มึงๆ กูๆ เชี้ยไรเยอะแยะวะ นิยายจีนนะโว้ย อ่านเจอแล้วสดุดเสียรมตลอด...
แปลต่อทีค่า รออ่านอยู่นะคะ🥺🥺...
มีต่อไหมครับ...
รออยู่นะครับ...
เรื่องเก่าอัพเดตบ้าง ไม่ใช่ลงแต่เรื่องใหม่...
เมื่อไรจะลงซักที...