ในเมื่อความลับไม่ใช่ความลับอีกต่อไป เช่นนั้นเผ่ามังกรเซียนจึงอำพรางเรื่องนี้ต่อไปไม่ได้ อย่างไรเสียหากพูดถึงศักยภาพละก็ เผ่ามังกรเซียนยังไม่สามารถต่อกรกับแดนศักดิ์สิทธิ์จิ่วโยวและภูเขาภูตศักดิ์สิทธิ์พร้อมกัน
มิหนำซ้ำความสัมพันธ์ระหว่างเผ่ามังกรเซียนและแดนศักดิ์สิทธิ์จิ่วโยวก็ดีมากด้วย หากทุกคนออกปฏิบัติการพร้อมกันละก็ ทั้งสองฝ่ายยังสามารถร่วมมือกันถ่วงดุลภูเขาภูตศักดิ์สิทธิ์ได้อีก
จำนวนคนที่เข้าไปในแดนต้องห้ามกระดูกฝังในครั้งนี้มีไม่มากนัก พวกผู้บำเพ็ญตนอิสระล้วนถูกขับไล่ออกไปหมดแล้ว จำนวนคนในแต่ละกองกำลังก็มีเพียงยี่สิบสามสิบคนเท่านั้น เมื่อรวมเข้าด้วยกันก็มีไม่ถึงร้อย
เทพธิดาจิ่วโยวพาหลัวซิวเดินออกมาจากราชรถ หลัวซิวในวินาทีนี้ได้ใช้วิชาไร้ลักษณ์เปลี่ยนแปลงโฉมหน้าออร่าไปแล้ว
อย่างไรก็ตามคนทั่วไปไม่สามารถมองทะลุการปลอมตัวของเขา แต่หลงเทียนหลิงและตงฟางหยุนอีกลับเป็นผู้แข็งแกร่งที่อยู่เหนือราชาเซียน จึงสัมผัสได้ภายในเสี้ยววินาทีว่าพลังออร่าบนตัวเขาผิดปกติ
ทว่าแม้พวกเขาจะดูออกอยู่ว่าหลัวซิวอำพรางตัวตน แต่พวกเขากลับมองความเป็นมาของเขาไม่ออก
ตงฟางหยุนอีหัวเราะเบา ๆ “จิ่วโยวนวี่ เคยได้ยินมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้วว่าเจ้าไม่เคยสบอารมณ์ต่อบุรุษคนใดมาก่อน นี่เจ้าแอบเลี้ยงดูหนุ่มหน้าตี๋คนหนึ่งตั้งแต่เมื่อไหร่ล่ะ?”
เผ่าจิ่วโยวและเผ่าพันธุ์ภูตศักดิ์สิทธิ์ไม่ถูกกันมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว เมื่อเห็นโอกาสตงฟางหยุนอีย่อมต้องถากถางอยู่แล้ว ถึงนางจะรู้อยู่ว่าจากอุปนิสัยของเทพธิดาจิ่วโยว ไม่มีทางชอบมดตัวจ้อยที่ผลการฝึกตนเป็นเพียงเซียนตนหนึ่ง
“ตงฟางนังผู้หญิงชั้นต่ำ ข้าจักทำอะไรมันก็เรื่องของข้า ถึงคราวเจ้ามาสาระแนแล้วหรือ?”
เทพธิดาจิ่วโยวทำเสียงหึอย่างเยือกเย็นทีหนึ่ง ด่าตงฟางหยุนอีว่าเป็นผู้หญิงชั้นต่ำต่อหน้าผู้คน ช่างกล้าหาญจนน่ากลัวจริง ๆ
“เป็นถึงเทพธิดาของเผ่าจิ่วโยวที่สง่าผ่าเผย ไม่นึกเลยว่าจะหยาบคายเช่นนี้!”สีหน้าของตงฟางหยุนอีดูย่ำแย่ลงไปทันที
“เจ้าไม่พอใจรึ? หากเก่งจริงเจ้าก็ต้านรับสามกระบวนท่าของข้าให้ได้ก่อนสิ แล้วต่อไปข้าจะไม่ด่าเจ้าว่าเป็นนังผู้หญิงชั้นต่ำอีก”
เทพธิดาจิ่วโยวมองตงฟางหยุนอีด้วยสายตาที่เหยียดหยามรอบหนึ่ง
ผู้คนที่อยู่บริเวณรอบ ๆ ล้วนนิ่งเงียบ แม้นเผ่าพันธุ์ภูตศักดิ์สิทธิ์และเผ่าจิ่วโยวจะไม่ถูกกัน แต่ทันทีที่พบกัน เทพธิดาของทั้งสองฝ่ายก็ไม่ถึงขั้นต้องทะเลาะกันรุนแรงขนาดนี้
โดยส่วนใหญ่แล้วคนทั่วไปไม่มีสิทธิ์เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับศึกระหว่างเทพธิดา อย่างน้อยก็ต้องเป็นผู้อาวุโสในแดนศักดิ์สิทธิ์ถึงจะมีสิทธิ์เข้าไปยุ่ง
มีเพียงหลัวซิวที่รู้ว่าสาเหตุที่เทพธิดาจิ่วโยวด่าตงฟางหยุนอีว่านังผู้หญิงชั้นต่ำนั้น เป็นเพราะนางกำลังช่วยตัวเองแก้แค้น
ต่างเป็นเทพธิดาเหมือนกัน เทพธิดาจิ่วโยวเป็นราชาเซียนแล้ว แต่ตงฟางหยุนอีกลับยังคงเป็นเซียนชั้นฟ้า ถึงนางจะเป็นเซียนชั้นฟ้าขั้นสูง แต่ถ้าเกิดต่อสู้กับเทพธิดาจิ่วโยวจริง ๆ อย่าว่าแต่สามกระบวนท่าเลย แค่สองกระบวนท่าก็คงต้านรับไว้ไม่ได้แล้ว
“ทั้งสองท่านอย่าเพิ่งปะทะฝีปากกันเลย ยังมีเรื่องด่วนที่ต้องจัดการ”หลงเทียนหลิงผู้อาวุโสของเผ่ามังกรเซียนทนดูต่อไปไม่ได้แล้ว
แม้การปะทะฝีปากของเทพธิดาจะเป็นอะไรที่ถูกตาสบายใจมาก แต่ก็ต้องแยกแยะเวลาเช่นกัน
สีหน้าของตงฟางหยุนอีเขียวช้ำ เทพธิดาจิ่วโยวทำเสียงหึเบา ๆ ครั้งหนึ่ง ทั้งสองไม่ได้ปะทะฝีปากต่อ ถือเป็นการไว้หน้าหลงเทียนหลิง
คนกลุ่มหนึ่งเริ่มออกเดินทาง เข้าสู่แดนต้องห้ามกระดูกฝัง
แม้จะอยู่ในริมขอบชั้นนอกของแดนต้องห้ามกระดูกฝัง ก็ยังเต็มเปี่ยมไปด้วยภยันตรายอยู่ดี ผู้คนเพิ่งเข้าไปได้ไม่นาน ก็มีฝูงแมลงซื่อเซียนพุ่งเบียดเสียดกันเข้ามา เสมือนกระแสน้ำสีดำ
“ก็แค่แมลงซื่อเซียนสีดำเอง”
หลงเทียนหลิงโบกมืออย่างเย็นชา ผู้แข็งแกร่งเผ่ามังกรเซียนตนหนึ่งจึงก้าวเดินไปด้านหน้า อ้าปากแล้วพ่นอัคคีมังกรที่ร้อนแรงออกมา ทำให้ฝูงแมลงซื่อเซียนถูกแผดเผาจนกลายเป็นเถ้าธุลี
กลุ่มคนที่มีคุณสมบัติถูกคัดเลือกให้มาสำรวจในแดนต้องห้ามกระดูกฝัง ผลการฝึกตนของทุกคนล้วนไม่ต่ำกว่าเซียนชั้นฟ้า จึงไม่เกรงกลัวแมลงซื่อเซียนที่แม้แต่ระดับเซียนยังบรรลุไม่ถึงอยู่แล้ว ต่อให้เป็นฝูงแมลงซื่อเซียนสีม่วง พวกเขาก็ไม่เกรงกลัว
อย่างไรก็ตามแมลงซื่อเซียนกลับเป็นเพียงภยันตรายที่พบได้บ่อยที่สุดในแดนต้องห้ามกระดูกฝัง สิ่งที่น่ากลัวยิ่งกว่าคือญาณมรณะที่น่าสยดสยองนั่น เพราะญาณมรณะทุกดวงล้วนมีศักยภาพที่อยู่เหนือราชาเซียน
ผู้คนมุ่งไปด้านหน้าต่อ ระหว่างทางก็เจอฝูงแมลงซื่อเซียนติดต่อกันอีกสองสามครั้ง ทว่ากลับหยุดยั้งฝีเท้าของเหล่าผู้แข็งแกร่งวิถีเซียนไม่ได้
จากการที่ยิ่งอยู่ยิ่งลึกเข้าไป ออร่าเงียบสงัดที่อยู่บริเวณรอบ ๆ ก็ยิ่งอยู่ยิ่งน่ากลัว จากนั้นก็มียักษ์กระดูกขาวตนหนึ่งที่สูงสามพันกว่าเมตรปรากฏด้านหน้า
มือข้างหนึ่งของยักษ์กระดูกขาวกำลังถือศพมังกรครึ่งท่อนที่เลือดอาบท่วมตัว มันยกศพมังกรขึ้นมากัดกินอยู่เป็นระยะ ๆ เลือดสีแดงสดพุ่งกระฉูด กระดูกมังกรที่แข็งแรงถูกเคี้ยวจนเสียงดังกรอบแกรบ ทำให้ผู้คนขนหัวลุกซู่
“ไอ้สารเลว!”
หลงเทียนหลิงโกรธเกรี้ยวอย่างยิ่ง เพราะศพมังกรครึ่งท่อนที่ถูกฉีกกระชากก็คือผู้อาวุโสระดับกษัตริย์เซียนตนหนึ่งในเผ่ามังกรเซียนของพวกเขานั่นเอง
“โฮกก!”
สีหน้าของประมุขเซียนทั้งสามเปลี่ยนไปอย่างมาก เมื่อพวกเขาร่วมมือกันรุมโจมตียักษ์กระดูกขาว แต่ก็แค่สามารถกดอัดเท่านั้น หากจะสังหารก็ต้องทุ่มแรงกายแรงใจในระดับหนึ่งเช่นกันถึงจะสามารถสังหารมันได้ หากมีญาณมรณะตัวอื่น ๆ พุ่งสังหารเข้ามา คาดว่าคนทั้งหมดจากแดนศักดิ์สิทธิ์ใหญ่ทั้งสามต้องได้ตายอยู่ในนี้แน่ ๆ
“มาทางนี้”
มือหยุนเซวียนกำลังถือกระดูกนิ้วมือชิ้นหนึ่งที่มีแสงเปล่งประกาย ดูจากสภาพเหมือนจะเป็นกระดูกนิ้วโป้งของมนุษย์ พร่างพราวดั่งหยก มีแสงสว่างอ่อน ๆ เปล่งประกาย
เห็นได้ชัดเจนเลยว่านั่นคือกระดูกนิ้วท่อนหนึ่ง และมันก็คือที่พึ่งพิงที่สามารถทำให้หยุนเซวียนมีชีวิตรอดออกมาจากแดนต้องห้ามกระดูกฝังนั่นเอง กระดูกนิ้วชี้แนะเส้นทางหนึ่งให้นาง ต่อมาภายใต้การย้ำเตือนของนาง หลงเทียนหลิงจึงพาคนในเผ่ามังกรเซียนบินหนีไป ซึ่งการบินนั้นแทบจะแนบติดกับพื้นดินเลย
แดนศักดิ์สิทธิ์จิ่วโยวและภูเขาภูตศักดิ์สิทธิ์ก็เร่งตามหลังไปเช่นกัน ทันทีที่อสูรยักษ์กระดูกขาวและยักษ์เหล่านั้นพุ่งมาถึง มันไม่ใช่เรื่องเล่น ๆ เลยนะ ญาณมรณะที่อ่อนที่สุดก็สามารถเทียบทัดราชาเซียนได้เช่นกัน ญาณมรณะส่วนมากยิ่งสามารถเทียบทัดประมุขเซียน!
เมื่อมีการชี้นำของกระดูกนิ้ว คนกลุ่มหนึ่งจึงหลบเลี่ยงภยันตรายได้เยอะมาก แต่หลัวซิวกลับค้นพบว่าพวกเขาแค่อ้อมไปอ้อมมาอยู่ในวงแหวนชั้นนอกของแดนต้องห้ามกระดูกฝัง ซึ่งไม่สามารถไปยังตำแหน่งที่เป็นทางออกของค่ายกลสะพานทะยานเซียน
ประโยชน์ของกระดูกนิ้วท่อนนั้นของหยุนเซวียนน่าจะเป็นการหลีกเลี่ยงภยันตราย ส่วนลึกของแดนต้องห้ามกระดูกฝังอันตรายเกินไป ดังนั้นกระดูกนิ้วจึงไม่มีทางชี้นำให้นางลึกเข้าไปด้วยซ้ำ แค่จะพานางไปยังสถานที่ที่ปลอดภัย
ไม่นานนัก ผู้แข็งแกร่งจากแดนศักดิ์สิทธิ์ใหญ่ทั้งสามก็ค้นพบจุดนี้เช่นกัน ในเมื่อพวกเขามาสำรวจแดนต้องห้ามกระดูกฝัง จึงต้องเข้าไปในจุดที่ลึกที่สุดอยู่แล้ว หากแค่แกว่งไกวอยู่ในแถบวงแหวนชั้นนอก แล้วมันจะมีความหมายอะไร?
“เก็บกลับเข้าไปเถิด ดูท่าคงจะคาดหวังให้ภัณฑ์เศษณ์ชิ้นนี้พาเราไปยังส่วนลึกของแดนต้องห้ามกระดูกฝังไม่ได้แล้ว”หลงเทียนหลิงถอนหายใจเฮือกหนึ่งแล้วพูด
“เราสามารถเลือกฝ่าฟันเข้าไปด้วยเส้นทางใดเส้นทางหนึ่ง หากเจอภยันตรายจริง ๆ ก็สามารถอาศัยภัณฑ์เศษณ์ของสาวน้อยคนนี้ถดถอยกลับมาได้อย่างคล่องแคล่ว”ตงฟางหยุนอีพูด
“พวกเจ้าดูสิ นั่นคืออะไร?”
ทันใดนั้นเอง ก็มีคนชี้ไปทางส่วนลึกของแดนต้องห้ามกระดูกฝัง มีรัศมีดวงหนึ่งค่อย ๆ เลื่อนขึ้นมาดั่งพระอาทิตย์ ท่ามกลางสถานที่ที่เงียบสงัดและมืดสลัวนี้ รัศมีดังกล่าวจึงโดดเด่นอย่างยิ่ง
คนจากแดนศักดิ์สิทธิ์ใหญ่ทั้งสามไม่เข้าใจ ทว่าเมื่อหลัวซิว หลินเทียนแล้วก็หยุนเซวียนเห็นภาพเหตุการณ์ดังกล่าว สีหน้าอารมณ์ของพวกเขากลับแตกต่างกันออกไป
ครั้นพวกเขาบินทะยานขึ้นสู่โลกเซียน พวกเขาก็ไล่ตามไปยังสถานที่ตั้งของรัศมีดวงนั้นนั่นแหละ แต่สุดท้ายกลับได้พบกับฝูงแมลงซื่อเซียน
หยุนเซวียนอาศัยภัณฑ์เศษณ์พาหลินเทียนหนีออกมาได้ แต่มีเพียงหลัวซิว ฉินจ้านและตู๋กูเคยไปถึงตำแหน่งที่ตั้งของรัศมีดวงนั้นจริง ๆ
ที่นั่นมีหุบเขาเล็ก ๆ แห่งหนึ่ง และมีศิลาที่ผุพังก้อนหนึ่ง ซึ่งเขาก็ได้รับเวทย์ต้องห้ามที่หก ต้องห้ามหวูจี๋ไท่ซ่างมาจากบนศิลานั่นแหละ!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มหายุทธ์ สะท้านภพ
นี้ก็หายไปเป็นปีเลย แอแ...
รออ่านยุ...
มาต่อๆ...
มีต่อไหมครับรออยู่นะครับ...
มึงๆ กูๆ เชี้ยไรเยอะแยะวะ นิยายจีนนะโว้ย อ่านเจอแล้วสดุดเสียรมตลอด...
แปลต่อทีค่า รออ่านอยู่นะคะ🥺🥺...
มีต่อไหมครับ...
รออยู่นะครับ...
เรื่องเก่าอัพเดตบ้าง ไม่ใช่ลงแต่เรื่องใหม่...
เมื่อไรจะลงซักที...