วังทะยานเซียนก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปเหมือนกัน หลังจากโผล่ออกมาจากพื้นดิน ก็ลอยอยู่กลางท้องฟ้า
เวลาร้อยพันปีที่ผ่านมา ได้มีผู้แข็งแกร่งมากมายเข้าไปสำรวจ แต่ส่วนใหญ่ล้วนกลับออกมามือเปล่า
กระทั่งที่ว่ามีคำเล่าลือบางอย่างในจักรวาลฟ้าดินด้านนี้ บอกว่าในแดนปริศนาตรีภพที่อยู่ส่วนลึกของวังทะยานเซียน มีอสูรจิตตรีภพที่น่ากลัวตนหนึ่งดำรงอยู่ ประมุขเต๋ากับมกุฎเต๋ามากมายได้ถูกมันจับฉีกทั้งเป็น ตัวตายวิญญาณสลาย
หลัวซิวไม่รู้เกี่ยวกับเรื่องเล่าพวกนี้ แต่มีอยู่อย่างหนึ่งที่เขามั่นใจได้ นั่นก็คือให้ลาร์อยู่ในสถานตรีภพ โดยทั่วไปไม่มีใครสามารถทำอันตรายเขาได้
สำหรับลาร์แล้ว อยู่ในตรีภพเขาสามารถแสดงพลังการต่อสู้ที่แข็งแกร่งที่สุดออกมาได้ ตรงกันข้ามหากเป็นคนอื่นเข้ามาในแดนปริศนา ล้วนต้องถูกจำกัดจากตรีภพ
หนึ่งเกิดหนึ่งมอดดับ บวกกับการเติบโตอย่างรวดเร็วของลาร์เมื่ออยู่ในตรีภพ เข่นฆ่าประมุขเต๋ามกุฎเต๋า มันไม่นับอะไรเลย
เวลาผ่านนานไป ก็ไม่มีใครกล่าวถึงวังทะยานเซียนอีก
ก้าวเดินอยู่ในตรีภพ หลัวซิวหลับตาลง ตัวสำนึกแผ่ซ่านออกไป สัมผัสรู้ถึงความลึกลับมหัศจรรย์ของตรีภพแห่งนี้
ในด้านสัมผัสรู้เกณฑ์ธรรมเวช เขาย่อมได้สัมผัสถึงระดับขั้นเกณฑ์สูงศักดิ์ตรีภพเป็นที่เรียบร้อย แต่หากพูดถึงความลึกซึ้ง ตรีภพในแดนปริศนาแห่งนี้ มันเหนือกว่าการสัมผัสรู้ของเขา
เทพธิดาหยุนเซวียนเคยได้บอกเอาไว้ ราชาเซียนหยุนหลงผู้เป็นบิดาของเขาได้แดนปริศนามาโดยบังเอิญ ว่ากันว่ามีพลังอมตะแขนงหนึ่งอยู่ในแดนปริศนาแห่งนี้
ส่วนชื่อของพลังอมตะแขนงนี้ มีนามว่าตรีภพ
เป็นพลังอมตะที่เกิดจากเกณฑ์สูงศักดิ์ตรีภพ แต่ละชนิดต่างก็เป็นพลังอมตะที่ค่อนข้างมีชื่อเสียง ตัวอย่างเช่นธรรมลักษณ์ฟ้าดิน!
ส่วนมหาอิทธิฤทธิ์ตรีภพ เป็นพลังอมตะของหนึ่งในหกเผ่าพันธุ์บรรพกาล ชนเผ่าตรีภพ!
“ตึง!”
ตรีภพลอยขึ้นมาที่ด้านหลังหลัวซิว ภาพไท่จี๋เสวียนแท้ปรากฏ
วิถีแห่งไท่จี๋เสวียนแท้ มีต้นกำเนิดมาจากอาจารย์ปู่ท่านนั้นของสำนักเซียนเสวียนแท้ แต่ความเป็นจริงเมื่อมาถึงมือของหลัวซิว เขาใช้เขาใช้ไร้ลักษณ์อนุมานแปรผัน ได้หลอมรวมเข้ากับการสัมผัสรู้ตรีภพของตัวเขาเอง
ในเวทย์ต้องห้ามที่เขาสร้างขึ้นมาเอง หลัวซิวรู้สึกว่าตรีภพในที่แห่งนี้ เหมาะที่จะนำมาใช้ในการสร้างเวทย์ต้องห้ามแขนงต่อไปมาก เวทย์ต้องห้ามที่เกี่ยวข้องกับเกณฑ์สูงศักดิ์ตรีภพ
ก่อนหน้านี้แดนการฝึกตนของเขาไม่สูงพอ ดังนั้นจึงตระหนักรู้ถึงความลึกลับมหัศจรรย์ของตรีภพในระดับที่ลึกกว่านี้ไม่ได้ แต่ตอนนี้ไม่เหมือนกันแล้ว
เรื่องที่ราชาเซียนหยุนหลงไม่สามารถทำได้ ไม่ได้หมายความว่าเขาจะทำไม่ได้
“ครืน......”
ทันใดนั้น ตรีภพที่อยู่ห่างออกไปพลิกตลบสั่นไหว มือยักษ์ที่มีลายมือชัดเจนได้ฉีกแต่ภพชั้นแล้วชั้นเล่า คว้าเข้ามาหาหลัวซิว
หลัวซิวยิ้มอ่อน ๆ เขาย่อมรู้อยู่แล้วว่าคนที่ลงมือคือลาร์ นอกจากนี้เขายังไม่รู้สึกถึงไอสังหารใด ๆ ที่มาจากอีกฝ่ายเลย
ที่ทำให้เขาภูมิใจก็คือ หลายปีมานี้ลาร์ได้พัฒนาตนขึ้นมามาก ไม่ทำให้เขาผิดหวังเลย
“ลาร์ เจ้าทักทายข้าแบบนี้หรือ?”
หลัวซิวยกนิ้วมือนิ้วหนึ่งขึ้นมา ชี้ไปในอากาศ ตรีภพทลายลงทันที ลำแสงสีทองสายหนึ่ง ทะลวงทุกอย่างที่ขวางกั้น แทงทะลุมือใหญ่ของลาร์
“เจ้านายเก่งจังเลย!”
ลาร์ปรากฏตัวออกมาจากตรีภพ มือข้างหนึ่งลูบหลังศีรษะ มีท่าทางเซ่อซ่า
แต่ท่าทางเช่นนี้ มีเพียงตอนอยู่ต่อหน้าหลัวซิวเท่านั้น ลาร์ถึงจะแสดงมันออกมา
หากอยู่ต่อหน้าคนอื่น นิสัยอันโหดเหี้ยมของยักษ์ตรีภพจะปรากฏออกมาอย่างชัดเจน
พูดจากนัยหนึ่ง ลาร์นับว่ากิ่งก้านที่แตกออกมาจากเผ่าตรีภพหนึ่งในหกเผ่าพันธุ์บรรพกาล เพียงแต่เมื่อเทียบกันแล้ว พลังแห่งสายเลือดของเขา สู้ไม่ได้กับเผ่าตรีภพในโลกเซียน
แต่สายเลือดของเผ่าตรีภพนั้นสามารถยกระดับได้ ของเพียงได้ดูดซับกลั่นแปรพลังแห่งตรีภพขั้นสูง ต่อให้เป็นสายเลือดที่อ่อนแอ ก็สามารถทำให้แข็งแกร่งไร้ที่เปรียบได้
ฝึกตนอยู่ในแดนปริศนาตรีภพแห่งนี้เป็นเวลาสองพันปี สายเลือดของลาร์ได้แข็งแกร่งมากแล้ว อย่างน้อยก็เทียบได้กับคนธรรมดาในเผ่าตรีภพ
“เจ้าไม่เลวเลย”
เดิมพวกเขาคิดว่าหลังจากกลายเซียน ก็จะได้ไปยังโลกเซียนพร้อมกับหลัวซิว ภายในใจนั้น ย่อมไม่เต็มใจที่จะอยู่เฝ้าในโลกามนุษย์
“ข้าจะไปโลกเซียนกับพี่ใหญ่” ยู่เอ๋อร์เอ่ยขึ้นเป็นคนแรก นางกล่าวอย่างออดอ้อน
“โลกเซียนอันตรายเกินไป” หลัวซิวส่ายศีรษะ “พวกเจ้าทุกคน ข้าจะไม่พาใครไปโลกเซียนด้วยทั้งนั้น นอกเสียจากว่าวันใดวันหนึ่ง ข้าสามารถยืนหยัดในโลกเซียนได้”
“อะไรนะ!?”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ทุกคนต่างแสดงความผิดหวังขึ้นมาบนใบหน้า รวมทั้งเหยียนซีโร่วที่อยู่ข้างหลัวซิวเองก็เช่นกัน
“บางทีพวกเจ้าอาจคิดว่าหลังจากกลายเซียนแล้วจะแข็งแกร่งมาก แต่ในสถานที่อย่างโลกเซียน มนุษย์อมตะเป็นเพียงผู้ฝึกยุทธ์ระดับล่างสุดเพียงเท่านั้น”
หลัวซิวทอดถอนใจเบา ๆ “ไม่ใช่ว่าข้าไม่อยากพาพวกเจ้าไปโลกเซียน แต่เป็นเพราะอยู่ในโลกเซียนแม้แต่ตัวข้าเอง ก็ยังมีศัตรูและคู่ปรับที่แข็งแกร่งอยู่มากมาย หากข้าพาพวกเจ้าไปตอนนี้ มีแต่จะเป็นการทำร้ายพวกเจ้า”
“ฟ้าดินตรีภพแห่งนี้ ข้าได้บุกเบิกขึ้นเองกับมือ พวกเจ้าตั้งใจฝึกตนอยู่ที่นี่ พยายามบรรลุให้ถึงแดนที่สูงยิ่งกว่า หากข้ายืนหยัดบนโลกเซียนได้ในอนาคต ข้าจะมารับพวกเจ้าทั้งหมดไป”
แม้ว่าทุกคนต่างก็ผิดหวัง ล้วนอยากไปโลกเซียน แต่หลังจากที่หลัวซิวได้พูดเช่นนี้ออกมา ยู่เอ๋อร์กับซีโร่วต่างก็เงียบไป
พวกนางต่างอยากอยู่ข้างกายหลัวซิว แต่ก็ไม่อยากเป็นตัวภาระ
ความรู้สึกที่ซับซ้อนเช่นนี้ ทำให้ภายในใจของพวกนาง รู้สึกเวิ้งว้างเล็กน้อย
หลัวซิวรู้ถึงความไม่อาจตัดใจของทุกคน ดังนั้นจึงกล่าวขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม: “พวกเจ้ากลายเซียนสำเร็จแล้ว อายุยืนยาวไม่มีที่สิ้นสุด วันเวลายังอีกยาวไกล ต้องได้กลับมาพบกันอย่างปลอดภัยในสักวันอย่างแน่นอน”
ที่จริงในก้นบึ้งหัวใจของหลัวซิว จะไม่รู้สึกทอดถอนใจได้อย่างไร?
ชาตินี้ เขาต้องการไล่ตามจุดสูงสุดของโลกยุทธ์ เข้าต้องการปกป้องญาติสนิทมิตรสหายที่อยู่รอบข้างทุกคน
เขาเชื่อว่าวันนั้นต้องมาถึง ในอนาคตเขาจักต้องบุกเบิกแดนสุขาวดี ให้ทุกคนที่อยู่รอบกายมีชีวิตอันสงบสุข
ก็เหมือนกับที่ไท่ซ่างอวี้บิดาของเขาได้บุกเบิกสุขาวดีแดนต้องห้ามกระดูกฝังเอาไว้ให้ลูกชายอย่างเขา......
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มหายุทธ์ สะท้านภพ
นี้ก็หายไปเป็นปีเลย แอแ...
รออ่านยุ...
มาต่อๆ...
มีต่อไหมครับรออยู่นะครับ...
มึงๆ กูๆ เชี้ยไรเยอะแยะวะ นิยายจีนนะโว้ย อ่านเจอแล้วสดุดเสียรมตลอด...
แปลต่อทีค่า รออ่านอยู่นะคะ🥺🥺...
มีต่อไหมครับ...
รออยู่นะครับ...
เรื่องเก่าอัพเดตบ้าง ไม่ใช่ลงแต่เรื่องใหม่...
เมื่อไรจะลงซักที...