มหายุทธ์ สะท้านภพ นิยาย บท 3201

วังทะยานเซียนก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปเหมือนกัน หลังจากโผล่ออกมาจากพื้นดิน ก็ลอยอยู่กลางท้องฟ้า

เวลาร้อยพันปีที่ผ่านมา ได้มีผู้แข็งแกร่งมากมายเข้าไปสำรวจ แต่ส่วนใหญ่ล้วนกลับออกมามือเปล่า

กระทั่งที่ว่ามีคำเล่าลือบางอย่างในจักรวาลฟ้าดินด้านนี้ บอกว่าในแดนปริศนาตรีภพที่อยู่ส่วนลึกของวังทะยานเซียน มีอสูรจิตตรีภพที่น่ากลัวตนหนึ่งดำรงอยู่ ประมุขเต๋ากับมกุฎเต๋ามากมายได้ถูกมันจับฉีกทั้งเป็น ตัวตายวิญญาณสลาย

หลัวซิวไม่รู้เกี่ยวกับเรื่องเล่าพวกนี้ แต่มีอยู่อย่างหนึ่งที่เขามั่นใจได้ นั่นก็คือให้ลาร์อยู่ในสถานตรีภพ โดยทั่วไปไม่มีใครสามารถทำอันตรายเขาได้

สำหรับลาร์แล้ว อยู่ในตรีภพเขาสามารถแสดงพลังการต่อสู้ที่แข็งแกร่งที่สุดออกมาได้ ตรงกันข้ามหากเป็นคนอื่นเข้ามาในแดนปริศนา ล้วนต้องถูกจำกัดจากตรีภพ

หนึ่งเกิดหนึ่งมอดดับ บวกกับการเติบโตอย่างรวดเร็วของลาร์เมื่ออยู่ในตรีภพ เข่นฆ่าประมุขเต๋ามกุฎเต๋า มันไม่นับอะไรเลย

เวลาผ่านนานไป ก็ไม่มีใครกล่าวถึงวังทะยานเซียนอีก

ก้าวเดินอยู่ในตรีภพ หลัวซิวหลับตาลง ตัวสำนึกแผ่ซ่านออกไป สัมผัสรู้ถึงความลึกลับมหัศจรรย์ของตรีภพแห่งนี้

ในด้านสัมผัสรู้เกณฑ์ธรรมเวช เขาย่อมได้สัมผัสถึงระดับขั้นเกณฑ์สูงศักดิ์ตรีภพเป็นที่เรียบร้อย แต่หากพูดถึงความลึกซึ้ง ตรีภพในแดนปริศนาแห่งนี้ มันเหนือกว่าการสัมผัสรู้ของเขา

เทพธิดาหยุนเซวียนเคยได้บอกเอาไว้ ราชาเซียนหยุนหลงผู้เป็นบิดาของเขาได้แดนปริศนามาโดยบังเอิญ ว่ากันว่ามีพลังอมตะแขนงหนึ่งอยู่ในแดนปริศนาแห่งนี้

ส่วนชื่อของพลังอมตะแขนงนี้ มีนามว่าตรีภพ

เป็นพลังอมตะที่เกิดจากเกณฑ์สูงศักดิ์ตรีภพ แต่ละชนิดต่างก็เป็นพลังอมตะที่ค่อนข้างมีชื่อเสียง ตัวอย่างเช่นธรรมลักษณ์ฟ้าดิน!

ส่วนมหาอิทธิฤทธิ์ตรีภพ เป็นพลังอมตะของหนึ่งในหกเผ่าพันธุ์บรรพกาล ชนเผ่าตรีภพ!

“ตึง!”

ตรีภพลอยขึ้นมาที่ด้านหลังหลัวซิว ภาพไท่จี๋เสวียนแท้ปรากฏ

วิถีแห่งไท่จี๋เสวียนแท้ มีต้นกำเนิดมาจากอาจารย์ปู่ท่านนั้นของสำนักเซียนเสวียนแท้ แต่ความเป็นจริงเมื่อมาถึงมือของหลัวซิว เขาใช้เขาใช้ไร้ลักษณ์อนุมานแปรผัน ได้หลอมรวมเข้ากับการสัมผัสรู้ตรีภพของตัวเขาเอง

ในเวทย์ต้องห้ามที่เขาสร้างขึ้นมาเอง หลัวซิวรู้สึกว่าตรีภพในที่แห่งนี้ เหมาะที่จะนำมาใช้ในการสร้างเวทย์ต้องห้ามแขนงต่อไปมาก เวทย์ต้องห้ามที่เกี่ยวข้องกับเกณฑ์สูงศักดิ์ตรีภพ

ก่อนหน้านี้แดนการฝึกตนของเขาไม่สูงพอ ดังนั้นจึงตระหนักรู้ถึงความลึกลับมหัศจรรย์ของตรีภพในระดับที่ลึกกว่านี้ไม่ได้ แต่ตอนนี้ไม่เหมือนกันแล้ว

เรื่องที่ราชาเซียนหยุนหลงไม่สามารถทำได้ ไม่ได้หมายความว่าเขาจะทำไม่ได้

“ครืน......”

ทันใดนั้น ตรีภพที่อยู่ห่างออกไปพลิกตลบสั่นไหว มือยักษ์ที่มีลายมือชัดเจนได้ฉีกแต่ภพชั้นแล้วชั้นเล่า คว้าเข้ามาหาหลัวซิว

หลัวซิวยิ้มอ่อน ๆ เขาย่อมรู้อยู่แล้วว่าคนที่ลงมือคือลาร์ นอกจากนี้เขายังไม่รู้สึกถึงไอสังหารใด ๆ ที่มาจากอีกฝ่ายเลย

ที่ทำให้เขาภูมิใจก็คือ หลายปีมานี้ลาร์ได้พัฒนาตนขึ้นมามาก ไม่ทำให้เขาผิดหวังเลย

“ลาร์ เจ้าทักทายข้าแบบนี้หรือ?”

หลัวซิวยกนิ้วมือนิ้วหนึ่งขึ้นมา ชี้ไปในอากาศ ตรีภพทลายลงทันที ลำแสงสีทองสายหนึ่ง ทะลวงทุกอย่างที่ขวางกั้น แทงทะลุมือใหญ่ของลาร์

“เจ้านายเก่งจังเลย!”

ลาร์ปรากฏตัวออกมาจากตรีภพ มือข้างหนึ่งลูบหลังศีรษะ มีท่าทางเซ่อซ่า

แต่ท่าทางเช่นนี้ มีเพียงตอนอยู่ต่อหน้าหลัวซิวเท่านั้น ลาร์ถึงจะแสดงมันออกมา

หากอยู่ต่อหน้าคนอื่น นิสัยอันโหดเหี้ยมของยักษ์ตรีภพจะปรากฏออกมาอย่างชัดเจน

พูดจากนัยหนึ่ง ลาร์นับว่ากิ่งก้านที่แตกออกมาจากเผ่าตรีภพหนึ่งในหกเผ่าพันธุ์บรรพกาล เพียงแต่เมื่อเทียบกันแล้ว พลังแห่งสายเลือดของเขา สู้ไม่ได้กับเผ่าตรีภพในโลกเซียน

แต่สายเลือดของเผ่าตรีภพนั้นสามารถยกระดับได้ ของเพียงได้ดูดซับกลั่นแปรพลังแห่งตรีภพขั้นสูง ต่อให้เป็นสายเลือดที่อ่อนแอ ก็สามารถทำให้แข็งแกร่งไร้ที่เปรียบได้

ฝึกตนอยู่ในแดนปริศนาตรีภพแห่งนี้เป็นเวลาสองพันปี สายเลือดของลาร์ได้แข็งแกร่งมากแล้ว อย่างน้อยก็เทียบได้กับคนธรรมดาในเผ่าตรีภพ

“เจ้าไม่เลวเลย”

เดิมพวกเขาคิดว่าหลังจากกลายเซียน ก็จะได้ไปยังโลกเซียนพร้อมกับหลัวซิว ภายในใจนั้น ย่อมไม่เต็มใจที่จะอยู่เฝ้าในโลกามนุษย์

“ข้าจะไปโลกเซียนกับพี่ใหญ่” ยู่เอ๋อร์เอ่ยขึ้นเป็นคนแรก นางกล่าวอย่างออดอ้อน

“โลกเซียนอันตรายเกินไป” หลัวซิวส่ายศีรษะ “พวกเจ้าทุกคน ข้าจะไม่พาใครไปโลกเซียนด้วยทั้งนั้น นอกเสียจากว่าวันใดวันหนึ่ง ข้าสามารถยืนหยัดในโลกเซียนได้”

“อะไรนะ!?”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ ทุกคนต่างแสดงความผิดหวังขึ้นมาบนใบหน้า รวมทั้งเหยียนซีโร่วที่อยู่ข้างหลัวซิวเองก็เช่นกัน

“บางทีพวกเจ้าอาจคิดว่าหลังจากกลายเซียนแล้วจะแข็งแกร่งมาก แต่ในสถานที่อย่างโลกเซียน มนุษย์อมตะเป็นเพียงผู้ฝึกยุทธ์ระดับล่างสุดเพียงเท่านั้น”

หลัวซิวทอดถอนใจเบา ๆ “ไม่ใช่ว่าข้าไม่อยากพาพวกเจ้าไปโลกเซียน แต่เป็นเพราะอยู่ในโลกเซียนแม้แต่ตัวข้าเอง ก็ยังมีศัตรูและคู่ปรับที่แข็งแกร่งอยู่มากมาย หากข้าพาพวกเจ้าไปตอนนี้ มีแต่จะเป็นการทำร้ายพวกเจ้า”

“ฟ้าดินตรีภพแห่งนี้ ข้าได้บุกเบิกขึ้นเองกับมือ พวกเจ้าตั้งใจฝึกตนอยู่ที่นี่ พยายามบรรลุให้ถึงแดนที่สูงยิ่งกว่า หากข้ายืนหยัดบนโลกเซียนได้ในอนาคต ข้าจะมารับพวกเจ้าทั้งหมดไป”

แม้ว่าทุกคนต่างก็ผิดหวัง ล้วนอยากไปโลกเซียน แต่หลังจากที่หลัวซิวได้พูดเช่นนี้ออกมา ยู่เอ๋อร์กับซีโร่วต่างก็เงียบไป

พวกนางต่างอยากอยู่ข้างกายหลัวซิว แต่ก็ไม่อยากเป็นตัวภาระ

ความรู้สึกที่ซับซ้อนเช่นนี้ ทำให้ภายในใจของพวกนาง รู้สึกเวิ้งว้างเล็กน้อย

หลัวซิวรู้ถึงความไม่อาจตัดใจของทุกคน ดังนั้นจึงกล่าวขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม: “พวกเจ้ากลายเซียนสำเร็จแล้ว อายุยืนยาวไม่มีที่สิ้นสุด วันเวลายังอีกยาวไกล ต้องได้กลับมาพบกันอย่างปลอดภัยในสักวันอย่างแน่นอน”

ที่จริงในก้นบึ้งหัวใจของหลัวซิว จะไม่รู้สึกทอดถอนใจได้อย่างไร?

ชาตินี้ เขาต้องการไล่ตามจุดสูงสุดของโลกยุทธ์ เข้าต้องการปกป้องญาติสนิทมิตรสหายที่อยู่รอบข้างทุกคน

เขาเชื่อว่าวันนั้นต้องมาถึง ในอนาคตเขาจักต้องบุกเบิกแดนสุขาวดี ให้ทุกคนที่อยู่รอบกายมีชีวิตอันสงบสุข

ก็เหมือนกับที่ไท่ซ่างอวี้บิดาของเขาได้บุกเบิกสุขาวดีแดนต้องห้ามกระดูกฝังเอาไว้ให้ลูกชายอย่างเขา......

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มหายุทธ์ สะท้านภพ