“ยุคโบราณกัลปาวสานมีความเก่าแก่ยิ่งกว่านั้น?”
หลัวซิวอึ้งไปโดยสิ้นเชิง เขาอยากรู้มากว่ากาลเวลาอันยาวนานในอดีต มีมหายุคอันยิ่งใหญ่เช่นใดอยู่กันแน่
หลังจากยุคบรรพกาล จักรพรรดิเซียนไท่ซ่างที่แข็งแกร่งที่สุด ความจริงแล้วเคยก้าวเข้าสู่ขั้นจักรพรรดิเซียนเลิศล้ำมาก่อน มากสุดเป็นจักรพรรดิเซียนสุดหล้า
มิเช่นนั้นเขาก็คงไม่หยุดอยู่เพียงด่านคุ้มครองจักรพรรดิขจี
ส่วนในยุคโบราณกัลปาวสาน กลับมีจักรพรรดิเซียนเลิศล้ำทั้งหมดห้าคน รู้ได้โดยไม่ต้องคิด นั่นต้องเป็นยุคอันรุ่งโรจน์ที่มียอดอัจฉริยะมากมาย ผู้แข็งแกร่งปรากฏขึ้นอย่างต่อเนื่องแน่นอน
หลัวซิวกลับราชาเซียนนี่ล่วนคุยกันอย่างใกล้ชิดสนิทสนม จากปากของอีกฝ่าย หลัวซิวได้รับรู้เรื่องราวความลับมากมาย
ในก่อนยุคบรรพกาล ยังมีอีกสามยุค
ยุคที่ใกล้กับยุคบรรพกาลที่สุด มีชื่อว่ายุคฮวงกู่(ยุคโบราณร้าง) ที่ห่างไกลที่สุดคือยุคโบราณกัลปาวสาน ก่อนยุคโบราณกัลปาวสานนั้นคือยุคตี้กู่(ยุคโบราณจักรพรรดิ)
ส่วนยุคที่เก่าแก่ที่สุด ถูกเรียกว่ายุคหงกู่(ยุคโบราณล้น)
ยุคหงกู่ ยุคตี้กู่ ยุคโบราณกัลปาวสาน ยุคฮวงกู่ ยุคบรรพกาล ยุคโบราณกาล ยุคโบราณก่อน ยุคโบราณกลาง ยุคโบราณหลัง......
เก้ายุคใหญ่ เกิดเป็นสายธารกาลเวลาที่ทอดยาวไกลของจักรวาลฟ้าดินอันกว้างใหญ่ไพศาล
“เหตุใดผู้อาวุโสถึงได้รู้มากมายเช่นนี้?” หลัวซิวอดไม่ได้ที่จะถามด้วยความสงสัย เพราะเรื่องเล่าที่มีคนรู้จักน้อยพวกนี้ แม้แต่ผู้แข็งแกร่งอย่างหลงอ้าวจวินก็ยังไม่รู้เลย และอีกฝ่ายก็เป็นเพียงราชาเซียนแห่งยุคโบราณกาลที่ฝึกตนห้าร้อยปีคนหนึ่งเท่านั้นเอง
“เพราะเชื้อสายสืบทอดที่ข้าเกิด มีต้นกำเนิดมาจากยุคฮวงกู่......"
ราชาเซียนนี่ล่วนได้บอกความลับอีกอย่างหนึ่งออกมา ตามที่เขาได้กล่าวมานั้น ในยุคฮวงกู่ เกี่ยวกับประวัติความเป็นมาของยุคที่เก่าแก่ยิ่งกว่าทั้งสามยุค ยังมีบันทึกอยู่บางส่วน
แต่หลังจากยุคฮวงกู่เป็นต้นมา เหมือนได้เกิดสงครามที่น่ากลัวขึ้น จึงทำให้ประวัติศาสตร์ขาดตอน ตั้งแต่ยุคบรรพกาลเป็นต้นมา ก็แทบจะไม่มีใครรู้เลยว่าเคยมียุคที่เก่าแก่ยิ่งกว่าอีกสี่ยุคอยู่
กระทั่งที่ว่าในยุคโบราณกาล มีผู้แข็งแกร่งได้ย้อนไปในเส้นทางแห่งกาลเวลา แต่หลังจากได้ย้อนถึงยุคบรรพกาลช่วงต้น กลับไม่สามารถย้อนไปถึงเรื่องราวในยุคฮวงกู่ได้ เหมือนได้มีผู้แข็งแกร่งไร้เทียมทานผนึกกาลเวลาเอาไว้ ขัดขวางบุคคลรุ่นหลัง ไม่ให้สืบเสาะถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในตอนนั้นได้
ได้ยินดังนั้น ในใจของหลัวซิวก็เต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น เขาเชื่อว่าผู้แข็งแกร่งที่ดำรงอยู่ในยุคบรรพกาล ก็ต้องมีวิสัยทัศน์เช่นนี้อย่างแน่นอน
สิ่งใดยิ่งลึกลับ ก็ยิ่งอยากไปสืบเสาะหาความจริง
เพียงแต่น่าเสียดาย ด้วยผลการฝึกตนในตอนนี้ของหลัวซิว แม้แต่ยุคโบราณหลังเขายังย้อนกลับไปไม่ได้เลย ยิ่งไม่ต้องพูดถึงย้อนกลับไปยังยุคที่เก่าแก่ยิ่งกว่าทั้งสี่ยุคนั่นเลย
โดยทั่วไปแล้ว ย้อนกลับไปในธารเวลาของยุคหนึ่ง มีเพียงเซียนสูงสุดที่ทำได้ ต้องการย้อนอดีตกลับไปสืบเสาะเรื่องราวในยุคหนึ่ง จากยุคปัจจุบัน ตำนานเล่าว่ามีเพียงผู้แข็งแกร่งมกุฎเซียนขึ้นไปเท่านั้นที่ทำได้
ส่วนหลัวซิวยังห่างจากมหาเซียนอยู่อีกระยะหนึ่ง ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเซียนสูงสุด
“ในยุคยุคฮวงกู่เคยมีผู้แข็งแกร่งไร้เทียมทานคนหนึ่งปรากฏขึ้น อาศัยผลการฝึกตนมกุฎเซียน สังหารจักรพรรดิเซียน!”
“อะไรนะ?”
หลัวซิวถลึงตาโต ตอนที่ราชาเซียนนี่ล้วนได้กล่าวถึงประวัติความเป็นมาเชื้อสายสืบทอดของเขา เพียงประโยคเดียว ก็ทำให้รู้สึกตะลึงงันอย่างหาที่เปรียบไม่ได้แล้ว
เขาเคยได้ยินว่ามกุฎเซียนคลุมโลกาสามารถต่อต้านจักรพรรดิเซียน แต่หากสู้วัดความเป็นตายกัน สุดท้ายจักรพรรดิเซียนก็แข็งแกร่งกว่าอยู่ดี เพราะความแตกต่างระหว่างมกุฎเซียนกับจักรพรรดิเซียน ราวฟ้ากับดิน
การต่อต้านที่ว่า คือสามารถรับมือซึ่ง ๆ หน้ากับจักรพรรดิเซียนได้ แต่ไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยว่ามกุฎเซียนคลุมโลกาสามารถสังหารจักรพรรดิเซียน
และก็เพราะเหตุนี้ เมื่อหลัวซิวได้ยินเรื่องที่ราชาเซียนนี่ล่วนกล่าว ถึงได้ตกตะลึงเช่นนี้
จักรพรรดิเซียน เป็นถึงผู้แข็งแกร่งที่ยกย่องให้เป็นผู้ไร้เทียมในทุกยุคทุกสมัย อำนาจก้องนวนภาทศพสุ ไร้เทียมทานทั้งสวรรค์และบนดิน!
“ข้าต้องการหาที่สำหรับพักฝึกตน หากวันใดวันหนึ่งเจ้าจะกลับไปยังโลกเซียน ข้าจะกลับไปพร้อมกับเจ้า” ราชาเซียนนี่ล่วนกล่าวเช่นนี้
หลัวซิวกับปากทันที จากนั้นราชาเซียนนี่ล่วนก็ขี่แสงกลลอยออกไป เขามีผลการฝึกตนในแดนราชาเซียน ย่อมไม่สามารถฝึกตนในฟ้าดินตรีภพที่หลัวซิวขึ้นมาได้เป็นธรรมดา
เมื่อเห็นราชาเซียนนี่ล่วนจากไป หลัวซิวรู้ว่าราชาเซียนแห่งยุคโบราณผู้นี้เคยผ่านการขึ้นลงครั้งใหญ่ ถูกผนึกขังเอาไว้เป็นเวลานานแสนนาน บางทีสำหรับเขาอาจเป็นโอกาสวาสนาครั้งหนึ่ง สะสมไว้จำนวนมากใช้ออกมาทีละน้อย
เขาเข้าสู่ฟ้าดินตรีภพ เห็นทุกคนยังคงฝึกตนชุบขัดเกลาร่างอยู่ในสีมาเพลากับอัสนี ต่อให้เป็นช่าจื่อเยียนที่สติปัญญาด้อยที่สุด ก็ได้บรรลุถึงแดนประมุขเต๋า ใช้เวลาอีกไม่นาน กลายเซียนมิใช่เรื่องยาก
ทุกอย่างกำลังเป็นไปตามที่เขาคาดการณ์เอาไว้ อสูรกลืนจิตตนนั้นได้วิวัฒนาการร่างแท้เหมือนดั่งมังกรออกมา ภายใต้การชุบขัดเกลาของพลังดั้งเดิมสายฟ้า สายเลือดของมันเปลี่ยนแปลงวิวัฒนาการอย่างต่อเนื่อง คลับคล้ายคลับคลาว่าจะวิวัฒนาการเป็นมังกรเซียน
เมื่อเทียบกับคนพวกนี้ ที่หลัวซิวรอคอยที่สุด ยังคงเป็นลาร์!
ตอนเข้าไปยังสถานตรีภพในวังทะยานเซียนเมื่อตอนนั้น เขาได้ทิ้งลาร์เอาไว้ที่นั่น และยังได้สร้างสีมาเพลาอยู่ในสถานตรีภพให้ลาร์
ตอนนี้ก็ผ่านมาหลายปีมากแล้ว เขารอคอยมากว่าตอนนี้ลาร์ได้เติบโตจนถึงขั้นไหนแล้ว
สถานตรีภพแห่งนั้นที่ราชาเซียนหยุนหลงได้มามีระดับค่อนข้างสูง มิเช่นนั้นก็คงไม่ทำให้ผู้แข็งแกร่งระดับราชาเซียนใช้เวลาแสนนานก็ยังตระหนักรู้ถึงความลึกลับมหัศจรรย์ที่ซ่อนอยู่ด้านในออกมาได้
ลาร์เป็นอสูรจิตตรีภพพรสวรรค์ เมื่ออยู่ในสถานตรีภพระดับสูง การเจริญเติบโตจักต้องน่าทึ่งอย่างแน่นอน
แสงกลเป็นเหมือนดั่งดวงดาวที่พาดผ่านไปยังอนัตตาอันมืดมิด หลัวซิวลงมายังโลกามนุษย์ในครั้งนี้ ก็เตรียมที่จะนำวังทะยานเซียนไปด้วย
ที่เขาให้ความสำคัญคือแดนปริศนาตรีภพที่อยู่ในวังทานเซียนแห่งนั้น ดินแดนล้ำค่าที่สามารถก่อเกิดผลึกตรีภพ สามารถเรียกได้ว่าเป็นสิ่งที่ประเมินค่าไม่ได้
สำหรับวังทะยานเซียนอันเดิม หากได้พบกับเทพธิดาหยุนเซวียนอีกครั้งเมื่อกลับไปยังโลกเซียนในอนาคต หลัวซิวต้องการส่งคืนให้นาง
ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม เหล็กเซียนชั้นกล้าของเขาก็นับว่าเป็นสิ่งที่ราชาเซียนหยุนหลงหลงเหลือเอาไว้ น้ำใจนี้ เขาจักต้องทดแทน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มหายุทธ์ สะท้านภพ
นี้ก็หายไปเป็นปีเลย แอแ...
รออ่านยุ...
มาต่อๆ...
มีต่อไหมครับรออยู่นะครับ...
มึงๆ กูๆ เชี้ยไรเยอะแยะวะ นิยายจีนนะโว้ย อ่านเจอแล้วสดุดเสียรมตลอด...
แปลต่อทีค่า รออ่านอยู่นะคะ🥺🥺...
มีต่อไหมครับ...
รออยู่นะครับ...
เรื่องเก่าอัพเดตบ้าง ไม่ใช่ลงแต่เรื่องใหม่...
เมื่อไรจะลงซักที...